พอคิดได้แบบนี้ ฝีเท้าของมายมิ้นท์ก็เพิ่มความเร็วขึ้นมา และไม่นานก็กลับมาถึงห้องโถงงานเลี้ยงแล้ว
ระหว่างที่เดินผ่านผู้คน มายมิ้นท์ก็มองซ้ายมองขวาไปเรื่อย ค้นหาเงาของเปปเปอร์ไป
มองหาไปรอบหนึ่ง สุดท้ายก็หาตัวเขาเจอที่มุมหนึ่งตรงฝั่งตรงข้าม
แต่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่กำลังยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้หน้าตาสะสวยมาก แต่ได้เปรียบตรงที่รูปร่างสูงมาก บุคลิกดูดีมาก น่าจะเป็นคุณหนูของตระกูลไหนสักตระกูลหนึ่ง
เปปเปอร์น่าจะสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้มาก ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ แล้วก็คอยชนแก้วกันอยู่เรื่อย ๆ ด้วย
แถมมายมิ้นท์ยังเห็นว่าเปปเปอร์ยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้นด้วย
แล้วผู้หญิงคนนั้น ก็ยังช่วยเขาจัดเข็มกลัดที่อยู่ตรงหน้าอกด้วย……
ชั่วขณะหนึ่ง ฝีเท้าของมายมิ้นท์หยุดนิ่งไป มือทั้งข้างก็กำเข้าหากันแน่น ในใจมีไฟโกรธและความขมขื่นที่แสดงออกไปได้จู่โจมเข้ามา จนรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
ทามทอยยืนอยู่ข้างหลังเธอ จ้องมองไปทางเปปเปอร์ แล้วก็หันมามองเธอที่ตัวสั่นเทาเล็กน้อยอยู่ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างขมขื่นขึ้นทีหนึ่ง
เธอตกหลุมรักเปปเปอร์เข้าอีกแล้วจริง ๆ
ไม่งั้น พอเธอเห็นเปปเปอร์ยืนอยู่กับผู้หญิงอื่น เธอก็ไม่มีทางมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้หรอก รุนแรงจนเขาที่อยู่ห่างกับเธอตั้งหลายเมตร ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่เธอแผ่ซ่านออกมาเลย
แต่ว่า เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
ตอนนี้เธอยังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองตกหลุมรักเปปเปอร์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้ว เพราะฉะนั้นเขายังมีโอกาสอยู่
เขาจะต้องรีบฉวยโอกาสตอนที่เธอยังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเปปเปอร์ มาเป็นแฟนกับเธอก่อนให้ได้
ไม่งั้น ทุกอย่างก็จะสายไปซะแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้ ทามทอยก็สูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง แล้วก็ข่มความคิดชั่วร้ายในใจลงไป ยิ้มแล้วก็เดินไปหา และถามขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจขึ้นว่า “มายมิ้นท์ กำลังดูอะไรอยู่เหรอ?”
พอมายมิ้นท์ได้ยินเสียงเขา ก็กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย “ไม่มีอะไรค่ะ”
ทามทอยแสร้งทำเป็นมองตามสายตาของเธอไป “เอ๊ะ นั่นมันพี่ลีน่าไม่ใช่เหรอ?”
“พี่ลีน่า?”
“ใช่ คนที่คุยกับเปปเปอร์อยู่ไง” ทามทอยพยักหน้าและตอบกลับไป
มายมิ้นท์หรี่ตาลงต่ำ “คุณว่าพี่ลีน่าคนนี้กับเปปเปอร์……”
เหมือนกับจะรู้สึกตัวขึ้นมาว่าอากัปกิริยาของตัวเองไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เธอจึงรีบส่ายหน้าและสะบัดมือขึ้นมา “ไม่ใช่ ความหมายของฉันคือ ฉันเหมือนกับว่าจะไม่เคยเห็นเธอในแวดวงนี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อนด้วย แต่เธอสามารถคบหากับเปปเปอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้ คงจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดาแน่เลยใช่ไหม?”
ทามทอยรู้ดีว่าจริง ๆ แล้วมายมิ้นท์อยากจะถามเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของพี่ลีน่ากับเปปเปอร์
แต่ในเมื่อเธอไม่ยอมพูดให้ชัดเจน งั้นเขาก็จะแกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ว่าตระกูลของพี่ลีน่าเป็นแค่ตระกูลชนชั้นสามเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้อยู่ในเมืองเดอะซีด้วย ดังนั้นที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าความสัมพันธ์ของตระกูลของเธอกับตระกูลนวบดินทร์นั้นก็ถือได้ว่าไม่เลว และพี่ลีน่ากับเปปเปอร์ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก” หางตาของทามทอยเหล่มองมายมิ้นท์ไปด้วยและพูดขึ้นมา
“ความสัมพันธ์ไม่เลว……” พอได้ยินคำพูดพวกนี้ ใจของมายมิ้นท์ก็ยิ่งอัดอั้นมากขึ้น
เธอจ้องมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไป มุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ฝืนยิ้มออกมาเสี้ยวหนึ่ง “พอมองออกได้ ท่าทีที่เขามีต่อพี่ลีน่าคนนี้ ไม่เหมือนกับผู้หญิงอื่นเลย เขามีความอดทนในการฟังเธอพูด แถมยังยิ้มให้กับเธอด้วย ดังนั้นสามารถมองออกได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาแน่นอน”
ทามทอยเห็นเธอพยายามฝืนทำหน้ายิ้มแย้ม ก็รู้แล้วว่าเธอต้องคิดมากเรื่องความสัมพันธ์ของเปปเปอร์กับพี่ลีน่าไปแล้ว ในใจก็เกิดความรู้สึกผิดกะพริบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
แต่ไม่นาน ความรู้สึกผิดเสี้ยวนั้นก็หายวับไปแล้ว
เขาแหงนหน้าขึ้นมาจิบไวน์แดงไปคำหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าที่ตัวเองตั้งใจไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ของเปปเปอร์กับพี่ลีน่าให้ชัดเจนนั้นมีอะไรผิดเลย
คนเราต่างก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ตัวเขาเองก็ใช่
เพื่อที่จะให้ได้คนที่ใจรักมาครอบครอง ก็ต้องใช้เล่ห์กลกันบ้าง นี่มันเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดามากไม่ใช่เหรอ
“เอาล่ะมายมิ้นท์ งานเต้นรำจะเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แล้ว ผมยังไม่มีคู่เต้นเลย ดังนั้นผมจะสามารถเชื้อเชิญคุณมาเป็นคู่เต้นของผม มาเต้นรำกับผมสักเพลงได้หรือเปล่า?” ทามทอยจ้องมองไปที่มายมิ้นท์ แล้วเอ่ยเชื้อเชิญขึ้นอย่างจริงใจ
ปฏิกิริยาแรกของมายมิ้นท์คือปฏิเสธ
แต่ว่าเธอยังไม่ทันได้พูดคำพูดปฏิเสธออกมา ก็มองเห็นเปปเปอร์ที่อยู่ไกล ๆกับพี่ลีน่าคนนั้น กำลังสวมกอดกันอยู่
ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลงทีหนึ่ง ไฟโกรธในใจก็พุ่งทะยานขึ้นมา ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ยิ่งกำเข้าหากันแน่นมากขึ้น
“ได้!” เธอพยักหน้า ตอบตกลงกับทามทอยไป
ทำไมทามทอยจะไม่รู้ ว่าเธอได้รับผลกระทบจากเปปเปอร์กับพี่ลีน่า ถึงได้ยอมมาตอบตกลงเป็นคู่เต้นของเขา
แต่จะทำไมล่ะ?
อย่างน้อย เรื่องที่เธอเป็นคู่เต้นของเขา ก็เป็นเรื่องจริงที่สุด
ทามทอยยิ้มแล้วก็ทำท่าเชื้อเชิญไปเต้นรำอย่างสง่างามที่หนึ่ง “ถ้างั้น คุณผู้หญิงคนสวย เชิญครับ”
มายมิ้นท์จ้องมองคนทั้งสองที่ยังไม่แยกออกจากกันทีหนึ่ง แววตาก็หม่นหมองลง จากนั้นก็ถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็จับชายกระโปรงขึ้นมาทั้งข้าง ทำท่าตอบรับการเชื้อเชิญไปเต้นรำขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็เอามือวางลงไปบนมือทามทอย
ทามทอยจ้องมองมือของเธอ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเจิดจ้า จากนั้นก็รวบฝ่ามือเข้ามา จับมือของเธอไว้เบา ๆ แล้วก็พาเธอเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำที่ว่างอยู่ตรงหน้า
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินไป ทางเปปเปอร์ก็เบือนหน้ามา แล้วก็มองเห็นแผ่นหลังที่จูงมือไปด้วยกันของทั้งสองคน แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
มายมิ้นท์กับทามทอย……
มือของพวกเขาจับอยู่ด้วยกัน แล้วเดินไปทางฟลอร์เต้นรำ นี่พวกเขาจะไปเต้นรำกันเหรอ?
พอรู้สึกถึงจุดนี้ เปปเปอร์ก็กำแก้วเหล้าที่อยู่ในมือแน่นขึ้นมาทันที
แล้วก็เป็นเพราะว่าใช้แรงมากเกินไป มือจึงสั่นเทาขึ้นมาเบา ๆ จึงทำให้ไวน์แดงที่อยู่ในแก้วกระฉอกออกมาเลย
แล้วความกดอากาศต่ำที่แผ่ซ่านออกมาจากรอบตัวเขา ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น
พอพี่ลีน่ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป แล้วก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “น้องชาย นี่นายเป็นอะไรไป?”
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ว่าใช้สายตามืดมนจดจ้องไปที่ทั้งสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงฟลอร์เต้นรำ กำลังรอให้เสียงเพลงดังขึ้นมา
พี่ลีน่ามองตามสายตาของเขาไป ก็เห็นทั้งสองคนที่ยืนตั้งท่าเต้นรำรออยู่แล้ว ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที แล้วก็เม้มปากยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง “นั่งคือเด็กผู้หญิงคนที่นายชอบเหรอ?”
เปปเปอร์เม้มเรียวปากบางเล็กน้อย อย่างไม่แสดงออกอะไร
พี่ลีน่าโยกแก้วไปเหล้าเล็กน้อย “นายนี่ก็นะ จริง ๆ เลย ถ้ารู้แต่แรกว่าตอนนี้จะมาตกหลุมรักเข้า แล้วทำไมตอนนั้นต้องไปหย่ากับคนเขาด้วยล่ะ?”
“พี่ พี่ไม่เข้าใจหรอก” เปปเปอร์หรี่ตาลง แล้วก็ตอบกลับไปเสียงเรียบ
พี่ลีน่ายักไหล่เล็กน้อย “ได้ ฉันไม่เข้าใจ แต่ว่าตอนนี้เด็กผู้หญิงที่นายชอบ จะไปเต้นรำกับทามทอยแล้ว นายจะมัวแต่ยืนดูอยู่เฉย ๆ แบบนี้เหรอ?”
ในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แน่นอนว่าเธอต้องยืนอยู่ข้างเปปเปอร์อยู่แล้ว
ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิงที่เปปเปอร์ชอบ เธอก็อยากให้เปปเปอร์ทำอะไรขึ้นมาสักหน่อย เพื่อไปแย่งตัวเขามาซิ
เปปเปอร์เม้มปากขึ้นมาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร
พอผ่านไปไม่กี่วินาที อยู่ ๆ เขาก็ดื่มเหล้าเข้าไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เอาแก้วเหล้าวางลงบนถาดของบริกรที่เดินผ่านมา แล้วมองไปที่พี่ลีน่าแล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “พี่ ไปเต้นรำกับผมสักเพลงซิ”
“เต้นรำเหรอ?” พี่ลีน่าจ้องมองดูแขนซ้ายที่คล้องผ้าพยุงอยู่ของเขา แล้วยักคิ้วเล็กน้อย “น้องชาย ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจนายนะ แต่ว่าแขนข้างนี้ของนายมัน……”
“ได้ ไปกันเถอะ” เปปเปอร์ยื่นมือขวามาให้เธอ
พี่ลีน่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็ได้ ในเมื่อนายเชื้อเชิญด้วยความจริงใจขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะไปเต้นรำกับนายสักเพลงก็ได้”
พูดจบ เธอก็วางแก้วเหล้าลง แล้วก็เอามือไปวางลงบนมือของเขา
เปปเปอร์จับนิ้วมือไม่กี่นิ้วของเธอไว้ แล้วก็จูงเธอเดินไปทางฟลอร์เต้นรำ
ฟลอร์เต้นรำในตอนนี้ ได้มีคู่เต้นรำชายหญิงที่จะเต้นรำทยอยเดินมากันหลายคู่แล้ว และก็ได้ยืนนิ่งตามตำแหน่งต่าง ๆ แล้วก็ตั้งท่ารอไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่เสียงดนตรีดังขึ้นมาเท่านั้น
ตำแหน่งของมายมิ้นท์กับทามทอยนั้นอยู่ด้านในสุด
เธอจ้องมองไปที่ชายหญิงที่จะเต้นรำ แล้วในใจก็รู้เสียใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองบุ่มบ่ามไปชั่วขณะ แล้วรับปากจะมาเต้นรำกับทามทอยไป
แต่ว่าตอนนี้ถึงจะเสียใจมันก็ไม่ทันแล้ว ในเมื่อรับปากไปแล้ว จะมาเปลี่ยนใจได้ยังไง
ถ้าเกิดเธอเปลี่ยนใจไปละก็ เขาก็จะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะนะซิ และเธอก็จะทำผิดต่อเขาด้วย
ดังนั้น เธอจึงทำได้แค่ต้องพยายามฝืนเต้นกับเขาให้จบ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดไปนั้น ด้านข้าง ๆ ก็มีคนมา และตามมาด้วยกลิ่นมิ้นต์หอมสดชื่นกลิ่นหนึ่ง
กลิ่นนั้น ทำให้ประสาทสัมผัสของมายมิ้นท์เกิดความแปลกใจขึ้นมาทันที แล้วก็หันหน้าไปมอง
ก็เห็นเปปเปอร์กับพี่ลีน่าคนนั้นก็เดินมาเต้นรำด้วยเหมือนกัน และจุดที่มายืน ก็เป็นด้านข้างของเธอกับทามทอยพอดี
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากเล็กน้อย ในใจรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ทำไมนะ?
พวกเขาจะเต้นรำก็เต้นไปซิ ทำไมต้องมายืนอยู่ใกล้เธอมากขนาดนี้ด้วย?