จวินอู๋เสียส่ายหน้า “กลับเข้าไปในป่า”
“กลับเข้าไปในป่า?” เฉียวฉู่ตะลึงเล็กน้อย
มุมปากของจวินอู๋เสียโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว
“ “ต้อนรับ” กันถึงขนาดนี้ ถ้าเราไม่ให้ “ของขวัญ” ตอบ ก็หยาบคายแย่สิ” วิธีการของพวกเมิ่งอีเหลียงทำให้จวินอู๋เสียโกรธจริงๆ ไม่สำคัญแล้วว่าจะมีความลับแบบไหนซ่อนอยู่ในหอคอยโยวหลิง อูจิ่วกดดันกันทุกย่างก้าวแบบนี้ จวินอู๋เสียย่อมไม่ทน
ไม่ใช่ทนไม่ได้ แต่ไม่อยากทน!
ด้วยความที่เป็น “คนคลั่งไคล้ขนสัตว์” เมื่อนางเห็นเมิ่งอีเหลียงกับเจียงอวิ๋นหลงนำกลุ่มวิญญาณมารุมทำร้ายพวกจงจง นางจึงต้องการแก้แค้นพวกเขา ในเมื่อวันนี้พวกเขาเอาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตูบ้าน จวินอู๋เสียย่อมไม่ปราณีพวกเขาอยู่แล้ว!
เฉียวฉู่ยังคงสับสนเล็กน้อย แต่จวินอู๋เสียกวักมือเรียกเพื่อนๆของนางเข้ามา ทั้งหกคนจับกลุ่มเอาหัวเบียดกัน ขณะที่จวินอู๋เสียกระซิบกระซาบเบาๆกับพวกเขาอยู่หลายประโยค
“ข้าว่าได้ผลนะ!” เมื่อได้ฟัง เฉียวฉู่ก็เผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมาทันที
เป็นวิญญาณใหม่อัดอั้นตันใจจะแย่ โดนมัดมือมัดเท้าไปซะทุกเรื่อง คราวนี้ล่ะจะได้ปลดปล่อยความโกรธซะที!
พวกฮัวเหยาเห็นด้วยกับคำแนะนำของจวินอู๋เสียโดยไม่ได้พูดอะไร ต้องรู้ว่าตั้งแต่พวกเขามาถึงโลกวิญญาณ พวกเขารู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมากเนื่องจากสูญเสียพลังวิญญาณสีม่วงไปอย่างกะทันหันและต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด วันคืนที่ถูกมัดมือมัดเท้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาชอบเลย
“ไป!” จวินอู๋เสียออกคำสั่ง แล้วพวกผู้เยาว์ก็พุ่งตามนางลึกเข้าไปในป่าโยวเมิ่งทันที
ภายในป่าโยวเมิ่ง เมิ่งอีเหลียงพาคนของเขาค้นหาร่องรอยของจวินอู๋เสียอย่างไร้จุดหมาย ป่าโยวเมิ่งกว้างใหญ่มาก มันเป็นสถานที่ที่รองรับวิญญาณมนุษย์จำนวนมากในคราวเดียวได้มากที่สุดในโลกวิญญาณ ไฟวิญญาณของโลกวิญญาณส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่
การค้นหาในป่าโยวเมิ่งที่มีต้นไม้หนาทึบและท้องฟ้ามืดสลัว มีเพียงแสงไฟเล็กๆจากไฟวิญญาณคอยส่องทาง พวกเมิ่งอีเหลียงจึงต้องถือคบไฟส่องทางข้างหน้า นับตั้งแต่มีหอคอยโยวหลิง ก็ไม่มีวิญญาณมนุษย์คนใดอยากมาฝึกในป่าโยวเมิ่งอีก เส้นทางที่ซับซ้อนและดูเหมือนๆกันไปหมดในป่าโยวเมิ่งทำให้พวกเมิ่งอีเหลียงรู้สึกหดหู่จนอยากตาย
“เวรเอ๊ย! ไอ้ที่แบบนี้มันน่าจุดไฟเผาทิ้งซะให้หมด” เมิ่งอีเหลียงโดนกิ่งไม้ข่วนจนนับครั้งไม่ถ้วน เสื้อผ้าของเขามีรอยฉีกขาดมากมาย ทำให้อารมณ์หดหู่ของเขากลายเป็นหงุดหงิดหัวเสีย….novel-lucky
“ศิษย์พี่เมิ่ง เรายังต้องหาต่อหรือ?” ค้นหามาครึ่งวันแล้วพวกเขาก็ยังไม่เจออะไรเลย ยิ่งเข้าไปในป่าโยวเมิ่งลึกเท่าไร ทัศนวิสัยก็แย่ลงเท่านั้น ขณะที่ต้นไม้กลับหนาทึบมากขึ้น ทำให้ทางข้างหน้ายิ่งยากลำบากมากขึ้นสำหรับพวกเขา
“พูดบ้าอะไร! ต้องหาต่อสิ ศิษย์พี่ใหญ่ให้เวลาเราแค่สามวัน ถ้าหาจวินอู๋เสียไม่เจอ ผลที่ตามมาเรารับไม่ไหวหรอก!” เสียงของเมิ่งอีเหลียงหงุดหงิดเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะความโกรธของอาจารย์ เขาก็ไม่อยากมาที่แย่ๆแบบนี้เหมือนกัน
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เมื่อก่อนตอนที่ไม่มีหอคอยโยวหลิง พวกวิญญาณมนุษย์อยากมาฝึกในที่แบบนี้ได้ยังไง” เมิ่งอีเหลียงบ่นไม่หยุด สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องดึงมีดสั้นที่เอวออกมาตัดกิ่งไม้ที่ขวางทางไปทีละกิ่ง
เสียงของป่าพร้อมกับเสียงฝีเท้าได้หายเข้าไปในป่าโยวเมิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้น ที่ปลายแสงไฟจากคบเพลิง เมิ่งอีเหลียงเหมือนจะเห็นรางๆว่ามีร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลเกินไปนัก เมิ่งอีเหลียงเงยหน้าขึ้นทันทีพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาส่งสัญญาณให้พรรคพวกที่อยู่ด้านหลังเพื่อสั่งให้พวกเขาลดเสียงลง