บทที่****153: กระบี่เฟิ่งหมิงจากสวรรค์

หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาตะโกนใส่พวกพ้องทันที “พี่น้อง โจมตีมัน! มีพิษอยู่บนกรงเล็บของอสูรปฐพี เวลาของมันใกล้หมด อีกไม่ช้ามันต้องตาย! อย่าให้มันมีเวลาล้างพิษนั่น!” เมื่อเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจได้ยินเช่นนั้น พลังของพวกเขากลับมาทันทีพร้อมกับเริ่มการโจมตีที่ดุเดือด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เจ้าอ้วนโต้กลับด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก จนเป็นผลให้อีกฝ่ายถอยกลับ หลังจากนั้นเขาใช้ลำแสงของดาบเพื่อคุ้มกันตนเองอีกครั้งและรีบตรวจสอบร่างกายทันที แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเลวร้าย เจ้าอ้วนยังคงไม่ลืมเก็บผ้าที่หานปิงเอ๋อมอบให้เมื่อครู่นี้ ผ้าชิ้นนี้คือผ้าเช็ดหน้าที่นางพกติดตัวไปทุกที่ เป็นนางเห็นชอบแล้วว่าสมควรมอบมันให้กับเจ้าอ้วนเพื่อห้ามเลือดในตอนนี้ ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงถือวิสาสะเก็บมันไว้กับตนเองไปโดยปริยาย เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนทำเช่นนั้น หานปิงเอ๋อรู้สึกเขินอายอย่างไม่มีเหตุผล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นางคงจะสังหารทุกคนที่กล้าทำอย่างนี้กับนาง แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นข้อยกเว้น ในตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับความตาย นางไม่อาจให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำหรับเขาได้ แม้ว่าจะรู้สึกลำบากใจและขุ่นเคือง แต่นางก็ปล่อยให้มันผ่านไปทั้งอย่างนั้น

ในขณะที่หานปิงเอ๋อกำลังตำหนิเจ้าอ้วนอยู่ภายในใจ เขาก็จัดการร่างกายของตนเองเสร็จสิ้นแล้ว ความเป็นจริงคือพิษยังคงมีอยู่ที่บาดแผล เห็นได้ชัดว่ามันเป็นพิษที่ถูกใช้โดยผู้ฝึกตนอสูรกาย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าอ้วนที่มีปฐมกาลแห่งความโกลาหลอยู่ในตัว นี่นับเป็นความพิเศษของมันที่สามารถปรับแต่งพิษเหล่านี้ให้กลายเป็นปราณจิตวิญญาณได้ แม้ว่าจะไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดกับเจ้าอ้วนมากนัก เขาเพียงแค่รู้สึกร้อนราวกับยืนอยู่บนกองไฟ แต่เพียงไม่นานพวกมันก็สลายไปจนหมดสิ้น

ในตอนนี้พิษไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่เหล่าผู้ฝึกตนปีศาจยังคงรายล้อมอยู่รอบตัว ทั้งสิบเอ็ดคนที่เหลือรอดต่างใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อโจมตีเจ้าอ้วน จนกระทั่งเจ้าอ้วนไม่อาจทนความรำคาญนี้ได้จึงต้องโยนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกไปนับสิบลูกเพื่อหยุดการกระทำเช่นนี้ แต่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจำนวนจำกัดและมันมีวันหมด ถ้าหากเวลานั้นมาถึง แน่นอนว่าจุดจบของเจ้าอ้วนจะมาถึงเช่นกัน

ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเช่นนี้ หานปิงเอ๋อรู้สึกเหมือนมีมีดสั้นแหลมแทงผ่านหัวใจของนาง ‘เพียงเพื่อช่วยระบายความโกรธของศิษย์น้องมู่ ข้าบังคับให้ศิษย์พี่ซ่งต่อสู้กับข้าครั้งก่อนหน้านี้ เขาใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นับร้อยในการต่อสู้ แต่ในเวลานี้ข้าไม่เคยคาดคิดว่ากำลังพึ่งพาสายฟ้าของเขา ถ้าหากข้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าต้องไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน! นี่คือผลผลิตที่ข้าได้หว่านออกไป! ช่างน่าสงสารศิษย์พี่ซ่งที่จะต้องถูกลากมาลำบากกับข้า!’

เมื่อคิดเช่นนั้น ภายในจิตใจของหานปิงเอ๋อเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ จากนั้นแววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพยายามที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง นางเดินไปหาเจ้าอ้วนพร้อมกล่าวเบา ๆ “ศิษย์พี่ซ่ง ท่านสามารถออกไปด้านนอกได้หรือไม่? ศิษย์น้องผู้นี้มีพลังเพียงพอที่จะโจมตีครั้งสุดท้าย ให้ข้าต่อสู้กับพวกมันอีกครั้งเถิด!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้นจึงตกใจทันที แต่เขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าสถานการณ์กำลังเป็นเช่นไรพร้อมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะใช้อาคมเลือดอีกครั้ง? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะตายทันทีหลังจากการโจมตี!”

“ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้เราทั้งคู่ล้วนกำลังจะตาย เรื่องนี้ต้นเหตุมันมาจากข้า และข้าก็ไม่เคยคาดคิดที่จะให้ศิษย์พี่ต้องมาร่วมชะตากรรมเช่นนี้ ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะเข้าใจในความปรารถนาสุดท้ายของศิษย์น้องผู้นี้!” หานปิงเอ๋อกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด

“ศิษย์น้องเรื่องราวยังไม่ได้เลวร้ายมาก เชื่อข้าเถิด ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกล่าวจริงจัง

“แต่ท่านได้สูญเสียสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปมากมายในตอนที่สู้กับข้า ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าจะต้องใช้มันมากขึ้นอีก!” หานปิงเอ๋อกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ท่านจะไม่สามารถกลับออกไปได้แม้ว่าท่านจะต้องการ!”

“ข้าจะไม่หนี อย่างน้อยที่สุดข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าและหนีไปตามลำพัง! ศิษย์น้องอย่าทำให้ข้าต้องกล่าวโทษตนเองในอนาคต เข้าใจหรือไม่?”

เมื่อหานปิงเอ๋อได้ยินที่เขากล่าวออกมา ร่างกายของนางสั่นไหว ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวจอมอหังการร้องไห้ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ราวกับว่าเจ้าอ้วนรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นที่ด้านหลัง เขาลูบหัวหานปิงเอ๋อเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “ได้โปรด เชื่อในตัวข้า!”

“อือ!” หานปิงเอ๋อพยักหน้าพร้อมกับหลบอยู่ด้านหลังเจ้าอ้วนอย่างเชื่อฟัง ในขณะนั้นความรู้สึกของผู้หญิงที่ภาคภูมิใจในตนเองได้หายไปจนหมดสิ้น ราวกับว่านางคือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เฝ้ารอให้อัศวินขี่ม้าขาวเข้าช่วยเหลือ

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้าอ้วนถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้งโดยหานปิงเอ๋อ ลำแสงของดาบที่เขาส่งออกไปมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แม่นยำมากขึ้น

ในขณะที่ท้องฟ้ากำลังมืดมิด มีแสงประกายของเหล่าสมบัติวิเศษและอาคมต่าง ๆ ที่กำลังปะทะกัน เกิดการระเบิดมากมายนับไม่ถ้วนในรัศมีหนึ่งพันฟุต ต้นไม้ต้นหญ้าล้วนถูกลบไปจากพื้นที่โดยสมบูรณ์ เหลือไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่ เกล็ดน้ำแข็ง พิษ และคราบเลือดที่น่าสะอิดสะเอียนมากมายอยู่บนพื้น ทำให้พื้นที่ที่ดูสวยงามในตอนต้นกลายเป็นสถานที่ซึ่งไม่น่าอภิรมย์

แม้ว่าสมบัติวิเศษของเจ้าอ้วนจะแข็งแกร่งทั้งยังมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่ได้นำภาพวาดแห่งสาวงามทั้งเก้าออกมาสู้รบ หลังจากที่ผ่านการต่อสู้อันขมขื่นมาสี่ชั่วโมง เจ้าอ้วนรู้สึกสิ้นหวัง สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาหมดลง แม้แต่ดาบของเขาก็ยังถูกทำลาย ดาบแห่งธาตุทั้งห้าแตกหัก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะหยิบสิ่งอื่นที่อยู่ในมิติออกมา

ในขณะนั้นท้องฟ้ากำลังจะสว่าง พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า อาการบาดเจ็บที่เจ้าอ้วนได้รับถาโถมเหมือนถูกภูเขาทับไว้ทั้งลูก แต่เขายังยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ในสนามรบ เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งพร้อมกับบาดแผลมากมาย แม้แต่บนใบหน้าของเขายังมีรอยแผลจากดาบปราณจิตวิญญาณ ทำให้ท่าทีของเขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น แต่ต้องขอบคุณร่างกายของเจ้าอ้วน แม้ว่าเขาจะมีรอยแผลที่มากมายเช่นนี้แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บมากนัก ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ พวกเขาเหล่านั้นอาจจะตายตกไปแล้วสักร้อยครั้ง เนื่องจากแผลที่มากมายเช่นนี้และการเสียเลือดมันมากพอที่จะสังหารให้คน ๆ หนึ่งตายได้ แต่ทว่าเจ้าอ้วนเพียงแค่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น

แม้ว่ากำลังจะหมดหวัง แต่เจ้าอ้วนก็ยังคงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ เขายืนอย่างมั่นคงดั่งเช่นภูเขาเบื้องหน้าของหานปิงเอ๋ออย่างไม่คิดรับความพ่ายแพ้

อาจกล่าวได้ว่าหานปิงเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าอ้วนนั้นได้พบกับความมหัศจรรย์เข้าแล้ว ไม่มีแม้แต่ร่องรอยความสกปรกบนร่างกายของนาง นอกเหนือจากใบหน้าที่ซีดขาว ไม่มีสิ่งใดผิดปกตินอกจากนั้นเลย ราวกับนางไม่เคยพานพบการต่อสู้อันโหดร้ายมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเจ้าอ้วนปกป้องนางอย่างดี

แม้ในสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังเช่นนี้ มือซ้ายของเจ้าอ้วนคว้าเอามือของหานปิงเอ๋อไว้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะได้รับอะไรจากนาง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้นางใช้อาคมเลือดอีกครั้ง ความจริงคือถ้าหากเจ้าอ้วนไม่หยุดนางไว้ แน่นอนว่านางจะใช้มันอีกครั้งและปลดปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายออกไป หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบาก ผู้ฝึกตนปีศาจได้ใช้ปราณจิตวิญญาณไปมากกว่าครึ่งและเริ่มอ่อนแรง พวกเขาเริ่มตื่นเต้นกับชัยชนะที่ตัดสินผ่านสายตา จากนั้นพวกเขาเริ่มตะโกนเย้ยหยันเจ้าอ้วนและหานปิงเอ๋ออย่างสนุกสนาน “ไขมันบัดซบเอ๋ย แสดงความโง่เขลาของพวกเจ้าออกมาอีกสิ พวกข้าเฝ้าดูอยู่!”

“ข้าจะถลกหนังของเจ้าเพื่อแก้แค้นให้กับอสูรปฐพี!” ผู้ฝึกตนอสูรกายกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น

“ฮี่ฮี่ ให้พวกเราดูแลเจ้าเถิดอ้วนน้อย ในตอนนี้พวกข้าห่วงก็แค่แม่นางผู้งดงามตัวเล็กจ้อยด้านหลังของเจ้าเท่านั้น! บิดาของเจ้าผู้นี้จะต้องเป็นคนแรกที่ได้ลิ้มลองนาง!” พวกเขากล่าวออกมา “ไร้สาระ! ข้าคือคนแรก!” อีกคนกล่าวออกมา

“บัดซบ ข้าต้องเป็นคนแรก!”

“ไม่ ข้าเท่านั้น!” เหล่าผู้ฝึกตนปีศาจถกเถียงกัน

ตั้งแต่ที่หานปิงเอ๋อได้รับความอัปยศมาจากเรื่องราวก่อนหน้านี้ นางเริ่มขมวดคิ้วและร่างกายเริ่มสั่นไหวด้วยความโกรธ นางพยายามจะแกะมือของตนออกจากเจ้าอ้วนพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ให้ข้าไปสั่งสอนพวกมัน!”

เจ้าอ้วนคว้ามือนางไว้แน่นพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใจเย็น ใจเย็นก่อน ใกล้ได้เวลาแล้ว เหตุใดเจ้าจึงต้องโกรธเคืองเหล่ากลุ่มคนที่ตายไปแล้วด้วยล่ะ!”

ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น หานปิงเอ๋อตกใจไปชั่วขณะ ผู้ฝึกตนปีศาจหยุดการถกเถียงกันทันทีพร้อมกับมองมาที่เจ้าอ้วนด้วยความมึนงง

“ไขมันสารเลว เจ้าคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแห่งนรกแล้วยังกล่าววาจาเช่นนั้นได้งั้นหรือ?” บุรุษผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ “เหอะ! พวกเจ้าต่างหากที่ต้องตาย! ข้าเอาหัวของข้าเป็นเดิมพัน!”

เจ้าอ้วนไม่โต้ตอบแต่รอยยิ้มปีศาจ พร้อมทั้งเตรียมภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าที่เขาซ่อนไว้ ในขณะนี้เขามีปราณจิตวิญญาณเพียงสองในสิบเท่านั้น นับว่ายังเพียงพอให้ใช้งานภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า เมื่อใดที่ภาพวาดเปิดเผย ข้อเท็จจริงที่เขาขืนใจหานปิงเอ๋อก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะใช้มันถ้าหากไม่จำเป็น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ในขณะนั้นเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจต่างพากันหัวเราะเจ้าอ้วนอย่างบ้าคลั่ง

“ไขมันสารเลว เจ้าไม่คิดว่าหัวของเจ้าในตอนนี้มันเป็นของพวกเราแล้วงั้นหรือ!” หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม

“ฮ่าฮ่า ความจริงเจ้าไม่ควรกล้าที่จะเดิมพันกับพวกเราด้วยซ้ำ แท้จริงแล้วศิษย์จากสำนักเสวียนเทียนนั้นไร้ยางอายยิ่งนัก!” ทุกคนในบริเวณต่างพากันหัวเราะอย่างสนุกนาน ในขณะที่พวกเขากำลังสนุกอยู่นั้น เจ้าอ้วนรู้สึกได้ถึงบางอย่างในหัวใจของเขา ดวงตาของเขาเบิกโพล่งแสดงออกถึงความตกใจอย่างถึงที่สุด จากนั้นเขาปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า! พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสังหารพวกเจ้าได้โดยใช้คำพูดเพียงประโยคเดียว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อผู้ฝึกตนปีศาจได้ยินเช่นนั้น พวกเขาเริ่มหัวเราะอีกครั้งทันที

ผู้ฝึกตนอสูรกายได้ยินเช่นนั้นจึงมองมาที่เจ้าอ้วนพร้อมกล่าวอย่างดูถูก “ข้าก็เชื่อเช่นกันว่าข้าสามารถหักคอเจ้าได้ทันทีเพียงแค่ยกมือขึ้น!” ในขณะที่เขากล่าว เขาเดินเข้าหาเจ้าอ้วนทันที ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ เจ้าอ้วนที่เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เขาเตรียมภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าพร้อมตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า “ศิษย์น้อง ได้โปรดปกป้องข้าด้วย!”

เมื่อเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดตกใจและเข้าสู่การป้องกันทันที แต่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็สรุปว่าถูกเจ้าอ้วนหลอกเข้าให้ ผู้ฝึกตนอสูรกายคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาหยิบเอาดาบออกมาพร้อมกับต้องการฟันคอเจ้าอ้วนให้ขาดสองท่อน

เจ้าอ้วนตกอยู่ในความมึนงง เขารู้สึกว่าทำอะไรผิดพลาด เขาส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปภายในมิติอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรขณะเตรียมเรียกใช้งานภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า

แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เกิดเสียงกรีดร้องจากฟากฟ้า! ในเวลาถัดมาปรากฏแสงสีทองพาดผ่านหัวของผู้ฝึกตนอสูรกาย ทันใดนั้นศีรษะของเขาล่วงหล่นลงสู่พื้นทันที ความน่ากลัวของเหตุการณ์นี้คือไม่มีผู้ใดมองเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น!