บทที่ 353
คำสารภาพของเฟิงจือหลิง
“จุจุ พวกเจ้าสองคนแอบคบกันงั้นเหรอเนี่ย” เสี่ยวไป๋ที่จู่ๆก็โผล่มาพูดออกมาพร้อมท่าทางยียวน
ความโกรธของมู่หรงเสวี่ยแทบจะพุ่งออกมา ในระหว่างที่พยายามพยุงตัวเองไว้ด้วยมือของเธอ เธอก็พูดกับเสี่ยวไป๋ “ยังไม่รีบมาแยกเขาออกไปอีก อยากตายหรือไง?”
“ไม่ๆๆ ข้าจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำลายความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของคนอื่นหรอก” เสี๋ยวไป๋ส่ายหัวพร้อมทั้งเดินถอยไปสองสามก้าว
มุมปากของมู่หรงเบ้ลง “รีบมาพลิกตัวข้าเลยไม่งั้นข้าจะทำให้เจ้าเห็นดีแน่ๆ”
“ขอข้าชื่นชมต่ออีกหน่อยนะ” เสี่ยวไป๋พูด
สีหน้าของมู่หรงเคร่งขึ้น “ข้าให้เวลาเจ้าสองวิ ถ้ายังไม่รีบมาข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เสี่ยวไป๋เห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของมู่หรงจึงค่อยๆเดินเข้ามาหา
เขาค่อยๆแตะไปที่เฟิงจือหลิงที่หมดสติอยู่ “เฮ้ ตื่นสิ ดูสิ เขาไม่สนใจข้าเลย” เสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่พอใจ
มู่หรงจ้องไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา ในใจคิดวิธีที่จะจัดการเขาได้เป็นหมื่นวิธี
“เฮ้ เฮ้ อย่ามองแบบนี้สิ ข้าจะดึงเขาออกจากเจ้าแล้ว” เสี่ยวไป๋รู้ว่าเธอทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ไม่งั้นมู่หรงเสวี่ยคงบีบคอเขาจนตายแน่ๆ
เสี๋ยวไป๋ดึงมือเฟิงจือหลิงออก
สิ่งแรกที่มู่หรงทำหลังจากที่หลุดเป็นอิสระคือพยายามที่จะตีเสี่ยวไป๋อยู่หลายครั้ง
“อย่าตีสิ มันเจ็บนะ อย่าตี” เสี่ยวไป๋ใช้มือบังหัวตัวเองไว้
“เจ็บเหรอ รู้จักความเจ็บกับเขาด้วยเหรอ งั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะแล้วนั่งดูเจ้าตายอยู่ข้างๆนี่แหละ” มู่หรงยังไล่ตามไปตีเสี่ยวไป๋อีกหลายครั้ง
“ข้าช่วยเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ?! บ้าจริง อย่าตีข้าที่หัวสิ ข้าไม่ชอบให้ใครมาตีหัวนะ”
“ยังกล้ามาต่อปากต่อคำอีกหรอ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกน่า” มู่หรงเสวี่ยโกรธมาก
“เสี่ยวเสวี่ย เจ้าเห็นหรือเปล่าว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับจือหลิง” เสี่ยวไป๋รีบชี้ไปที่เฟิงจือหลิงที่นอนอยู่ที่พื้นไม่ห่างไปนัก
มือของมู่หรงหยุดทันทีพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างคาดโทษ “เดี๋ยวข้าจะมาจัดการเจ้าต่อ” แล้วแทบจะในทันทีเธอก็หันเดินไปในทิศทางของเฟิงจือหลิง
เสี่ยวไป๋รีบวิ่ง เขาไม่ได้โง่นะถึงจะอยู่รอให้ถูกเล่นงานอีกน่ะ
มู่หรงค่อยๆตรวจอาการของเขาอย่างระวัง เขากำลังทรมานจากความร้อนและภาวะขาดน้ำในร่างกาย เธอจึงรีบหยิบยาออกมา
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมเฟิงจือหลิงถึงไม่กินยาเข้าไป เธอรีบอุ้มเฟิงจือหลิงขึ้น
โชคดีที่ในมิติลับมีพลังแห่งจิตวิญญาณอยู่ ไม่งั้นเธอคงไม่มีทางอุ้มเขาขึ้นมาได้
มู่หรงพาเขาไปที่น้ำตกแล้วจึงโยนเขาลงไปในสระ แต่ มู่หรงก็เห็นว่าเฟิงจื่อหลิงกำลังจมลงไป
เพราะเฟิงจือหลิงยังไม่ฟื้น มู่หรงเสวี่ยจึงต้องกระโดดลงไปช่วยเขา เธอหยิบยาออกมาและใส่เขาไปในปากของเฟิงจือหลิง ถึงแม้มันจะช่วยรักษาอาการตัวร้อนและภาวะขาดน้ำของเขาไม่ได้ แต่มันก็น่าจะทำให้เขาฟื้นได้ในไม่ช้านี้
เฟิงจือหลิงรู้สึกร้อนๆหนาวๆปนกันไปหมด เขาอดไม่ได้ที่จะกอดสิ่งที่อยู่ข้างกาย
สัมผัสที่มือทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นมาหน่อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะลูบไล้
สีหน้าของมู่หรงกระตุกและรับหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหวของเขาทันที
เฟิงจือหลิงดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนเขาจะเห็นนางฟ้า
“เจ้าฟื้นแล้วเหรอ? เป็นไงบ้าง?” มู่หรงเห็นเขาลืมตาจึงรีบถามออกไปทันที
ทั่วทั้งร่างของเฟิงจือหลิงเจ็บปวดไปหมด ข้างในหัวก็รู้สึกมึนงง เขาไม่ได้ยินสิ่งที่มู่หรงพูดเลย
เบื้องหน้าเขาเห็นเพียงริมฝีปากแดง สีแดงระเรื่อที่เปล่งประกายชวนให้เขารู้สึกอยากลิ้มลอง เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิม
สัญชาตญาณของร่างกายขับเคลื่อน เขาอดไม่ได้ที่จะจู่โจมเขาหาริมฝีปากแดงระเรื่อดีอยู่ตรงหน้า
กลิ่นหอมอ่อนๆ และความหวานที่พุ่งเข้ามาทำให้เขารู้สึกยากที่จะหยุด
“อื่ม!” มู่หรงเสวี่ยเบิกตากว้างและพึมพำออกมา
เสียงนี้ดูเหมือนจะยิ่งไปกระตุ้นเฟิงจือหลิงซึ่งทำให้เขากลายเป็นปีศาจขึ้นมาทันที
เขากอดมู่หรงเสวี่ยด้วยความรุนแรงและที่หน้าผากเขาร้อนขึ้นมากจนเขาอดไม่ได้ที่จะมองหาการปลดปล่อย
มู่หรงไม่ทันได้ตอบโต้ท่าทางที่กะทันหันของเฟิงจือหลิง เขาฉีกเสื้อผ้าของมู่หรงออกทันที เผยให้เห็นผิวที่ขาวนวลของเธอ
ผิวที่ขาวนวลนี้ทำให้ดวงตาของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนเป็นสีแดงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
เขาจับไปที่หน้าอกเธอด้วยมือข้างหนึ่ง เขาถอนหายใจออกมาด้วยความพอใจ
มู่หรงเสวี่ยรีบปิดไว้ทันทีพร้อมมือที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ และผลักเขาออกไปทันที
เธอควบคุมพลังในมือไว้อย่างดีเพื่อที่จะไม่ทำร้ายเขา
มู่หรงเห็นชุดตัวเองและรีบหยิบพวกมันขึ้นมาสวมอีกครั้ง เธอค่อยๆดึงเขาขึ้นมาจากน้ำเพื่อกันไม่ให้เขาทำอะไรขึ้นมาอีก
จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมา เฟิงจือหลิงก็ค่อยๆกลับมาได้สติ
“มู่, มู่เทียน” เฟิงจือหลิงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฟื้นก็ดีแล้ว” มู่หรงพูดออกไปเรียบๆ
เฟิงจือหลิงไม่กล้าที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะเขาเห็นว่าริมฝีปากของมู่หรงเสวี่ยทั้งแดงและบวม เสื้อผ้าของเธอก็ยุ่งเหยิงไปหมด
แต่ท่าทางของเธอนิ่งสงบมาก แม้แต่สายตาขอเธอก็ยังเย็นชาอย่างมาก ราวกับว่าไม่อยากที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
เขากลืนเรื่องที่อยากจะถามกลับเข้าไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากที่จะถาม แต่เขากลัวที่จะได้เห็นสายตารังเกียจของเธอมากกว่า
เขาส่ายหัวแต่ก็จำไม่ได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นแต่ท่าทางของเธอทำให้เขาอยากชกหน้าตัวเองจริงๆ
“เจ้าจะทำอะไร? อย่าเพิ่งลุกขึ้นเร็วนักสิ” มู่หรงที่นั่งอยู่ที่ฝั่ง ไม่คิดว่าเฟิงจือหลิงจะยืนขึ้นเร็วนักจึงพูดออกมาเสียงเรียบ
“คือ มู่เทียน ข้า…”
“ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ข้าไปก่อนนะ” เมื่อพูดจบมู่หรงเสวี่ยก็แทบจะบินออกไปเลย
บ้าจริง เธอเองก็อายไม่ต่างกัน งั้นอย่าพูดเรื่องนี้อีกดีกว่า ทำซะว่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่เหลืออยู่ในน้ำคือรอยยิ้มแหย่ๆของเฟิงจือหลิง เขามั่นใจเลยว่าตัวเองจะต้องทำอะไรกับเสี่ยวเสวี่ยแน่ๆ
เพียงแค่ว่าเขาจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาค่อยๆเดินขึ้นมา มองตามหลังมู่หรงที่หายตัวไปราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่คิดได้แล้วเขาก็ตามเธอไป
“มู่เทียน” หลังจากที่หาอยู่นาน ในที่สุดเฟิงจือหลิงก็เจอเธออยู่ที่สวนสมุนไพร
มู่หรงหันกลับมาเพียงแค่ว่าในตอนนี้สีหน้าของเธอไม่มีร่องรอยของความเขินอายเหมือนเมื่อกี้แล้ว
“มีอะไรเหรอ?” มู่หรงถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
“เสี่ยวเสวี่ย ข้า…”
“ไม่ต้องพูดหรอก เขายังเป็นเพื่อนกันได้” มู่หรงกังวลมากจนหลุดปากพูดออกมา
ตอนนี้เฟิงจือหลิงยิ้มแหย่ๆ
นี่เป็นการปฏิเสธชัดๆ ไม่ให้โอกาสเขาได้พูดด้วยซ้ำ แต่เขาไม่อยากที่จะเก็บไว้อีกแล้ว ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอถูกเก็บมานานมากแล้วและเขารู้สึกแทบจะทนไม่ไหว
“ฟังนะ มู่เทียน” เฟิงจือหลิงมองไปที่หน้าของมู่หรงและรู้สึกได้ถึงสายตาของตัวเองที่จ้องอยู่
หัวใจของมู่หรงสั่นไหวพร้อมทั้งหลบสายตาของเขาทันที ตอนนี้เธอรู้สึกอยากที่จะวิ่งหนีไปเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องหลบหรอก” เขาวางมือไปที่ไหล่ของเธอและพูดออกมา “ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้าใจ ใช่ไหม?”
“ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้ามาก!” เฟิงจือหลิงพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ทำไมล่ะ? ข้าบอกให้เจ้าหยุดไม่ใช่หรือไง?” ตอนนี้ที่หน้าของมู่หรงเสวี่ยไม่ค่อยจะดีเท่าไร เธอมองเขาเป็นเพื่อนมาโดยตลอด ไม่มีอย่างอื่นเลย
เมื่อกี้เธอเห็นแล้วและเธอถึงขนาดพยายามที่จะหยุดเขาด้วย
เธอเชื่อว่าเฟิงจือหลิงฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายของเธอได้
“ทำไมเจ้าต้องพูดเรื่องนี้ออกมาด้วย?”
“ข้าไม่อยากที่จะปิดบังอีกแล้ว มู่เทียน ข้าชอบเจ้ามานานมากแล้ว บางทีข้าอาจจะชอบเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลยด้วยซ้ำ และต่อไปข้าก็คงจะสลัดเจ้าออกไปจากใจไม่ได้แล้ว” การที่มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัดทำให้เขารู้สึกเศร้าอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนักเพราะเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้ชอบเขา
“ข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อนเท่านั้น” มู่หรงเสวี่ยพูด เธอไม่ได้เกลียดเขา ไม่เลยสักนิด
“เจ้าเกลียดข้างั้นเหรอ?” เฟิงจือหลิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เรื่องที่เธอไม่รักเขา เขายอมรับได้แต่เขาทนรับเรื่องที่เธอเกลียดเขาไม่ได้ มันคงเหมือนมีดกรีดลงมาที่กลางใจเขา
“ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่ลองให้โอกาสข้าบ้างล่ะ? ข้าจะดีกับเจ้าและรักเจ้าตลอดไปด้วยนะ ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้าจะพยายามทำอย่างที่เจ้าต้องการทุกอย่างเลย แม้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม…”
หัวใจของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกบีบแน่นขึ้นมา เฟิงจือหลิงเป็นเพื่อนที่สำคัญมากสำหรับเธอ เป็นคนที่มีเกียรติ ต่างกับหวังฉิง
น้ำเสียงที่อ้อยอิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด “ข้า…” มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะปฏิเสธแต่ก็พูดไม่ออก
เธอกลัวว่าทันทีที่เธอพูดออกไป ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอจะพังทรุดลงไป
ทันใดนั้นเฟิงจือหลิงก็กอดเธอไว้แน่น “มู่เทียน อย่าปฏิเสธข้าเลย ตกลงไหม?!” เฟิงจือหลิงพูดออกมาแทบจะเป็นการขอร้อง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอคงจะอึดอัดแต่คิ้วที่อ่อนลงของเธอเมื่อกี้ทำให้เขาเห็นความหวังขึ้นมาเล็กน้อย ยกโทษให้ความเห็นแก่ตัวของเขาด้วยแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่อยากได้ผู้หญิงที่เขารักหรอก
.”มู่เทียน ข้ารักเจ้านะมู่เทียน”
.คำพูดที่อบอุ่นของเขาดังอยู่ข้างหูเธอ คำว่ารักมากมายทำให้เธอสั่นขึ้นมาได้ทันทีและร่างกายที่พยายามขัดขืนก็ยิ่งทำให้เฟิงจือหลิงกอดเธอไว้แน่นขึ้นไปอีก
“มู่เทียน ให้โอกาสข้าหน่อยนะมู่เทียน…”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหงุดหงิดและเกิดความคิดมากมาย เธอไม่รู้ว่าทำไมในหัวใจของเธอถึงเกิดการต่อต้านบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมา ร่างเงาดำแวบขึ้นมาในความคิดของเธอแต่ก็ จางหายไปอย่างเร็วก่อนที่เธอจะเห็นได้อย่างชัดเจน
“ไม่…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา
เฟิงจือหลิงรู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาข้างนอก
เขาดึงร่างเธอออกห่างและมองด้วยสายตาที่ดำมืด “มู่เทียน ข้ารักเจ้า” แล้วจึงจูบไปที่ริมฝีปากแดงที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดเวลา รสชาติที่ได้ลิ้มลองช่างดีเลิศราวกับอยู่ในความฝัน
“โอ้ ปล่อย…”
เฟิงจือหลิงใช้โอกาสนี้ในการโจมตีเข้าไป ไฟร้อนแผ่กระจายไปทั่ว
มู่หรงรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณและโจมตีไปที่ เฟิงจือหลิงที่กอดเธอไว้แน่น
ทั้งๆที่โดนพลังแห่งจิตวิญญาณโจมตีแต่เฟิงจือหลิงก็ยังไม่หยุด “อืม!” เขาเปล่งเสียงออกมาเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยเธอ
มู่หรงเสวี่ยตีไปหลายครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้ลงมือแรงอะไรมากแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เฟิงจือหลิงเจ็บได้ นี่เขาบ้าไปแล้วหรือไง?! มู่หรงเสวี่ยเบิกตากว้าง
จนกระทั่งมู่หรงเสวี่ยเจ็บริมฝีปากไปหมด เฟิงจือหลิงจึงค่อยๆปล่อยเธอออก
“เปี๊ยะ!” มู่หรงเสวี่ยตบเขาไปอย่างแรง