ตอนที่ 686 เหล่าเด็กกำพร้า
“ผมยังใช้เวลาสะกดรอยพวกมันมานาน จนผมทำการตรวจสอบหลายจากก่อนจะแน่ใจว่าคนที่เราควรพุ่งเป้าคือตระกูลเฮ่อหลานนี่แหละ ผมใช้เวลาทั้หงมดไปกับการพยายามขุดให้ถึงความจริงที่อยู่ก้นบึ้งแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร ผมเห็นคุณผ่านประกาศคนหาย ตอนแรกที่เห็นผมอึ้งไปเลย ผมคิดไปเองว่าคุณรู้อะไรบ้างอย่างแล้ว เลยทำให้คุณเดินทางมาที่ประเทศ R เพื่อค้นหา แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่มีอะไรอธิบายถึงเหตุผลที่คุณวางตัวอยู่กับตระกูลเฮ่อหลานได้ ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ คุณไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกมันกับผู้หญิงที่คุณกำลังตามหาอยู่ที่บังเอิญมากที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกมัน”
“คุณแน่ใจนะว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์กาแล็กซีมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี่” ซิงเหอจ้องมองไปยังอีกฝ่ายเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
อีเฉินพยักหน้า “นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแบบนั้น ไม่งั้นเราจะอธิบายวัตถุประสงค์ที่พวกมันเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าว่ายังไงได้อีกล่ะ สมมุติว่ามันเป็นเจตนาการกุศลจริง งั้นจะอธิบายเรื่องที่เด็กกำพร้ามากมายหายตัวไปว่ายังไง จนถึงตอนนี้ก็ยังมีเด็กกำพร้าหลายคนที่สูญหายไปในระหว่างที่พวกมันเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น ดังนั้นจึงคิดได้แค่อย่างเดียวว่าเด็กพวกนั้นถูกพวกมันเลือกมาจากที่นั่น เป็นทางเดียวที่จะทำทุกอย่างโดยไม่ทำให้คนภายนอกเกิดความสงสัย”
ดวงตาของซิงเหอส่องประกาย เธอไม่คาดคิดว่าจะพบว่าครั้งหนึ่งคุณแม่ของเธอจะเคยเป็นเด็กในการดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและได้รับเลือกให้เข้าร่วมโปรเจกต์กาแล็กซีเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก…
เช่นนั้น บางทีลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินอาจจะถูกเลือกให้ร่วมโปรเจกต์กาแล็กซีด้วยเช่นกัน!
ไม่อย่างนั้น พวกเธอจะหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลยแบบนี้ไดอย่างไร
ซิงเหอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง “ธุรกิจหลักของตระกูลเฮ่อหลานคืออะไร ทำไมคุณแม่ของฉันถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉัน”
อีเฉินถอนหายใจ “ผมไม่แน่ใจเรื่องเบื้องหลังทางการเงินของตระกูลเฮ่อหลาน แต่ผมคิดว่าที่แม่ของคุณไม่เคยบอกเรื่องนี้เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้คุณเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง”
“แต่ทำไมพวกเขาถึงไปปรากฏตัวที่เมือง A และทำไมถึงไม่สามารถหาตระกูลเฮ่อหลานพบ”
“อ้างอิงจากพ่อของผม เมืองแรกที่พวกเขาเดินทางไปถึงหลังการหลบหนีคือเมือง A แต่เพราะพวกเขาไม่มีเอกสารรับรองการมีตัวตนของตัวเอง ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะออกไปนอกเมือง A ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานั้น ข้อมูลเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าตระกูลเฮ่อหลานได้ย้ายออกไปต่างประเทศแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของผมเท่านั้นเพราะพ่อผมไม่ได้บอกผมทุกอย่าง ผมว่าพ่อคงรู้สึกย้อนแย้งในตัวเองเพราะใจหนึ่งพ่อคงหวังว่าวันหนึ่งผมจะช่วยเขาได้ แต่อีกใจหนึ่งพ่อคงไม่อยากผลักแรงกดดันทั้งหมดมาให้ผม”
ซิงเหอเลือกที่จะเชื่ออีเฉินเพราะเขามีประสบการณ์เหมือนกับที่เธอเคยประสบมา คุณแม่ของเธอพาเธอไปซ่อนตัวในต่างประเทศเพราะกลัวว่าพวกเธอจะถูกค้นพบ แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่ก็ไม่เคยเปิดเผยเหตุผลว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น แต่เลือกที่จะสอนทุกอย่างที่เธอรู้ให้ซิงเหอในเวลาเดียวกัน ดังนั้นความคิดของคุณแม่ของเธอน่าจะเหมือนกับสิ่งที่พ่อของอีเฉินคิด
เวลาผ่านมานานหลายปีแต่ซิงหอยังไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับคุณแม่ของเธอเลย ไม่ว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปริศนาทั้งสิ้น!
ซิงเหอรู้สึกกลัวที่จะคิดต่อ เพราเธอไม่ต้องการให้อะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณแม่ของเธอทั้งนั้น!
เธอได้แต่หวังที่จะหาตัวแม่ของเธอให้พบให้เร็วที่สุด!
ไม่ว่าโปรเจกต์กาแล็กซีจะเป็นอะไร ก็ไม่มีความหมายสำหรับเธอ เธอเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยแม่ของเธอเท่านั้น แต่การที่จะทำเช่นนั้นอย่างแรกเธอจะต้องต่อกรกับตระกูลเฮ่อหลานซึ่งหากอ้างอิงจากสิ่งที่อีเฉินพูดแล้ว คนพวกนั้นเป็นภัยต่อการมีตัวตนอยู่ของแม่เธอและบรรดาเด็กกำพร้าเหล่านั้น!
ซิงเหอให้คำมั่นกับอีเฉินพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “งั้นเราจะเริ่มกระเทาะเปลือกของตระกูลเฮ่อหลาน ท้ายที่สุดความจริงจะต้องถูกเปิดเผยให้พวกเราได้รู้”
ตอนที่ 687 ไม่ได้มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
อีเฉินชะงัก “คุณตั้งใจจะจัดการกับตระกูลเฮ่อหลานงั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว” ซิงเหอพูดต่อตามความจริงราวกับเธอกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ “มีแต่ต้องต้อนพวกนั้นให้จนมุมเท่านั้นเราถึงจะได้ข้อมูลที่เราต้องการจากพวกเขา”
อีเฉินอึ้งยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะความมั่นใจของซิงเหอแต่เพราะเธอเชื่อในตัวเขาด้วยความสมัครใจอย่างง่ายดาย เธอไม่กังวลว่าเขากำลังโกหกเธออยู่บ้างหรือไง
อีเฉินอ้าปากค้าง “คุณเชื่อทุกอย่างที่ผมพูดงั้นเหรอ”
“แล้วทำไมฉันต้องไม่เชื่อล่ะ” ซิงเหอถามด้วยความสงสัย
“คุณไม่กลัวว่าผมจะแค่พูดปั่นหัวและทำให้คุณไปทำอันตรายครอบครัวคนบริสุทธิ์งั้นเหรอ” อีเฉินเอ่ยความกังวลที่อยู่ในใจของเขาออกมา เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องคิดเช่นนั้น ไม่ว่าใครก็คิดทั้งนั้น
แต่คำตอบของซิงเหอสร้างความประหลาดใจให้เขา “ฉันตัดสินใจได้เอง ในเมื่อฉันเลือกที่จะร่วมมือกับคุณ ก็เป็นธรรมดาที่ฉันจะเชื่อมั่นในตัวคุณในระดับหนึ่ง”
“แต่ผมเคยหักหลังคุณมาแล้วครั้งหนึ่ง…”
“ถ้าฉันไม่คิดว่าคุณเป็นคนที่ไว้ใจได้ เราคงไม่มานั่งคุยกันอยู่ตอนนี้หรอก”
อีเฉินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเขินอายและยิ้ม “ที่จริงผมคิดว่าคุณจะไม่เชื่อใจผมอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่คุณเชื่อผม”
เธอไม่ใช่คนที่เชื่อใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เคยหักหลังเธอมาก่อนอย่างเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณในความเต็มใจของเธอที่จะเชื่อในตัวเขาอีกครั้ง
“แต่นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้คุณ” ซิงเหอกล่าวเสริมอย่างนุ่มนวล
อีเฉินพยักหน้าเป็นคำสัญญา “ไม่ต้องห่วง คราวนี้ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง!”
ถ้าทำเขาให้เธอผิดหวัง เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของซิงเหออีกต่อไป และการได้อยู่ข้างคนที่เปล่งประกายอย่างซิงเหอเป็นโอกาสที่อีเฉินรู้สึกว่าเขาจะปล่อยไปไม่ได้ ดังนั้นอีเฉินสาบานว่านับแต่นี้ต่อไปเขาจะจงรักภักดีกับเธอ พวกเขาหารือกันอยู่อีกครู่หนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
จากนั้นซิงเหอก็เริ่มวางแผนการต่อกรกับตระกูลเฮ่อหลาน เธอไม่อาจรอได้อีกแล้วเพราะเธอต้องการไปให้ถึงต้นตอของทุกอย่างให้ได้เร็วที่สุด เธอต้องการหาที่อยู่ของคุณแม่ตัวเองและคุณเฉินที่หายสาบสูญ!
เธอจะต้องหาทั้งคู่ให้พบ!
หลังแยกกับอีเฉิน ซิงเหอนำอาลิและพรรคพวกกลับไปยังโรงพยาบาล เธอเอาข้อมูลของคนที่มาทำการตรวจดีเอ็นเอทั้งหมดกลับไปยังโรงแรมของพวกเธอ
อาลิเอ่ยถาม “ซิงเหอ เธอจะตรวจสอบคนพวกนี้ไปทำไมกัน ดีเอ็นเอของพวกเขาไม่ตรงกับอันที่เธอเอามาด้วยสักหน่อยไม่ใช่เหรอ หรือเธอสงสัยว่าลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินจะเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น”
ซิงเหอส่ายหัว “ไม่ ไม่ใช่แน่นอน”
“งั้นเธอจะทำไปทำไม” อาลิถาม
“ตอนนี้ฉันยังบอกอะไรไม่ได้ แต่ฉันจะรู้หลังจากที่ทำเสร็จ” คำตอบของซิงเหอทำให้พวกอาลิสับสนแต่พวกเขาไม่สงสัยหรือรบกวนเธอได้พิสูจน์มาตลอดว่าเธอคิดถูก ดังนั้นซิงเหอจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำเรื่องพวกนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายวัน มีผู้หญิงนับร้อยคนที่เข้ามารับการตรวจดีเอ็นเอ ซิงเหอไม่ได้ดูข้อมูลของทุกคน แต่เธอเลือกสุ่มออกมาบางส่วนและผลที่ออกมาช่วยยืนยันข้อสงสัยของซิงเหอ
บรรดาผู้หญิงที่เธอตรวจสอบ ไม่มีใครสักคนที่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลเฮ่อหลาน!