แผ่นหินที่ไม่ธรรมดา โดย Ink Stone_Fantasy

บนถนนที่มีลมและหิมะพัดสลับกัน อาซิม่าก้าวเข้าไปในเขตปราสาทอีกครั้ง

ถึงแม้การเรียกตัวเธอในเวลากลางคืนนั้นจะดูไม่ค่อยปกติเท่าไร แต่ด้วยความเชื่อใจที่มีให้กับเวนดี้ สุดท้ายเธอถึงตัดสินใจมาด้วย โดยให้ดอร์ริสที่อยากจะตามมารออยู่ที่ห้อง

เพราะถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมา…อย่างน้อยเพื่อนเธอก็จะได้ไม่เป็นอะไร

อาซีม่ากระชับคอเสื้อตัวเองตอนที่มายืนอยู่หน้าประตูปราสาท

“หนาวเหรอ?” เวนดี้พูดยิ้มๆ “วางใจได้ เดี๋ยวพอเข้าไปข้างในเจ้าได้ถอดมันแน่นอน”

เดี๋ยวๆ…ถอด?

หรือว่าเรื่องที่ฝ่าบาทอยากจะคุยกับเธอคือ

“เชิญขอรับ ท่านเวนดี้” ในขณะที่เธอกำลังตกตะลึงปนสงสัยอยู่นั้น ประตูหน้าพลันค่อยๆ เปิดออก ทหารยามสองคนทำความเคารพเวนดี้ พร้อมกับทำมือเชิญทั้งสองคนเข้าไป “ฝ่าบาททรงรออยู่ในห้องหนังสือขอรับ ตอนนี้ข้ายังอยู่ในหน้าที่อยู่ ขออภัยที่ไม่ได้นำทางให้นะขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามากนะ” เวนดี้พยักหน้า ก่อนจะจูงมืออาซีม่าเดินเข้าไปในปราสาท

พริบตานั้นเอง สายลมอุ่นๆ ได้โอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้ ความหนาวเหน็บถูกพัดหายไปจนหมด

นี่คือ…เครื่องทำความร้อนย่างนั้นเหรอ

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าในบ้านดีๆ จะมีเครื่องทำความร้อนแบบนี้อยู่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น แต่เมื่อได้มาสัมผัสมันจริงๆ เธอก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้

แม่บ้านที่เดินไปเดินมาภายในปราสาทแต่งตัวกันสบายๆ เหมือนตอนฤดูร้อน พวกเธอสวมเสื้อตัวเดียวกับกระโปรงยาว ส่วนตรงมุมหนึ่งในห้องครัว แม่มดจำนวนไม่น้อยไม่ได้ใส่รองเท้า พวกเธอวิ่งไปวิ่งมาบนพรมด้วยเท้าเปล่าๆ เมื่อเทียบกับตอนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ตอนนี้ดูจะเหมือนฤดูร้อนมากกว่า นี่ทำให้เธอสงสัยในการคาดเดาของตัวเองอันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง

เขาสร้างเมืองเนเวอร์วินเทอร์ขึ้นมาเพื่อให้คนสนุกกับมันจริงๆ ด้วย!

ส่วนเวนดี้ที่อยู่ข้างๆ ได้ถอดเสื้อคลุมออก พร้อมทั้งหันมาเธอตาปริบๆ “ไม่ถอดเหรอ เดี๋ยวเหงื่อออกนะ แล้วพอออกไปเจอลมเย็นข้างนอก เจ้าอาจจะเป็นไข้เย็นได้นะ”

“ข้า ข้ารู้แล้ว”

อาซีม่าถอดเสื้อออกอย่างเก้ๆ กังๆ เธอคอยเหลือบมองดูหน้าอกของอีกฝ่าย ถึงแม้หน้าอกเธอจะไม่ถือว่าเล็ก แต่ก็ยังไม่อาจเทียบของเวนดี้ได้เลย

ถ้าฝ่าบาทคิดจะทำอะไรแบบนั้นจริงๆ …ดูยังไงก็ไม่น่าจะมาหาเธอหรือเปล่า?

เธอเดินตามเวนดี้ขึ้นไปยังชั้นสามของปราสาทพร้อมกับความสงสัยในใจ จากนั้นจึงเข้าไปในห้องหนังสือของราชา

“ฝ่าบาท อาซีม่ามาแล้วเพคะ”

“ถวายบังคมเพคะ ฝ่าบาท”

อาซีม่าย่อตัวลงพร้อมกับใช้หางตากวาดมองดูคนที่อยู่ในห้อง สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มผมสีเทาคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ

คนที่อยู่ตรงข้ามเธอคือราชาของเกรย์คาสเซิล เธอคิดในใจ เมื่อก่อนนี้ตอนที่เธอยังไม่ออกจากมนตร์แห่งสลีปปิ้ง เธอเคยเห็นเขาจากระยะไกลๆ ในงานเลี้ยงเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาในระยะใกล้ๆ ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเธอคือราชาผู้นี้ดูหนุ่มอย่างมาก

อายุยังไม่ถึง 30 ปีก็สามารถเอาชนะพี่น้องของตัวเอง เอาชนะศาสนจักร แล้วก็รวบรวมอาณาจักรเข้ามาอยู่ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ นี่เป็นสิ่งที่คนอายุเท่าเขาสามารถทำได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

เธอสามารถเถียงกับทิลลีอย่างเปิดเผยได้ แต่กลับไม่สามารถใช่ท่าทีอย่างเดียวกันนั้นกับราชาได้ เพราะทันทีที่ออกจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เธอจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมนตร์แห่งสลีปปิ้งอีก เธอไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย เพราะทุกที่นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของชายผู้นี้ นอกเสียจากเธอจะออกไปจากเกรย์คาสเซิล ถึงตัวเธอจะไม่เกรงกลัวอำนาจของเขา แต่เธอก็ไม่อาจคิดแทนพวกดอร์ริสได้

“ตามสบาย” เสียงของราชาฟังดูนุ่มนวลอย่างมาก “ความจริงข้าอยากจะเจอเจ้ามานานแล้ว ที่เรียกเจ้ามาในเวลากลางคืนเช่นนี้ก็ออกจะกะทันหันไปเสียหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าความสามารถของเจ้ามีความสำคัญสำหรับอาณาจักรอย่างมาก ในเมื่อเวลามาถึงแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะรอต่อไปแม้แต่คืนเดียว”

“….” อาซีม่าเงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจ “พระองค์ทรงหมายความว่า พระองค์จะจ้างหม่อมฉันเหรอเพคะ?”

ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนจะเป็นการจ้างแบบพิเศษด้วย สำหรับงานที่ต้องใช้ความสามารถแล้ว สโมสรแม่มดมักจะจ่ายค่าจ้างให้ค่อนข้างสูง

แต่เวลาที่เขาว่า…มันหมายความว่ายังไง?

“ถูกต้อง สัญญากำหนดระยะเวลา ค่าตอบแทนดีอย่างมาก” โรแลนด์ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “ค่าจ้างเดือนละ 2 เหรียญทองจนกว่าภารกิจของเจ้าจะเสร็จสิ้น หลังจบงานแล้วจะมีรางวัลให้อีก 50 เหรียญทอง เจ้าคิดว่าไง?”

อาซีม่าใจเต้นขึ้นมาทันที ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินรางวัลนั่น เพียงแค่ค่าตอบแทนเดือนละ 2 เหรียญทองก็เท่ากับเงินช่วยเหลือที่มนตร์แห่งสลีปปิ้งให้แล้ว ถ้ามีรายได้ตรงนี้ เธอไม่เพียงแต่จะเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่เธอยังช่วยเพื่อนๆ ของเธอได้ด้วย! ส่วนเงินรางวัล 50 เหรียญทองนั้น ไม่ว่าจะเอาไว้เป็นทุนสำหรับออกไปจากเมือง หรือว่าเอาให้พวกไวท์แพร์ที่เจอญาติของตัวเองแล้วไปซื้อบ้านที่ใหญ่หน่อยก็ล้วนแต่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”

งานนี้มาได้ทันเวลาจริงๆ!

แต่ว่าการใช้ชีวิตเร่ร่อนเป็นเวลานานทำให้เธอรู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ การใช้ผลประโยชน์มาหลอกล่อให้ตกหลุมพรางนั้นเป็นลูกไม้ที่พวกขุนนางชอบใช้กัน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นราชาของอาณาจักร เธอก็ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน “จริงอยู่ที่เงินตอบแทนดีอย่างมาก แต่หม่อมฉันต้องรู้ก่อนว่าพระองค์ทรงต้องการให้หม่อมฉันทำอะไร หม่อมฉันถึงจะให้คำตอบได้เพคะ”

ความสามารถของเธอมีประโยชน์อย่างมากเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นการหาแหล่งน้ำ รังสัตว์หรือผลไม้ก็ล้วนแต่ทำได้ทั้งสิ้น แต่เมืองเนเวอร์วินเทอร์เหมือนจะไม่ได้ขาดแคลนของพวกนี้เลย

“ง่ายมาก ช่วยข้าหาหินชนิดหนึ่ง” โรแลน์หยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะเอามันวางบนโต๊ะ “สำหรับเจ้าแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”

“หม่อมฉันขอดูมันหน่อยได้ไหมเพคะ?”

“แน่นอน”

อาซีม่าเดินเข้าไปหยิบสิ่งที่อยู่ในกล่องขึ้นมาดู มันมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ เป็นแผ่นบางๆ ผิวดูแวววาวและมีความเย็น เห็นได้ชัดว่ามันถูกขัดมาแล้ว แทนที่จะบอกว่ามันเป็นหิน ควรจะบอกว่ามันเหมือนเหรียญชนิดพิเศษมากกว่า อีกทั้งจากสีดำๆ เทาๆ ของมัน ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ได้มีความแวววาวอะไรเลย เธอนึกไม่ออกเลยว่าทำไมฝ่าบาทถึงสนใจเจ้าสิ่งนี้

เธอลังเลเล็กน้อย “ถ้ามันเป็นแค่หินล่ะก็ เกรงว่าหม่อมฉันคงยากที่จะช่วยพระองค์หาแหล่งกำเนิดของมันได้เพคะ ตอนที่อยู่บนเกาะสลีปปิ้ง เคยมีสมาคมหอการค้ามาวานหม่อมฉันให้ช่วยหาแหล่งอัญมนี แต่พลังของหม่อมฉันกลับพาพวกเขาไปยังหมู่เกาะเซียร์ริ่งเฟลม ที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากทรายร้อนๆ ทางมนตร์แห่งสลีปปิ้งก็เลยต้องชดใช้ค่าออกทะเลให้กับพวกเขาเพคะ”

“ข้าเดาว่าพวกนั้นน่าจะเป็นบ็อกไซต์ เมื่อดูจากส่วนประกอบแล้ว มันก็ถือว่าเป็นแหล่งอัญมณีนั่นแหละ” โรแลนด์พูดยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ส่วนเจ้าจะช่วยข้าหาสิ่งที่ข้าต้องการได้หรือไม่นั้น เดี๋ยวเราลองทดสอบดูก็รู้”

หินสีดำกับอัญมณีเป็นของแบบเดียวกันเหรอ? อาซีม่าระงับความสงสัยภายในใจเอาไว้ จากนั้นเธอก็ใช้พลังกับหินที่อยู่ในมือ ทันใดนั้นลำแสงสีเขียวดูแสบตาพลันส่องออกมาจากมือของเธอ! ความสว่างของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าไฟในปราสาทเลย!

ส่วนในโต๊ะหนังสือของราชาก็มีแสงสีเขียวแบบเดียวกันสว่างขึ้นมา

เธอตกตะลึงไปทันที

มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่มองเห็นลำแสงอันนี้ มันไม่เพียงแต่จะชี้ให็เห็นถึงทิศทางของแหล่งกำเนิด แต่มันยังสามารถชี้ให้เห็นถึงระดับความสมบูรณ์ของแหล่งกำเนิดด้วย ส่วนใหญ่มันมักจะเป็นแสงเหมือนหิ่งห้อยที่กระจัดกระจายไปทั่ว เมื่อเอาลำแสงมาบรรจบกันแล้ว เธอก็จะสามารถตามหาลำแสงจุดต่อไปได้

การที่อีกฝ่ายเอาแผ่นหินอีกส่วนหนึ่งแอบเอาไว้ในโต๊ะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะนี่เป็นการทดสอบง่ายๆ เพื่อยืนยันความสามารถของเธอเท่านั้นว่ามันใช้ได้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำให้อาซีม่ารู้สึกประหลาดใจก็คือระดับความเข้มของลำแสง นี่หมายความว่าแผ่นหินที่ดูไร้ค่าที่อยู่ในมือเธอชิ้นนี้กับแผ่นหินที่แอบอยู่ในโต๊ะนั้นเป็นหินในระดับแหล่งกำเนิด!

วัตถุระดับแหล่งกำเนิดที่มีขนาดเล็กแบบนี้ เธอเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก!

แต่…มันจะเป็นไปได้ยังไง?

ตอนที่ยังไม่ได้ไปอยู่บนเกาะสลีปปิ้ง เธอเคยบังเอิญเก็บเหรียญทองได้เหรียญหนึ่ง ตอนนี้เธอเคยคิดจะใช้ความสามารถในการหาเงินที่คนอื่นเผลอทำตกไว้มากกว่านี้ ถึงแม้สุดท้ายความคิดนี้มันจะไม่กลายเป็นจริงก็ตาม เพราะเงินที่ไม่มีเจ้าของนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ส่วนใหญ่ลำแสงมักจะชี้ไปที่กระเป๋าของคนอื่นๆ ต่อให้รู้ว่ามันมาจากตรงนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่นี่ก็ทำให้เธอได้รู้ว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน

ตอนนั้นปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงที่สุดนั้นมาจากคลังเก็บเงินใต้ดินในปราสาทของผู้ปกครองคนหนึ่ง ซึ่งปฏิกิริยาของลำแสงสีเขียวอันนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าลำแสงในตอนนั้นเลย

หรือว่า…ระดับความหายากของเจ้าสิ่งนี้จะมากกว่าทองหลายร้อยเท่า?