“ไอ้หมอนั่นมันพอมีฝีมืออยู่บ้าง พวกแกรุมเข้าไปทีเดียวเลย!”
เมื่อผางอานคางออกคำสั่ง บอดี้การ์ดก็กระโจมใส่เย่เทียนทันที
“เป็นผางอานคางเองเหรอ? ทำไมถึงเป็นแกอีก? แกคิดจะทำอะไรกันแน่?!”
ในขณะนั้น จี้เยียนหรันก็เดินออกมาจากร้าน และมองไปที่ผางอานคางพร้อมกับสีหน้าความโกรธ
“พวกแกมัวทำอะไรอยู่? รีบเข้าไปจัดการไอ้เวรนั่นสิ!”
ผางอานคางอึ้งไปสักพักและตั้งสติอีกครั้ง เขารู้ดีว่าเรื่องวุ่นวายเมื่อช่วงบ่ายทำให้จี้เยียนหรันไม่มีทางที่จะสนใจเขาอีกแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องทำใจ
เมื่อเจ้านายออกคำสั่ง เหล่าบอดี้การ์ดก็ไม่กล้ารีรอต่อ พวกเขาจึงวิ่งเข้าใส่เย่เทียนด้วยรอยยิ้มอย่างได้ใจ
โดยเฉพาะบอดี้การ์ดที่เดินออกมาคนแรกเป็นคนเปิดก่อน เขาพยายามจะเอื้อมมือออกไปคว้าคอเสื้อของเย่เทียน
แต่ พวกสวะเหล่านี้จะอยู่ในสายตาของเย่เทียนได้อย่างไร เขาจึงแสยะยิ้มออกมาและเตะออกไปสุดแรง
พุ้ม!
หัวหน้าบอดี้การ์ดผู้น่าสงสาร เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงช่องท้องส่วนล่างของเขา จากนั้นเขากระเด็นออกไปด้วยความเร็วที่วิ่งเข้ามาสองเท้า และกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“หัวหน้า เป็นไรไหมครับ?”
เหล่าบอดี้การ์ดที่เหลือถึงกับหยุดชะงักทันที
“ไม่เป็นไร”
บอดี้การ์ดที่เหลือช่วยพยุงตัวหัวหน้าบอดี้การ์ดขึ้นมา และมองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาที่จริงจัง “ไอ้หมอนั่นมันน่าจะเคยฝึกวิชา ระวังตัวด้วย!”
เมื่อพูดจบ พวกเขาก็เข้าไปล้อมเย่เทียนไว้ และครั้งนี้ดูเหมือนทุกคนจะระวังตัวมากขึ้น
แต่เย่เทียนไม่มีทางยืนอยู่นิ่งๆ เพื่อรอพวกเขาอย่างแน่นอน แทนที่จะถอยออกมา เขากลับโต้กลับด้วยการพุ่งเข้าใส่ศัตรูราวกับเป็นเสือหรือหมาป่า พร้อมด้วยกำปั้นเท่าหม้อของเขาก็ชกออกไปที่หัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างสุดแรง
“ถ้าเสือเอาแต่อยู่นิ่งๆ พวกคุณคงคิดว่าเป็นแมวป่วยสินะ?”
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของเย่เทียนคือตัวเขาเอง หัวหน้าบอดี้การ์ดก็โกรธและตะโกนออกมา และต่อยหมัดออกไปอย่างสุดกำลัง
เพียงแต่ว่า เย่เทียนไม่ได้จงใจจะต่อย แต่เขาเปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือแล้วจับกำปั้นของหัวหน้าบอดี้การ์ด จากนั้นกระชากเข้าหาตัวแล้วแทงเข่าขวาไปที่กลางอกของบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างจัง
ผัวะ!
หัวหน้าบอดี้การ์ดคิดไม่เลยว่าจู่ ๆ เย่เทียนจะเปลี่ยนท่าอย่างกะทันหัน ในขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว เขาก็เสียท่าให้กับเย่เทียนโดยการถูกแทงเข่าใส่หน้าอกและทำให้เขาเจ็บจนถึงขั้นยืนตัวตรงไม่ได้
แต่เย่เทียนไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ทันทีที่เท้าแตะพื้น เขาก็เตะใส่หัวหน้าบอดี้การ์ดอีกที
ผัวะ!
หัวหน้าบอดี้การ์ดผู้น่าสงสาร เขายังไม่ทันได้หายเจ็บตรงหน้าอกก็โดนเตะซ้ำอีกที ทันใดนั้น เขาก็ทนไม่ไหวและถึงกับต้องถอยหลังออกไปแล้วล้มลงกับพื้นอีกรอบ
อ๊าก!
วินาทีต่อมา หัวหน้าบอดี้การ์ดก็รู้สึกมีอะไรในคอ เขาถึงกับกระอักเลือดออกมา แม้พยายามจะดิ้นรนแค่ไหร แต่เขาไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“มัน มันเป็นไปได้ไง?”
ผางอานคางที่เห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง
แต่เย่เทียนไม่สนว่าผางอานคางจะกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก และทุกครั้งที่ออกหมัดก็จะมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ล้มลงนอนกับพื้น
ผัวะ!
เย่เทียนต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง บอดี้การ์ดคนสุดท้ายทนไม่ไหวจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและถึงกับเอามือทั้งสองข้างกุมไปที่หน้าท้อง พร้อมกับเหงื่อแตกไปทั้งหน้าผากและไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีก
โดยรวมแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที เย่เทียนก็สามารถเอาชนะและจัดการบอดี้การ์ดทั้งหมดได้ ซึ่งในเวลานี้ บอดี้การ์ดทั้งหมดนอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นและไม่มีวี่แววว่าจะลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีก!
“เย่ เย่เทียน แกอย่าเข้ามานะ……”
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้จบลง ผางอานคางถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความกลัวพร้อมกับมองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา
ซึ่งบอดี้การ์ดเหล่านี้ล้วนมาจากค่ายฝึกศิลปะการต่อสู้ของตระกูลผาง และทุกคนล้วนมีฝีมือดีกันทั้งนั้น โดยทั่วไปแล้ว ต่อให้หนึ่งต่อห้าคนก็เป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับพวกเขา หรือต่อให้ต้องร่วมมือกันเป็นทีม พวกเขาก็สามารถเข้าขากันได้ดี
ฉะนั้น แม้จะมีแค่หกคนที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากกว่าสามสิบคน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งหกคนนี้สำหรับเย่เทียนแล้วก็เหมือนกับเด็กกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีปัญหาทำอะไรเย่เทียนได้เลย แล้วผางอานคางจะไม่กลัวได้อย่างไร?
เพี๊ยะ!
เย่เทียนไม่ได้สนใจผางอานคางเลยด้วยซ้ำ ได้แต่เดินเข้าไปแล้วตบหน้าของผางอานคางแรงๆ
“เมื่อตอนบ่ายนี้มึงสัญญากับกูยังไง? พูดดิบดีว่าจะไม่มาหาเรื่องกูอีกไม่ใช่เหรอ? นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมึงก็มาหากูอีกแล้ว? มึงคิดว่ากูอารมณ์ดีตลอดใช่ไหม?”
เย่เทียนในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักเลงคนหนึ่งที่ตะโกนใส่ผางอานคางอย่างดุเดือด
เขาหงุดหงิดแล้วจริงๆ เพราะโดนหาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่แสดงจุดยืนหน่อยคนอื่นอาจคิดว่าเขากลัวแล้วก็ได้
“หือ?!”
ผางอานคางถึงกับอึ้งไปสักพัก เขาไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะเด็ดขาดขนาดนี้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดก่อนเลยด้วยซ้ำ
แม้แต่ผางอานคางยังรู้สึกแบบนี้ คงไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่กลัวจนหัวหดหมด
เธอรู้ดีว่าผางอานคางเป็นนายน้อยคนที่สองของหอศิลปะการต่อสู้ตระกูลผาง แต่ไอ้เด็กเวรที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ยังกล้าลงมือทำร้ายผางอานคาง นั่นอาจเป็นไปได้ว่าไอ้หมอนี่มีภูมิหลังที่ดีกว่าผางอานคาง? ซึ่งดูเหมือนว่าครั้งนี้ผางอานคางจะเจอกับของจริงเข้าแล้ว!
ในไม่ช้าผางอานคางก็รู้สึกตัว จากนั้นตะโกนใส่เย่เทียนว่า “แมร้งเอ๊ยเย่เทียน มึงมัน……”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็พยายามจะกระโจนใส่เย่เทียน
ผัวะ!
แต่เย่เทียนไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาอย่างแน่นอน ในขณะที่เขากำลังพูดคำหยาบคายนั้น นัยน์ตาสีดำฉายแสงเย็นยะเยือก และเย่เทียนก็เตะเข้าไปอย่างแรง
ผางอานคางที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงส่วนท้อง ทั้งตัวของเขาถึงกับลอยขึ้นกลางอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ และจากนั้นกระแทกลงกับพื้นที่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งเมตร
“ที่รัก คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปและรีบพยุงผางอานคางขึ้นมา
เพี๊ยะ!
แต่ผางอานคางไม่เห็นค่าเธอเลยสักนิด เขายกมือตบใส่หน้าเธอแล้วพูดว่า “ไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยว! ถ้าไม่ใช่เพราะมึง! กูคงไม่ต้องมาขายหน้าที่นี่หรอก!”
เมื่อเย่เทียนเห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มที่มุมปากและยืนดูการแสดงละครอย่างสะใจ
ในสายตาของเย่เทียน ผู้หญิงฃงคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะเจอเรื่องแบบนี้ได้ไง?
“คุณ!”
ผู้หญิงที่ถูกตบถึงกับอึ้งไปสักพัก ดวงตาของเธอขุ่นมัวไปด้วยน้ำตาทันที เธอได้แต่มองไปที่ผางอานคางอย่างน่าเหลือเชื่อ
“คุณอะไรอีก! ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้น!”
ผางอานคางที่โกรธจนลุกเป็นไฟก็ด่าอย่างไม่หยุด
“ฮือ ฮือ!”
ท่ายที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาและวิ่งออกไปทั้งน้ำตา
ผางอานคางไม่แม้แต่จะมองผู้หญิงคนนั้นเลย จากนั้นเขาหันมองไปที่เย่เทียนแล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “เย่เทียน! มึงตายแน่! กูจะเอามึงให้ตายแน่นอน!”
เย่เทียนแสยะยิ้มและพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ผมว่าคุณน่าจะบ้าไปแล้วนะ? ถึงเวลาอย่างนี้แล้วยังกล้าพูดจาแบบนี้อีกเหรอ?”
“เย่เทียน พอเถอะ!”
จี้เยียนหรันเดินเข้ามาจากด้านหลังแล้วมาคว้ามือของเย่เทียนที่กำลังจะลงมืออีกรอบ
“ครั้งนี้เห็นแก่เยียนหรัน ผมจะปล่อยคุณไปอีกรอบ แล้วถ้ายังกล้ามาหาเรื่องอีก คุณเตรียมตัวแขนขาหักได้เลย!”
เมื่อเห็นสีหน้าความกังวลของผู้หญิง เย่เทียนก็ได้แต่วางมือและหันไปตักเตือนผางอานคางอีกครั้ง
“เตรียมแขนขาหักงั้นเหรอ?”
แต่ผางอานคางไม่คิดจะสำนึกเลย แถมยังตะโกนออกไปว่า “ถ้ามึงแน่จริง มึงฆ่ากูให้ตายก็แล้วกัน! ถ้ากูไม่ตาย มึงเตรียมตัวตายได้เลยไอ้กระจอก!”
“ยังกล้าปากดีอีกเหรอ? ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะรักษาสมองของคุณไม่ได้!”
เย่เทียนหัวเราะอย่างมีความสุข ไอ้หมอนี่คงสมองเสื่อมไปแล้ว? ถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าปากดีอีก?
ผัวะ!
แต่เย่เทียนยังไม่ทันได้ลงมือ ก็มีคนอื่นที่อยู่ด้านหลังผางอานคางเตะอัดเข้าwxที่ผางอานคางเหมือนกับเตะหมาตัวหนึ่ง!
“ผางอานคาง นี่นายกล้าหาเรื่องแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเซวของเรางั้นเหรอ? นายอยากตายมากใช่ไหม?”
ทันใดนั้นก็มีคนปรากฏตัวขึ้น นอกจากเซวฟู่ยี่แล้วจะเป็นใครได้อีก?!