คนจำนวนมากที่คิดได้และเข้าใจในส่วนนี้ เริ่มปรบมือให้หยางจื้อหนิงอย่างจริงใจ

บางทีอาจมีแค่คนมีความสามารถที่คุณธรรมและบารมีสูงส่งอย่างหยางจื้อหนิง ถึงสามารถทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นพวกเขา เกรงว่าคนจำนวนมากคงคัดค้านทันที เพราะสังคมหัวเซี่ย เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับน้ำใจของมนุษย์ที่มีต่อกันมาก

เฉินโม่มองหยางจื้อหนิง แม้ร่างกายเขาแก่มากแล้ว แต่จิตใจที่ทำเพื่อชาติและประชาชน ยังคงอ่อนวัยอยู่เสมอ

เพราะหัวเซี่ยมีบุคคลที่มีความสามารถระดับชาติจำนวนมาก ที่ทุ่มเทเต็มกำลังแบบนี้ ไม่หวังผลตอบแทน มุ่งมั่นทำเพื่อชาติและประชาชน จึงสามารถทำให้เศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาสั้นๆ หลายสิบปี จากประเทศที่โดยไฟสงครามทำลายจนแม้แต่สกรูตัวหนึ่ง ตะปูยังต้องซื้อจากต่างประเทศ ไม้ขีดไฟกล่องหนึ่งยังต้องซื้อจากต่างประเทศ กลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในพริบตา

แม้ในใจเฉินโม่ไม่ได้มีฐานะหรือตำแหน่งในมุมมองประเทศ แต่รากเหง้าของเขาคือหัวเซี่ย ดังนั้นเขาจึงนับถือผู้เชี่ยวชาญที่พยายามทั้งชีวิตเพื่อหัวเซี่ยแบบหยางจื้อหนิงเป็นอย่างมาก

เห็นจุดจบของหานทง หมิงเจ๋อเซวียนที่เดิมจะพูดอะไรออกมา รีบกลืนคำพูดกลับลงคอทันที มองเฉินโม่ด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม

อานเข่อเยว่ใบหน้าห่อเหี่ยว ดูจากสถานการณ์ตรงหน้า หมิงเจ๋อเซวียนแพ้แล้ว คิดถึงประโยคที่เฉินโม่พูดอย่างไร้เยื่อใย ในใจอานเข่อเยว่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ถ้าแพ้ เธอต้องรักษาระยะห่างกับเฉินโม่ตลอดไป

“ทำไมนายถึงไร้เยื่อใยขนาดนี้ ทำไม” อานเข่อเยว่ตะโกนอย่างบ้าคลั่งในใจ เธออยากถามต่อหน้าเฉินโม่ว่าทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้!

เฉินโม่เดินลงจากเวทีช้าๆ แล้วนั่งตรงที่นั่งของตัวเอง มองศาสตราจารย์เสิ่นแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ศาสตราจารย์เสิ่น ผมไม่ทำให้ท่านผิดหวังใช่ไหม!”

ศาสตราจารย์เสิ่นมองเขา ตบไหล่เขาแล้วพยักหน้าแรงๆ “ไม่เลย ความสามารถน่าตกใจ เหนือความคาดหวังของฉันมาก!”

เฉินโม่ยิ้มบางๆ ไม่มีความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย “งั้นก็ดีครับ”

ศาสตราจารย์เสิ่นชื่นชมในใจอีกครั้ง “ไม่ว่าจะถูกชื่นชอบหรือถูกดูหมิ่นก็ไม่หวั่น จัดการเรื่องได้อย่างสุขุมแน่วแน่ นี่เป็นนักเรียนปีหนึ่งอายุ 18 ปี จริงๆ ใช่ไหม”

บางครั้งศาสตราจารย์เสิ่นก็สงสัย การแสดงออกของเฉินโม่ ยังดูโตกว่านักวิชาการระดับศาสตราจารย์จำนวนมาก จิตใจและการปลูกฝังของเขา มาได้อย่างไรกันแน่

เมื่อเฉินโม่ลงจากเวที พิธีกรเริ่มประกาศชื่อต่อ แต่การกล่าวสุนทรพจน์ต่อมา แม้จะไม่แย่เหมือนกัน แต่เพราะความตกตะลึงที่เฉินโม่มีต่อทุกคน แม้หลังจากนี้จะมีศาสตราจารย์สองคน ทำได้ค่อนข้างดีเลิศ แต่เมื่อทุกคนฟัง มันกลับไร้ความน่าสนใจไปแล้ว

ส่วนใหญ่ทุกคนยังตกอยู่ในความตกตะลึงที่เฉินโม่สร้างขึ้น จะมีกะจิตกะใจฟังสุนทรพจน์ต่อเหรอ คนถัดไปก็เรียกได้ว่าเสียเปรียบเฉินโม่

ช่วงบ่าย การกล่าวสุนทรพจน์ระดับอาจารย์ที่ปรึกษา สิ้นสุดลงหมดแล้ว ส่วนการจัดอันดับ ต้องรอประกาศหลังเสร็จงานประชุมแลกเปลี่ยน

แต่อันที่จริงทุกคนรู้ดีแก่ใจ ครั้งนี้เฉินโม่ต้องได้ที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่หยางจื้อหนิงยังเป็นรอง

ห้าโมงครึ่ง งานประชุมแลกเปลี่ยนสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนพากันแยกย้าย

เฉินโม่ตามพวกศาสตราจารย์เสิ่นกลับมาที่โรงแรม ไม่ได้ไปคุยเรื่องพนันกับหานทงและหมิงเจ๋อเซวียน

พฤติกรรมของหานทง เขาทำอะไรก็ได้รับผลอย่างนั้นไปแล้ว แม้เฉินโม่ยกเว้น ไม่ให้เขาอับอาย เพราะการก้มหัวรับผิด หลังจากกลับไป ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยตงหมิง ก็ไม่ปล่อยเขาไว้อยู่ดี

ส่วนอานเข่อเยว่ ถ้าต่อไปเฉินโม่เจอเธออีก ก็ถือว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าแล้วกัน!

กลับเป็นศาสตราจารย์ฮั่ว ที่เป็นฝ่ายรอพวกศาสตราจารย์เสิ่นอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย

เมื่อเห็นศาสตราจารย์ฮั่ว พวกศาสตราจารย์เสิ่นชะงักฝีเท้าลง

“รุ่นพี่ มีธุระอะไรเหรอ” ศาสตราจารย์เสิ่นพูดด้วยสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย รุ่นพี่รุ่นน้องอย่างพวกเขาไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ศาสตราจารย์ฮั่วรอเขาอยู่ที่นี่ ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน