บทที่ 686 หวาชิงมีนิสัยตรงไปตรงมา

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 684 หวาชิงมีนิสัยตรงไปตรงมา
ราชครูจวินนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วมองไปยังผู้ที่ถูกนำตัวกลับมาที่อยู่บนพื้น เขาเพียงแค่มองอย่างเฉยเมย

ผู้ที่ไปรับกลับมาบอกว่าผู้ที่อยู่บนพื้นได้รับการรักษาแล้ว และจะดีขึ้น

ราชครูจวินเหลือบมองผู้ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เขา และหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา เปิดฝาถ้วยแล้วเป่าน้ำชา จากนั้นก็ถามว่า:“ใครใช้ให้เจ้าทำ?”

ผู้ที่อยู่บนพื้นตัวสั่น และร้องไห้โฮ:“ท่านราชครู ผู้น้อยก็ไม่รู้ขอรับ”

“เจ้าไม่รู้แล้วใครจะรู้?เจ้าเป็นผู้ดูแลม้าในจวนมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าได้เงินห้าตำลึงทุกเดือน ข้าจำผิดไปหรือไม่?” ราชครูจวินวางถ้วยน้ำชาลง และมองคนขับรถม้าที่อยู่บนพื้น

คนในจวนตระกูลจวิน มีคนสองประเภทที่ได้เงินมาก ประเภทแรกคือคนขับรถม้า คนขับรถม้าของจวนตระกูลจวิน แตกต่างไปจากจวนอื่น ๆ คนขับรถม้าสามารถขับรถม้าได้ และให้อาหารม้าได้ด้วย

ประการแรกคือเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย จึงเพิ่มเงินให้คนขับรถม้า ประการที่สองคือคนขับรถม้าสามารถขับรถม้าได้และรู้ว่าม้าต้องการอะไร

หากม้าป่วย คนขับรถม้าต้องรู้ก่อน

คนหนึ่งทำงานเท่ากับสองคน แน่นอนว่าต้องให้เงินสองเท่า

ส่วนอีกงานเป็นงานที่เป็นแม่นมของจวนตระกูลจวิน แม่นมต้องทิ้งลูกของตนเองมาเลี้ยงเด็กในตระกูลจวิน ในเมื่อทั้งลำบากกายทั้งลำบากใจ จึงต้องให้เงินมากพอสมควร

ราชครูจวินกำหนดกฎระเบียบเรื่องนี้ด้วยตนเอง จะไม่รู้ได้อย่างไร

ผู้ที่อยู่บนพื้นหน้าซีด:“ท่านราชครู แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร”

ราชครูจวินเหลือบมองภรรยาและลูกของคนผู้นั้น มีทั้งหมดหกเจ็ดคน

“หากเจ้าไม่รู้ เช่นนั้นก็จะส่งลูก ๆ ของเจ้าออกไปเป็นอาหารสุนัขข้างนอก” ราชครูจวินเลิกคิ้วเหมือนไม้กวาด เดิมทีเขาก็ดูดุร้ายอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้หน้าตาเคร่งขรึม และดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น

คนใช้สองสามคนเข้ามาและลากเด็กออกไปสองสามคน ผู้ที่อยู่บนพื้นคลานขึ้นมาร้องไห้

ราชครูจวินเตะผู้ที่เดินขึ้นมา:“เจ้าไม่พูดก็เท่ากับไม่สนใจลูก ๆ ของเจ้า หากพวกเขาถูกสุนัขกินเข้าไป มันก็เป็นเพราะเจ้าเป็นพ่อที่ฆ่า ต่อให้เป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป”

ขาของคนขับรถม้าเพิ่งได้รับการผ่าตัดและยังรู้สึกชาอยู่ เขาร้องไห้อยู่บนพื้นด้วยน้ำตานองหน้า

และทั้งครอบครัวก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนา

แม่ชราของเขาคุกเข่าลงตรงหน้าเขา และทุบตีเขาอย่างแรง:“เจ้าพูดสิ เจ้ารีบพูด เจ้าจะฆ่าหลานของข้าหรือ?”

ราชครูจวินมองไปที่หญิงชราและกล่าวต่อว่า:“หากเจ้าไม่พูดก็จะเฆี่ยนตีภรรยาของเจ้าจนตาย”

หลังจากนั้นก็มีคนมาลากภรรยาของเขาไปเฆี่ยนตี

ในลานบ้านมีเสียงร้องไห้ระงม หนานกงเย่เดินไปที่ประตู แต่ไม่ได้เข้าไป และหยุดดูต่อไป

คนผู้นั้นแม้ตายก็ไม่ยอมบอก ราชครูจวินเหลือบมองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาลากคนที่อยู่บนพื้นไปด้านข้าง และนำมีดออกมา จากนั้นก็บอกให้คนดึงขาของคนผู้นั้น แล้วเขาก็จะฟันดาบลงไป

คนผู้นั้นตกใจมากจนเหงื่อพลั่กและตะโกน

“ข้าพูด ข้าพูด……”

ราชครูจวินเหลือบมองไปที่ชายที่ถือมีด ชายที่ถือมีดเดินไปด้านข้าง และรอให้คนผู้นั้นพูด

คนผู้นั้นร้องไห้และบอกว่าเขาเสียพนันไปมาก และยังเป็นหนี้ก้อนโต คนจากบ่อนมาหาเขา หากไม่คืนเงินก็จะมาเอาเงินที่จวนราชครู เขาจนปัญญาและบอกว่าอีกสองวันจะนำไปให้

ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นเรื่องนี้ จากนั้นก็บอกเขาว่าสามารถให้เงินกับเขาได้ และจะให้เงินเขาหนึ่งพันตำลึง เพื่อที่จะให้เขาช่วยอะไรบางอย่าง

ในตอนแรกเขาลังเล และถามว่าเรื่องอะไร เขาไม่ตกลง การสังหารพระชายาเย่เป็นเรื่องที่ต้องถูกตัดหัว แต่อีกฝ่ายบอกว่าหากเขาไม่ทำก็จะนำเรื่องที่เขาติดการพนันไปบอกคนของจนราชครู

คนขับรถม้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตาย ดังนั้นเขาจึงรับเงินหนึ่งพันตำลึง

คนผู้นั้นบอกว่าจะแจ้งเขา แต่หลายวันแล้วก็ไม่ได้มา เขาจึงคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเช้านี้จะมาหาเขา เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ เขาจึงขับรถม้าออกไปและเกิดเรื่องขึ้น

ราชครูจวินเหลือบมองคนที่อยู่ข้าง ๆ คนผู้นั้นหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่น และให้คนขับรถม้าลงนาม จากนั้นราชครูจวินก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า:“เฆี่ยนให้ตาย!”

หลังจากนั้นคนขับรถม้าก็ถูกลากออกไปเฆี่ยนตีจนตาย และทั้งครอบครัวก็ตกใจ

ราชครูจวินนำกระดาษมาไปที่หน้าประตู และเมื่อเห็นหนานกงเย่ เขาก็หยุดชะงัก:“ท่านอ๋องเย่”

“ดูเหมือนว่าจะต้องไปสืบหาคนผู้นั้น” หนานกงเย่กล่าว

ราชครูจวินหันกลับไปมองและกล่าว่า:“เรื่องนี้ไม่รบกวนท่านอ๋องเย่พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเรื่องนี้เกิดจากคนในจวนราชครูของกระหม่อม เช่นนั้นก็ให้คนในจวนราชครูไปสืบ ท่านอ๋องเย่เชิญเสด็จกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้กระหม่อมจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อชี้แจงเรื่องนี้”

“เช่นนั้นก็ดี!” หนานกงเย่หันหลังจากไป และราชครูจวินก็นำคนออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นรอหนานกงเย่อยู่ที่จวน หลังจากที่หวาชิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นางก็มาหาฉีเฟยอวิ๋น แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็ถูกอาอวี่ขวางไว้

“พระชายาทรงพักผ่อนแล้ว หากท่านแม่ทัพน้อยมีธุระ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” อาอวี่ขวางไว้และไม่ให้หวาชิงเข้าไป หวาชิงชักดาบออกมาวางบนคอของอาอวี่

“ข้าจะไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้า จะหลบหรือไม่หลบ?” หวาชิงเป็นคนไม่มีขื่อมีแปมาแต่ไหนแต่ไร และนางก็มุทะลุ ดังนั้นนางจึงไม่เห็นอาอวี่อยู่ในสายตา

อาอวี่เงยหน้าขึ้น เสียชีพได้แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ ให้ตายอย่างไรก็ไม่หลบ

หวาชิงกำลังจะลงมือ ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากประตูและกล่าวว่า:“ท่านแม่ทัพน้อย เชิญเข้ามา”

ฉีเฟยอวิ๋นพบว่าหวาชิงเป็นศัตรูคนหนึ่ง และนางก็จนปัญญา

หวาชิงทิ้งดาบฃและเดินไป อาอวี่โกรธจนอยากจะชักดาบขึ้นมาฆ่าหวาชิง เขามองดูหวาชิงเชิดหน้าเดินเข้าไปและไม่กล้าลงมือ

สู้ไปก็ไม่ชนะ และไม่กล้าที่จะยั่วยุ

ใครจะเข้าใจความจำใจของอาอวี่?

ประตูถูกเปิดออก หวาชิงกวาดสายตามองด้านในห้อง นางเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาจริง ๆ

ฉีเฟยอวิ๋นกำลังอ่านตำราอยู่ และถือโอกาสคิดเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ด้วย

เมื่อหวาชิงเข้ามาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็วางตำราลง หวาชิงเข้าไปหาและโยนดาบในมือไปข้าง ๆ จากนั้นก็สังเกตภายในห้อง และเดินไปที่นั่งลงตรงข้ามกับฉีเฟยอวิ๋น

เมื่อเห็นหวาชิง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่านางกำลังละเลยความรับผิดชอบ

และต้องการยอมรับรับว่านางคือเสี่ยวฮวน จุดจบของนางจะเป็นอย่างไรนั้น นางเองก็ไม่กล้ารับประกัน

หวาชิงมีอารมณ์ฉุนเฉียว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ ควรทำอย่างไรดี?

ถ่วงเวลา!

“หงเถา รินน้ำชา!” ฉีเฟยอวิ๋นสั่งและมองไปที่หวาชิง

“ฉีเสี่ยวฮวน!” หวาชิงเรียกนาง ฉีเฟยอวิ๋นเพิกเฉย

“ท่านแม่ทัพน้อยช่างชอบล้อเล่นเสียจริง” ฉีเฟยอวิ๋นจงใจมองไปรอบ ๆ ห้อง และทำเป็นว่านางไม่เห็นอะไร

หวาชิงไม่หาเรื่องและถามว่า:“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

“อืม……ไม่ได้เป็นไร ขอบคุณท่านแม่ทัพน้อยที่ช่วยข้า หากวันนี้ไม่มีท่านแม่ทัพน้อย เกรงว่าข้าจะถูกม้าเหยียบตายไปแล้ว” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกเสียใจภายหลัง จนกระทั่งตอนนี้ภาพม้าที่พุ่งเข้ามาและกีบม้าที่ยกขึ้นก็ยังอยู่ตรงหน้านาง

หวาชิงประหลาดใจ:“ท่านไปทำให้ใครขุ่นเคืองหรือไม่ ถึงได้จะฆ่าท่าน?”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน:“ท่านแม่ทัพน้อยรู้ได้อย่างไรว่ามีคนต้องการจะฆ่าข้า ไม่ใช่ท่านแม่ทัพน้อย?”

“ในตอนนั้นข้าสามารถหลบได้ และม้าก็พุ่งเข้าไปหาท่าน คนขับรถม้าจงใจบังคับให้ม้าพุ่งเข้าไปหาท่าน หากไม่ใช่เพราะข้าจับท่านไว้ แล้วทำให้เขาร้อนใจ ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นง่ายเช่นนั้น และเขาก็คงจะขาหักทั้งสองข้าง

จะว่าไปแล้วท่านก็เป็นคนโง่จริง ๆ คนขับรถม้าผู้นั้นต้องการจะฆ่าท่าน ท่านยังจะไปช่วยเขาอีก หากเป็นข้า ข้าจะสับขาของเขาเป็นชิ้น ๆ และถือว่าเขาสั่งสมบุญกุศลให้บรรพบุรุษ!”

สีหน้าของชิงดูโกรธแค้น ไม่รู้ว่าคิดว่านางจะถูกฆ่าหรืออย่างไร

ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเป็นการดีที่หวาชิงจะไปฆ่าศัตรู หากยังปากหวานก้นเปรี้ยวอยู่ในเมืองหลวง เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสม นางก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน อดทนไว้จะดีกว่า!