บทที่434

ผู้แปล : N.

“ นายลองทดสอบขั้นตอนง่ายๆให้ฉันดูสิ” ลูชินได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เขาเห็นแล้วว่าการร่วมกันระหว่างโลหะเหลวและเซี่ยวไบนั้นเข้ากันได้

เซี่ยวไบที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยายามยืนขึ้น แต่ทันทีที่มันลุกขึ้นทันใดนั้นมันก็ทรุดตัวลงไปทันที กลายเป็นของเหลวบนพื้น

“มันเป็นเรื่องยากมากในการควบคุมโลหะเหลวพวกนี้!” เสียงของเซี่ยวไบได้ดังขึ้นมาหลังจากที่มันพยายามควบคุมมันให้ได้ หลังจากที่มันใช้เวลาซักพักก็สามารถควบคุมมันได้เล็กน้อย

“มัน ไม่สิ! ต้องเรียกว่า เขา” กำลังค่อยๆหัดควบคุมร่างกายได้มากขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้นไม่นานเซี่ยวไบก็สามารถเดินและพูดคุยได้เหมือนมนุษย์ธรรมดาได้

“ร่างนี้มีพลังสุดๆไปเลย! และผมยังสามารถเปลี่ยนรูปได้อีกด้วย!” เซียวไบได้พูดออกมาด้วยความยินดี และเขายังได้แสดงการเปลี่ยนโลหะเป็นรูปร่างต่างๆอีกด้วย

เริ่มจากเปลี่ยนมาเป็นหุ่นยนต์ทั้งตัว ก่อนที่จะไล่ลงมาเป็นการเปลี่ยนเฉพาะจุด เช่น ขา แขน หรือ มือ

“มันดูไม่เลวเลย” ลูชินที่เห็นผลออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้พยักหน้าออกมา “เอาละ! เมื่อฉันให้นายมีตัวตนขึ้นมา นายจะต้องใช้ลักษณะของมนุษย์ทุกครั้งเมื่อนายออกไปข้างนอก”

“รูปร่างหน้าตาแบบมนุษย์!” เซี่ยวไบดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ มันได้ยื่นมือออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะทำการเปลี่ยนเป็นผิวโลหะเรียบสะท้อนใบหน้าของตัวเองออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นไง? ผมดูหล่อไหม!”

“พ่อ! ตอนนี้ผมก็เป็น ‘มนุษย์’ จริงๆแล้ว ดังนั้นผมไม่สามารถถูกเรียกว่าเซียวไบได้อีกแล้ว ผมอยากจะได้ชื่อใหม่ “

“ถ้างั้นนายก็ชื่อจางจ้วงเป็นไง?” ลูชินได้คิดชื่อออกมาแบบส่งๆ “และฉันจะกำหนดตัวตนของนายในฐานะน้องของจางเกวียง”

“จางจ้วง? นี่เป็นชื่อที่ด้อยพลังเป็นอย่างมาก!” เซียวไบไม่เห็นด้วยกับชื่อใหม่ของตัวเองทันที “ผมคิดว่าชื่อใหม่มันควรจะเป็นตงฟางห่าว ชื่อนี้เป็นตัวชูโรงชั้นดีเลย!! “

“เอายังไงก็ได้” ลูชินขี้เกียจเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องชื่อพวกเขา เขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องไปยังงานที่เขาต้องการทันที “ฉันหวังว่านายจะอ่านข้อมูลที่ออพติมัสไพร์มมอบให้แล้วใช้ไหม?”

“แน่นอนพ่อ!” ตงฟางห่าวได้ตบหน้าอกของตัวเอง แล้วพูดว่า “ผมอ่านข้อมูลพวกนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในสาขาการออกแบบเครื่องจักรกลบนโลกใบนี้ไปแล้ว!”

“โอเค! อีกเดียวนายก็ไปทำงานที่บริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟได้เลย แต่จำไว้ว่าเมื่อนายเจอฉันข้างนอกต้องเรียกฉันว่าประธานลู เข้าใจไหม?”

“โอเคพ่อ!”

“ไอ้นี้! ฉันพึ่งจะบอกไปว่าให้เรียกฉันว่าประธานลู! ตอนนี้ฉันมีลูกสาวคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว ถ้าต้องได้ลูกชายป๋องๆแบบนายไปอีกคน ฉันคงจะเป็นบ้าตายไปพอดี!”

……

ตัวตนของตงฟางห่าวหรือเซียวไบนั้น, ทำให้ลูชินต้องใช้ความพยายามอีกครั้ง เขาได้ทำการติดต่อไปยังองค์กรมาสเตอร์การ์ดอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทำการกำหนดให้ตงฟางห่าวนั้นเป็นเยาวชนชาวจีนที่โดดเด่นจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเขาได้รับการว่าจ้างจากโดยบริษัทลู่เทคโนโลยีโดยตรงให้มาทำงานที่บริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ

การที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าร่วมบริษัทกะทันหันและเขายังได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทันทีที่เข้ามาอีกด้วย มันเป็นเรื่องที่ดึงดูดความไม่พอใจของผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคที่ทำงานมาก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ตามตงฟางห่าวไม่ใช่คนธรรมดา แต่มันเป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับความรู้มาจากเจ้าของเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างออพติมัส ดังนั้นด้วยความรู้ด้านเครื่องจักรและความรู้ด้านยานยนต์ เขาจึงเอาชนะผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการเหล่านั้นได้โดยตรง ก่อนที่จะเริ่มโน้มน้าวให้พวกนั้นยอมรับเขาด้วยใจจริง

ลูชินที่เห็นว่าการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดี เขาจึงได้ทำการสั่งให้เปิดตัวโครงการรถยนต์ที่ใช้แม่เหล็กไฟฟ้าทันที ไม่ว่าความยากลำบากจะมีมากเพียงใดเขาก็พร้อมที่จะเอาชนะมัน

ดังนั้นรถยนต์พลังงานใหม่ของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟจึงได้เริ่มทำการวิจัยอย่างเป็นทางการ และมันจะพร้อมผลิตทันที เมื่อพวกเขาได้รับใบขับขี่รถยนต์ระดับ L5 อย่างเป็นทางการ

ในช่วงเวลานี้ลูชินเองก็ได้นำแฟนของเขากลับบ้านของพ่อแม่เพื่อที่จะเป็นการพักผ่อนที่บ้านสักสองสามวัน

เมื่อได้เห็นซู่จิง แม่ของลูชินก็ถึงกับแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาทันที เพราะลูกสะใภ้คนนี้ไม่เพียงแต่จะงดงามเท่านั้น แต่เธอยังมีความรู้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังได้ช่วยลูกชายของเธอดูแลบริษัทอีกด้วย

ในห้องรับแขก แม่ของลูชินได้ถามลูชินด้วยเสียงเบาๆว่า : “ลูกชาย! แฟนของลูกดูดีมาก! แม่ให้ผ่านเลยคนนี้ แต่แม่ก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่ เลยอยากจะถามลูกให้แน่ใจหน่อยนะ?”

“ แม่จะถามเรื่องอะไรเหรอครับ?” ลูชินได้ถามออกมาด้วยความสงสัย

แม่ของเขาได้พูดออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าเดินว่า “ถ้าแม่จะไม่ผิด เมื่อช่วงก่อนแม่เห็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่กับลูกและผู้หญิงคนนั้นเองก็ดูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกด้วยใช้ไหม?”

“ เธอยังได้ส่งของขวัญให้แม่กับพ่อทุกปีอีกด้วย ขนาดช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เธอคนนั้นยังได้มารับคำอวยพรจากแม่เลย ดังนั้นแม่จึงอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับลูก?”

“นี่! … เธอทำงานที่บริษัทของผม และเธอยังคงดำรงตำแหน่งเป็นประธานใหญ่อีกด้วย ผมคิดว่าการที่เธอทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะแสดงความขอบคุณเท่านั้นแหละ!” ลูชินได้หลบสายตาของแม่ของเขาระหว่างที่พูดเรื่องนี้ออกมา

แม่ของลูชินได้มองออกถึงการกระทำนั้น เธอจึงได้พูดออกมาว่า “นี้แกริอาจจะโกหกแม่คนนี้เลยเหรอไง! แม่แกคนนี้เลี้ยงแกมาตีนเท่าฝาหอย จะไม่รู้ได้ไงว่าการกระทำตอนนี้ของแกนั้นกำลังโกหกฉันอยู่“

“ เฮ้อ! แม่จะขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกันนะ! ทั้งคู่นั้นถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดจริงๆ แต่ลูกก็ควรจะทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์แบบรักเดียวจะดีกว่า หรือว่านี้ลูกต้องการแต่งงานแบบภรรยาสองคน นี้ลูกคิดว่าตัวเองรวยแล้วจะทำอะไรก็ได้ใช้ไหม?”

“หรือว่านี้ลูกต้องการจะเลียนแบบพวกคนจากเกาะฮ่องกงและมาเก๊านั้น ที่นิยมแต่งภรรยาที่ละหลายๆคน ก็เห็นๆอยู่ว่าพวกนั้นมันเป็นลัทธิทุนนิยม … ถึงมันจะฟังดูดีก็เถอะที่แม่จะได้ลูกสะใภ้ดีๆถึงสองคน แต่ถ้าในอนาคตเกิดมีพวกหลานๆมาละ แล้วไหนจะเรื่องการแบ่งมรดกอีก …. มันคงจะเหมือนกับละครช่วงค่ำแน่เลยที่พวกหลานๆจะต้องออกมาแก่งแย่งกัน… “

ลูชินที่ได้ฟังเรื่องนี้จากแม่ของเขามาระยะหนึ่งก็ต้องรีบพูดขัดขึ้นว่า “แม่! ถ้าแม่กลัวว่าจะเป็นแบบนั้นทำไมแม่ไม่ทำพินัยกรรมเอาไว้ละ และไอ้ละครช่วงค่ำอะไรนั้นก็เพลาๆลงได้แล้วนะ!”

“จริงด้วย! มันยังมีวิธีนี้อยู่นี้น่า” แม่ของลูชินถึงกับตบมือขึ้นมาอย่างดีใจ “เอาละ! เรื่องลูกสะใภ้แม่จะไม่พูดถึงมันอีก และช่วงบ่ายนี้แม่ว่างแผนว่าจะไปช็อปปิ้งกับซุ่งจิงหน่อยนะ”

“เออใช้! เห็นพ่อบอกว่าอยากจะพบลูกนะ”

“ครับ” ลูชินได้พยักหน้าเป็นการรับรู้

ก่อนหน้านี้ลูชินได้ฟังมาจากแม่ว่า พ่อของเขาได้หันไปสนใจพวกทางปรัชญามากขึ้น และตัวเขาเองก็มักจะออกไปกับเพื่อนเก่าๆบ่อยๆ

สำหรับสิ่งเหล่านี้ลูชินไม่ได้เข้าไปแทรกแซงหรือคัดค้านอะไร เพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องดีเสียอีกที่พ่อของเขามีงานอดิเรกที่ชอบ

“ พ่อ! เห็นแม่บอกว่าพ่อหาผมอยู่เหรอ?” ลูชินได้เดินขึ้นไปห้องอ่านหนังสือชั้นบน ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นตรงหน้าห้อง

“ใช้!” พ่อของเขาได้วางหนังสือปรัชญาโบราณปกแข็งลง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ลูกเข้ามาก่อนสิ”

หลังจากที่เขาเห็นว่าลูชินได้นั่งลงแล้ว เขาก็ได้พูดเข้าประเด็นทันทีว่า “ลูกยังจำลุงหยูได้ไหม?”

ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็คิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “ลุงยู! ใช้ลุงที่เป็นอดีตเจ้านายของพ่อใช้ไหม?”

“ ใช่! เขาคนนั่นแหละ” พ่อของลูชินได้พยักหน้า

หลังจากที่ลูชินได้รับการยืนยันจากพ่อ เขาก็จำได้ทันทีว่าคุณลุงหยูนั้นเปิด บริษัท โลจิสติกส์ และก่อนที่เขาจะเปิดบริษัทลู่เทคโนโลยีนี้เองนั้น พ่อของเขาก็ได้ทำงานที่บริษัทลุงหยูมาโดยตลอด ซึ่งถือได้ว่าพ่อของเขานั้นเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทเลยก็ว่าได้!

ชื่อจริงของลุงหยูคือ หยูหลิง เขาเป็นเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ และลุงหยูนั้นมีอายุมากกว่าพ่อของเขาถึงสี่ปี และเขายังเป็นคนอ้วนที่นิสัยดีเป็นอย่างมากอีกด้วย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ลูชินก็จำได้ทันทีว่าช่วงวัยเด็กของเขานั้น เขาเองก็มักจะไปวิ่งเล่นที่บริษัทของลุงหยูเป็นประจำ

และเมื่อตอนที่คุณปู่ของเขาต้องเข้าโรงพยายามเพราะอาการป่วยของเขานั้น ลุงหยูได้ให้ครอบครัวของเขายืมเงินจำนวนมากไปเป็นค่ารักษาพยาบาลส่วนใหญ่ทันที ดังนั้นลูชินจึงนับถือลุงหยูเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้นกับลุงหยูเหรอครับ?” ลูชินได้ถามออกมา

“ ก็บริษัทโลจิสติกส์ของเขากำลังจะล้มละลายนะ!” พ่อของเขาได้พูดต่อว่า “ เมื่อปีที่แล้วลุงหยูได้เกษียณตัวเองออกมา ก่อนที่เขาจะยกหน้าที่ประธานให้กับลูกชายของตัวเอง”

“แต่ผลที่ตามมากลับเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างมาก ลูกชายของเขานั้นไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้เลย และเขายังได้ถูกหลอกล่วงให้สูญเงินไปนับล้านหยวน ในการลงทุนในการซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามา เขาถูกเพื่อนหลอกล่วงว่าผลิตภัณฑ์นี้จะขายดีในประเทศจีน โดยเขาที่ไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ มันเลยทำให้เขาหลงเชื่อคำของเพื่อนของเขา เขาได้ซื้อสินค้านั้นมาและพบว่าเป็นสินค้าที่เขาซื้อมานั้นเป็นของปลอมและเป็นของด้อยคุณภาพทั้งหมด”

“ และระหว่างนั้นเองก็ได้มีคนโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าบริษัทของเขานั้นได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลอม มันจึงทำให้บริษัทของเขาจำเป็นจะต้องทำรายผลิตภัณฑ์พวกนั้นทั้งหมด ไม่อย่างนั้นทางหน่วยงานคำอุตสาหกรรมและการพาณิชย์จะเข้ามาสั่งปิดบริษัทของเขา “