บันไดอันใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

“ทำไมต้องทำหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้นด้วยล่ะเพคะ” จู่ๆ ไนติงเกลก็ยิ้มขึ้นมา “ความจริงไม่ว่าพระองค์ตรัสอะไร หม่อมฉันก็เชื่อทั้งนั้นแหละเพคะ แต่ว่าพระองค์ก็ต้องให้เวลาคนอื่นๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าพระองค์ไปบอกพวกเขาว่าของเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือนี่สามารถทำให้ปีศาจนับพันนับหมื่นกลายเป็นผุยผงได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะนึกภาพมันออกหรอกเพคะ โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาได้เห็นสิ่งที่ลูเซียสกัดออกมา”

“จริงเหรอ?” โรแลนด์ลูบหน้าของตัวเอง น่าจะเป็นเพราะเขากังวลถึงเรื่องการแข่งกับเวลาของมนุษย์เมื่อต้องเจอกับช่วงเวลาที่สำคัญ ก็เลยทำให้หน้าเขาคร่ำเคร่งขึ้นมา “แต่ว่าเจ้าก็พูดถูกนะ เพราะว่าถ้าไม่เคยเห็นมันด้วยตาตัวเอง แม้แต่ข้าก็คงยากที่จะเชื่อเหมือนกัน”

เขาหมุนตัว แล้วถือ ‘แผ่นหิน’ ที่ดูไร้ค่านั้นเอาไว้ในมือ

นี่คือจุดเริ่มต้นของการไล่ตามพระอาทิตย์ —- ยูเรเนียมบริสุทธิ์

แค่คำพูดไม่กี่คำนั้นยากที่จะทำให้คนเชื่อมโยงมันเข้ากับ ‘สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับพระอาทิตย์’ ได้ ผิวสีขาวเงินกลายเป็นสีหม่นๆ เพราะปฏิกิริยาออกซิเดชั่น สัมผัสเย็นๆ ของมันไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับแสงและความร้อนเลย แต่โรแลนด์รู้ว่าขอเพียงมีเงื่อนไขที่เหมาะสม มันก็จะเป็นสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้

เพื่อที่จะเก็บรวบรวมมัน หลังจบการประชุมในวันนั้น ลูเซียกับสเปียร์ก็วุ่นอยู่ที่เหมืองทิศเหนือมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว พวกเธอทำการสกัดเอายูเรเนียมออกมาจากหินแกรนิตที่อยู่รอบๆ เหมือง ซึ่งสเปียร์ก็บ่นกับเรื่องนี้ยกใหญ่ เพราะเธอคิดว่าการที่ให้เธอไปนั่งคุ้ยหินไปมานั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเสื่อมเสียเกียรติ หลังจากนั้นเธอจึงใช้เหตุผลนี้มาอ้างกับทางสำนักงานเมืองเพื่อขอเจ้าหน้าที่ไปอีก 5 คน

ผลที่ได้ออกมาคือแผ่นหินเล็กๆ แค่นี้

เมื่อเทียบกับแท่งยูเรเนียมที่เป็นตัวอย่างในตอนแรกแล้ว แผ่นยูเรเนียมที่มีขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือนี้มีความบริสุทธิ์มากกว่า 90% ลูเซียได้แบ่งมันออกเป็นสองชั้น โดยชั้นผิวด้านหนึ่งนั้นเป็นยูเรเนียม-235 ส่วนที่เหลือคือยูเรเนียม-238 สัดส่วนคือ 1:99 ซึ่งนี่ก็เป็นสัดส่วนตามธรรมชาติของยูเรเนียมทั้งสอง

พูดอีกอย่างคือธาตุยูเรเนียมที่มีความบางมากกว่าเส้นผมที่อยู่บนผิวของแผ่นหินนั้นอยู่ในระดับที่ ‘เป็นอาวุธ’ ได้แล้ว

ในฐานะที่เป็นนิวไคลด์ที่เกือบจะเสถียร ไม่ว่าจะเป็นยูเรเนียม-238 ที่มีสัดส่วนเป็นจำนวนมาก แต่กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ หรือว่ายูเรเนียม-235 ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นั้นก็ล้วนแต่มีครึ่งชีวิตที่ยืนยาวเป็นพันล้านปี ด้วยช่วงเวลาการสลายตัวที่ยาวนานเช่นนี้ บวกกับรังสีแอลฟาซึ่งเป็นรังสีหลักที่ถูกปล่อยออกมาในตอนที่มันสลายตัวและมีความสามารถในการทะลุทะลวงที่ต่ำจนไม่สามารถทะลุผิวหนังได้ ทำให้ถึงแม้จะถือมันเอาไว้ในมือก็ไม่มีทางที่จะได้รับอันตรายใดๆ จนถึงแก่ชีวิต

แต่ก็ไม่ใช่ว่าการสัมผัสยูเรเนียมที่มีความเข้มข้นสูงจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะว่าในรังสีแอลฟาบางส่วนที่เกิดขึ้นจากการสลายตัวของยูเรเนียมอาจจะมีพิษอยู่ หากมือเราปนเปื้อนแล้วไปหยิบของกินเข้าปาก แบบนั้นคงมีปัญหาแน่

ด้วยเหตุนี้โรแลนด์จึงให้โซโรยาทำฟิล์มใส่เคลือบ ‘แผ่นหิน’ เอาไว้ชั้นหนึ่ง นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้มันเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นไปมากกว่าเดิมแล้ว มันยังช่วยป้องกันพิษของรังสีแอลฟาได้ด้วย

เพราะว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ติดนิสัยไม่ชอบล้างมือ

เขามองดูสิ่งที่อยู่ในมือของตัวเอง ก่อนจะรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา ยูเรเนียมที่มีพลังมันมหาศาลแฝงอยู่ในตัวแผ่นนี้กำลังนอนนิ่งอยู่ในมือของเขา มันดูแล้วไม่ได้มีพิษมีภัยแม้แต่น้อยเลย แทบจะไม่ต่างอะไรกับเหล็กทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ นี่จึงไม่แปลกที่พวกพาซาร์จะรู้สึกยากที่จะเชื่อคำพูดของเขาได้

ในเมื่อตอนนี้เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นงานแรกที่ต้องทำก็คือรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในแผน ‘เรสเพลนเดนท์ เรเดียชั่น’

อาซีม่าสามารถใช้ยูเรเนียมความเข้มข้นสูงในการหาตัวอย่างที่มีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันอย่างมากได้ อย่างน้อยนี่ก็ช่วยยืนยันได้มันสามารถใช้ในการสำรวจเหมืองได้ ถึงแม้การที่ลูเซียไปสกัดเอายูเรเนียมมาจากในเหมืองวันแล้ววันเล่าจะสามารถรวบรวมยูเรเนียม-235 มาได้ปริมาณมากพอเช่นเดียวกัน แต่การทำแบบนั้นมันจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าไปพร้อมกันได้

เพราะในอุตสาหกรรมการหลอมโลหะระดับสูง ลูเซียคือคนที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยยูเรเนียมเกรดที่ใช้ทำอาวุธเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถทำระเบิดที่ใช้งานจริงได้ ถ้าอยากจะทำให้มันกลายเป็นระเบิดกัมมันตรังสี โรแลนด์ยังจำเป็นต้องใช้ธาตุอีกอย่างหนึ่งที่หาได้ยาก ปกติมันมักจะเกิดอยู่ในเหมืองยูเรเนียม แต่ปริมาณของมันมีเพียงแค่ 1 ใน 10 ล้านของยูเรเนียมเท่านั้น ต่อให้มีลูเซียคอยช่วย เขาก็จำเป็นต้องใช้แร่ดิบจำนวนมหาศาลในการแก้ไขปัญหานี้

เอาเป็นว่า หลังจากนี้คงต้องพึ่งอาซีม่าแล้ว

โรแลนด์เก็บแผ่นยูเรเนียมลงไปในกล่อง ก่อนจะใส่มันเข้าในลิ้นชักพร้อมกับล็อกลิ้นชักเอาไว้ จากนั้นเขาหยิบเอาแปลนออกแบบเครื่องยนตร์สันดาปภายในที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยออกมากางไว้บนโต๊ะ

ถึงแม้ในค่ำคืนที่มีหิมะตกเช่นนี้ คนส่วนใหญ่จะพากันเข้านอนไปแล้ว แต่สำหรับเขาแล้ว เขายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ

“คืนนี้จะนอนดึกอีกแล้วเหรอเพคะ?” ไนติงเกลเอียงหน้าถามเขา

เขาขยับคอตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาปากกาขนนกขึ้นมา “ทุกคนลำบากกันมามากกว่าจะมองเห็นความหวัง ข้าไม่อาจทำให้ทุกสิ่งพังลงเพียงเพราะความขี้เกียจของตัวเองได้ เพื่อที่จะได้มีชื่อบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ นอนน้อยหน่อยก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร”

“จริงเหรอเพคะ…แต่ทำไมหม่อมฉันฟังดูแล้วเหมือนจะมีคำพูดส่วนหนึ่งที่ไม่ตรงกับใจของพระองค์นะเพคะ”

“แค่กๆๆ…..ไหนบอกว่าข้าพูดอะไรเจ้าก็เชื่อทั้งหมดไง”

“แต่พระองค์เป็นคนสั่งหม่อมฉันเองว่าให้ใช้พลังมาดูความคิดที่แท้จริงของพระองค์นะเพคะ” ไนติงเกลแลบลิ้นใส่

“เอาล่ะๆ ข้าอยากทำแบบนี้เอง พอใจหรือยัง?” เขาพูดอย่างจนปัญญา “ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่อยากจะแพ้ปีศาจ แล้วก็ยังมีเจตจำนงของพระเจ้าอะไรนั้นอีก”

“อื้อ ครั้งนี่ตรัสออกมาจากใจจริง อย่างนั้นหม่อมฉันชงชาให้พระองค์นะเพคะ แล้วก็จะไปเอาของว่างมาด้วย” ไนติงเกลยิ้มเล็กน้อย “บาร์บีคิว เห็ดอบน้ำผึ้ง กุ้งทอดกระเทียม แล้วก็เครื่องดื่มยุ่งเหยิง ให้พ่อครัวเตรียมมาอย่างละที่นะเพคะ?”

เฮ้ นี่เจ้าอยากจะกินเองใช่ไหม!

โรแลนด์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “เอาที่เจ้าชอบแล้วกัน”

“เพคะ ฝ่าบาทของหม่อมฉัน” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์

…..

วันถัดมาอาซีม่าพกเอาแผ่นยูเรเนียมความเข้มข้นสูงออกเดินทางไปบนเส้นทางแห่งการตามหาแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนโรแลนด์เองก็ได้ข่าวดีอีกข่าวจากทางสำนักงานเมือง

โครงการหอกลั่นน้ำมันที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองโยธาธิการกับกองอุตสาหกรรมเคมีได้สร้างหอกลั่นหมายเลขหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

โรแลนด์ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมัน

หอกลั่นแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ตรงแม่น้ำแดง ตัวหอนั้นสูงเกือบ 25 เมตร อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของการรรวมกันระหว่างเทคโนโลยีใหม่กับแนวคิดใหม่ ตัวหอที่เป็นเหล็กนั้นไม่ได้มีอะไรที่ดูพิเศษ มีเพียงแค่ตรงกลางที่ถูกแบ่งออกเป็นชั้นเพื่อเอาไว้แยกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามจุดเดือดที่แตกต่างกัน ส่วนการวัดอุณภูมิอย่างละเอียดกับการควบคุมปริมาณการระเหยนั้นทำเสร็จเรียบร้อยภายในห้องทดลอง บวกกับเทคนิคการเชื่อมโลหะของอันนาทำให้สามารถทำการกลั่นน้ำมันอย่างง่ายๆ ได้

ความจริงแล้ว….คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ทำการกลั่นออกมามีความสัมพันธ์กับตัวหอกลั่นน้อยมาก น้อยถึงขนาดที่ว่าบางพื้นที่สามารถเอาอิฐมาก่อเป็นเตา แล้วก็สามารถกลั่นน้ำมันออกมาได้เลย นี่ทำให้เขาคิดถึงหนังสือภูมิศาสตร์ในสมัยเด็กๆ ของตัวเองขึ้นมา บนหนังสือเขียนว่าประเทศของเขานั้นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแร่หรือทรัพยากรอะไรก็มีทั้งหมด แต่พอโตมาเขาถึงได้รู้ว่า ที่บอกว่ามีมันก็มีอยู่หรอก…แต่คุณภาพของมันกลับไม่ได้ดีเท่าไร จนมักจะสร้างปัญหาให้โรงกลั่นอยู่บ่อยๆ

เขาพบว่าแหล่งทรัพยากรพวกนี้มันเหมือนกับหน้าตาคนเราที่แตกต่างกันตั้งแต่เกิด ความแตกต่างระหว่างแร่คุณภาพเยี่ยมกับแร่คุณภาพต่ำนั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน ซึ่งก็ได้แต่ต้องใช้ความพยายามถึงจะทำให้แร่คุณภาพต่ำนั้นสามารถนำมาใช้งานได้ น้ำมันเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน น้ำมันดิบที่มีขี้ผึ้ง ซัลเฟอร์และเกลืออนินทรีย์ปนเปื้อนนั้นเหนียวจนเป็นเหมือนโคลน เอามาจุดไฟก็ไม่ลุกไหม้ ถ้าไม่ทำการแปรรูปก็แทบเอาไปใช้งานอะไรไม่ได้เลย แต่ก็มีน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นน้อยบางตัว อย่างเช่นแหล่งน้ำมันในบอร์เนียวที่ส่วนใหญ่แค่สัมผัสถูกไฟก็ลุกไหม้ พอสูบขึ้นมาก็สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เลย

น้ำสีดำที่มีอยู่ทั่วทั้งดินแดนทางใต้สุดนั้นเป็นน้ำมันแบบหลัง

หลังจากที่รู้ว่ามีน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน โรแลนด์ก็สนใจทะเลทรายแห่งนี้มาโดยตลอด และความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าน้ำมันที่เก็บกลับมาจากแหลมเอนด์เลสนั้นมีคุณภาพที่ใช้ได้เลยทีเดียว หลังกลั่นออกมาแล้วส่วนใหญ่สามารถนำมาใช้งานได้ ถึงแม้จะไม่อาจเทียบกับน้ำมันคุณภาพดีในยุคสมัยใหม่ได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะบรรลุความต้องการของโรแลนด์ในตอนนี้แล้ว

สิ่งที่เป็นความล้ำหน้าจริงๆ ของแผนการนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระบบสนับสนุนและการออกแบบระบบ