“นั่นเป็นเพียงเรื่องปกติ ! ”

บุรุษชุดดำเอ่ย

” เนื่องจากคนผู้นี้สามารถช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้ ข้าก็เช่นกัน … ข้าจักผลีผลามได้อย่างไรหากคนผู้นี้สำคัญกับเราเช่นนี้ ?  เจ้าต้องเตือนข้าถึงเรื่องเล็กน้อยหรือ … ? “

” ท่านเอ่ยมีเหตุผลพี่ใหญ่ ”

กระเรียนและหมีใหญ่พยักหน้า  พวกเขาอับอายในทันที  ก่อนหน้านี้พวกเขาโอ้อวดไว้มากมาย แต่เส้นตายหนึ่งเดือนที่พวกเขาจักต้องสำเร็จงานได้ผ่านไปแล้ว  และความจริงนี้ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ

 

ข้าควรเอ่ยอันใดเมื่อข้าต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

 

งานที่สกัดมิให้ มณฑลฉือฮั่น ขึ้นเหนือไปนั้นสำเร็จลงอย่างดี  ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ นครพายุหิมะสีเงิน ก็โดนบังคับให้ลงใต้มาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้

 

แต่กระนั้น ยังมีอีกหนึ่งงาน คือหักขาของ ลี่เติ้งหยวน และ งานนี้ยังมิสำเร็จลุล่วง  ในความจริง แม้การเผชิญหน้ากับ ลี่เติ้งหยวน ก็ยังมิได้เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายนี้  สิ่งนี้ทำให้ทุกคนสับสน และเปลวไฟก็ได้ลุกโชยขึ้นภายในร่างของ กระเรียน และ หมีใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่หยุดที่จักหักขาของเขาหากพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเขา  ในความจริง พวกเขาอาจจะจบชีวิตเขาไปเสีย

 

ลี่เติ้งหยวนจักไม่เพียงสิ้นชีวิตเท่านั้นหากเรื่องนี้เกิดขึ้น … เขาจักตายด้วยความทุกข์ทรมาณ … หลังจากได้รับความเจ็บปวดอย่างมิอาจอธิบาย

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาเกรงกลัว ลีจื้อเทียน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าคิดสังหารเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้น เนื่องจากเรื่องนี้จักสร้างปัญหาที่มิอาจสะสางได้  แต่แล้ว ลีจื้อเทียนเจตนาสังหารน้องสี่ของพวกเขา  และเรื่องนี้ได้ทำลายช่องว่าสำหรับการประนีประนอมของทั้งสองง่ายลง ดังนั้น สองราชัญอสูรเชวียนจึงมีโสะอย่างรุนแรงในตอนนี้ แล้ว พวกเขาจักปล่อย ลี่เติ้งหยวนไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร ?

 

ในความจริง พวกเขากระตือรือล้นที่จักเผชิญหน้ากับ ลีจื้อเทียน อีกครั้ง  และพวกเขามองหาโอกาสเพื่อทำลายเจ้าเฒ่าสามานย์ผู้นั้น …

 

สามผู้มองหน้ากัน และคิดได้ว่าไม่มีเรื่องอันใดจักสนทนากันแล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าถึงเวลาที่จักกระจายตัว และเริ่มเตรียมตัว

 

จากนั้น เสียงร้องดังออกไปไกล  หมีใหญ่ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น

” นั่นกลุ่มเสือดำ !  ดูเหมือนพวกเขาจักมีปัญหาอีกแล้ว … เจ้าพวกนี้ไม่ปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบ ! ”

 

” กลุ่มเสือดำ ! ”

อีกสองบุรุษขมวดคิ้วและมองออกไป

 

สองร่างที่บึกบึนกำลังตรงมาที่พวกเขา  สองร่างนั้นขาวดั่งหิมะ  แต่ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง พวกเขาเป็น อสูรเสือดำหิมะตาทองขัดแปดสูงสุด  พวกเขานั้นรวดเร็วยยิ่งและกำลังมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่แทบจะในทันที

 

” เรื่องอันใดกัน ? “

หมีใหญ่รู้สึกอับอาย  เขาต้องรับผิดชอบดูแลเสือดำเนื่องจากการตายของราชาพวกเขา  และเขาได้เห็นพวกเขาทั้งสองวิ่งเข้ามาอย่างไร้ระเบียบ  เช่นนั้นเขาจึงอดที่จักรู้สึกโกรธไม่ได้

 

สอง อสูรเสือดำหิมะตาทองสะอื้นเล็กน้อย  พวกเขาหมอบลงกับพื้นและยังคงนิ่งอยู่เล็กน้อย  จากนั้นผู้นึ่งยกหัวขึ้นและใช้ปากคาบคอสิ่งมีชีวิตสีขาวตัวน้อยไว้ที่คอออกมาจากหลัง  เขาวางเจ้าตัวเล็กนอนลงบนพื้น  อย่าไงรก็ตาม เจ้าเสือดำยังไม่สามารถควบความอาการสั่นของร่างกายได้

 

สองเสือดำก้มตัวลงต่ำ และก้มหัวลงขณะที่พวกมมันครางเล็กน้อย  จากนั้น พวกเขารีบถอยไปและหายเข้าไปในป่า

 

” นี่เป็นเพียงลูก เสือดาวปีกเหล็ก … ดูเหมือนมันมีอายุเพียงเดือนกว่าๆ  มันช่างน่ารักเสียนี่กระไร …”

บุรุษชุดดำเอ่ยวาจาเหล่านั้นอ่างเรียบง่ายในขณะที่ร่างของเขาเริ่มสั่นด้วยการตกตะลึง  จากนั้น ร่างของเขาเริ่มแข็ง

 

กระเรียน และ หมีใหญ่ ยังคงหยุดนิ่งในเวลาเดียวกัน  ในความจริง ดวงตาของพวกเขาเกือบหลุดออกมาขณะที่เพ่งมองไปยังสิ่งที่วางอยู่บนพื้น  รากวับมองไปยังสมบัติที่หายาก …

 

สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวเล็กๆสีขาว …

 

เจ้าขาวได้ยินการระดมพลของราชัญเทียรฟา และพุ่งตรงเข้ามาในป่า  นี่เป็นธรรมชาติที่หลบซ่อนอยู่และมีมาแต่กำเนิดของเขา  เช่นนั้น เขาจึงมิอาจฝืนมันได้

 

เขาเพียงต้องการแสดงความเคารพกับราชัญเทียนฟา และจากนั้นเขาก็จักกลับไป  แต่ เขาได้เข้าไปรวมกับกลุ่มเสือดำ และ พวกเขาสังเกตได้ว่าบางอย่างผิดปกติ  เช่นนั้น พวกเขาจึงนำตัวเขามาที่นี่  จากนั้น เขาจึงได้เห็นสามราชัญเชีวยนด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด และสัญชาตญาณของอสูรเชวียนระดับต่ำของเขาจึงเข้ามา  ดังนั้น เจ้าตัวเล็กที่น่ารักนี้จึงขดตัวและเริ่มสั่น …

 

” พี่ใหญ่ !  พี่ใหญ่ !  นี่เป็นเพียงเด็ก !  และเขาเป็นเพียง เสือดาวปีกเหล็กที่ยังไม่หย่านม !  ระดับแปด !  แม่เจ้า ระดับแปด !  เป็นไปได้อย่างไร ?!  ข้าต้องฝันไป แม่เจ้า !  ที่สาม รีบตบข้าที !  ข้าต้องฝันไป !  นี่ไม่น่าเชื่อได้ !  น้าชายข้า … !  นี่เรื่องจริง … ! ”

หมีใหญ่ตะโกน และสับสน ในความจริง เขามิได้สนใจถึงการวาตัวเลยในขณะที่ทำเช่นนี้ …

 

ใบหน้าของ กระเรียนมืดมน

 

ทุกคนเงียบกริบ

 

ความจริง มันเงียบดั่งป่าช้า

 

ดวงตาหกคู่ของราชัญอสูรเชวียนเบิกกว้าง  ดวงตาที่เหมือนหลอดไฟของกระเรียนกระพริบราวดวงไฟ  ดวงตาของหมีใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ความจริง ดูเหมือนว่ามันจักหลุดออกจากเบ้า  ดวงตาของบุรุษชุดดำ ยังคงอยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำ แต่ ดวงตาของเขาเริ่มเปล่งประกาย และแพรวพราว  ยิ่งไปกว่านั้น วาจอของหมีใหญ่นั้นน่าสังเวช และราชัญเทียนฟายังคงมีโทสะจากเรื่องก่อนหน้านี้  แต่ เขาก็ยังมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาในตอนนี้ ….

 

.น่าตกตะลึงยิ่งนัก !  มันไม่อยาจเชื่อได้ !

 

ราชัญอสูรเชวียนโค้งตัวลง  จากนั้นเขา คว้าตัวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอย่างว่องไว และมือเขาไว้ในอุ้งมือ … ราวกับสมบัติล้ำค่าที่ต้องทะนุถนอม …

 

เจ้าขาวน้อยหวาดกลัว  ดังนั้นเขาจึงกรอกตาขณะร้องครวญด้วยความหวาดกลัว  เขาสัมผัสได้ถึงความเมตตาของฝ่ายตรงข้าม แต่ยังไม่กล้าขยับตัว

 

ราชัญเถียรฟาประคองร่างอันบออบางของเจ้าขาวน้อยไว้ในอุ้งมือ  จากนั้นเขาหายใจออกหลังเวลาผานไปนานและเอ่ย

” เจ้าตัวน้อยนี้ อยู่ในระดับแปดจริงๆ !  เขามีระดับสง.อย่างน่าประหลาดใจ !  ระดับแปดอย่างแท้จริง …  !  นี่คือเรื่องอัศจรรย…! อัศจรรย์อย่างแท้จริง …. ! ”

 

สามราชัญอสูรเชวียนสามารถบอกได้ระดับขั้น และความแข็งแกร่งของอสูรเชวียนที่พวกเขาเพิ่งพบเจอได้อย่างง่ายดายตราบใดที่พวกเขายังมีสติ  นี่เป็นประโยชน์จากระดับที่สูงส่งของพวกเขา  อย่างไรก็ตาม ตัวของราชัญเถียรฟาได้ตรวจสอบเจ้าอสูรเชวียนตัวน้อยนี้ด้วยตัวเขาเอง …

 

บาทีอาจเป็นความประหลาดใจที่ทำให้ ราชัญเทียรฟาเอ่ยแปลกประหลาดไปเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม วาจาของเขาได้เปลี่ยนความมั่นใจในตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจที่ผ่านมา  แต่ วาจาของเขาก็ยังคงไม่ต่อเนื่องไปอีกสักพัก

 

อย่างไรก็ตาม สองราชัญอสูรเชวียน กระเรียน และหมีใหญ่ยังไม่คิดว่าวาจาเหล่านั้นแปลกประหลาด  ในทางตรงกันข้าม พวกเขาค่อนข้างสง่างามและสำรวจเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้อยู่ห่างๆ  จากนั้น ปากของพวกเขาเบิกกว้าง และเริ่มพูดไม่ออก …

 

พวกเขายังคงรู้สึกถึงความตกตะลึงในหัวใจ  พวกเขาไม่ตกตะลึงมากมายเช่นนี้หากเป็นสถานการณ์ปกติ เนื่องจากพวกเขาประมารถประเมินความสามารถของสิ่งมีชีวิตนี้มาเป็นวเลานนานแล้ว  ยิงกว่านั้น ร่องรอยแห่งการตกตะลึงยังไม่หายออกไปจากจิตวิญญาณของพวกเขาเนื่องจากเรื่องนี้เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ความตกตะลึงยังคงตรึงอยู่ในใจพวกเขา…

 

และเหตุของความตกตะลึงของพวกเขานั้นไม่ไร้เหตุผลแต่อย่างใด  ความจริงนี้ล้ำลึก และน่าตกตะลึงยิ่งนัก …

 

” เสือดาวปีกเหล็กโดยทั่วไปมีชีวิตอยู่ราวสองร้อยปี  พวกเขาเริ่มการพัฒนาในอาบุสิบปี และเริ่มก้าวหน้าไปเจ็ดขั้นพื้นฐาน และต้องใช่เวลาราวเจ็ดสิบปีเพื่อพัฒนาไปถึงขั้นเชวียนเจ็ดสูงสุด  และ ผู้หนึ่งอาจจะพัฒนาไปได้เกินระดับเชวียนเจ็ดได้หากเขาสามารถไปถึงขั้นสูงสุดได้ภายในเวลาเจ็ดสิบปีนั้น  จากนั้น พวกเขาจักพัฒนาไปถึงขั้นเชวียนแปด  แต่นั้นคือขีดจำกัดของพวกเขา  พวกเขาจำต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้นอย่างไร้ทางเลือก ! ”

บุรุษชุดดำเอ่ยวาจาประหลาดเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ  อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของเขานั้นชัดเจนและมีวี่แววแห่งความหม่นหมองเช่นกัน …

 

เรื่องนี้นั้นไม่มีค่ามากนักในช่วงเวลาปกติ ลืมสามราชัญอสูรเชวียนไปเสีย แม้แต่อสูรเชวียนทั่วไปก็พบว่ามันเป็นความรู้สามัญ  อย่างไรก็ตาม ความรู้สามัญเหล่านี้ถูกหักล้างลงไปอย่างสิ้นเชิง …

 

” แต่กระนั้นมีลูก เสือดาวปีกเหล็กขั้นแปดอยู่ตรงหน้าพวกเรา …!  เพียงแค่เด็กเท่านั้น ! ”

บุรุษชุดดำเอ่ยด้วยความร้อนรนและจากนั้นสั่นเล็กน้อย ชุดคลุมของเขากระพือและสะบัด  ดูเหมือนว่าเขาปลดปล่อยอารมณ์ออกมาทั้งหมดในเวลานั้น

” น้องสี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเรากำลังฝัน ? “

 

” สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “

บุรุษชุดดำตัวสั่น

” จากสิ่งที่เราอนุมานได้ … ลูกเสือดาวปีกเหล็กนี้ เกิดมาเพียงไม่กี่เดือน และมันยังไม่ได้หย่านม  แต่เขายังคงพัฒนาไปได้ภายในสถานการณ์เหล่านั้นได้ … และไม่เพียงเท่านั้น เขายังก้าวหน้าไปได้สูงส่งเช่นนี้ !  นี่ไม่น่าเชื่อได้ !  ล้ำลึกยิ่งนัก !  ข้าคงสังหารทุกคนที่บอกว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ข้าคงไม่เชื่อสักคำ  แต่ตอนนี้ …. ข้าได้เห็นว่าสิ่งนี้เป็นจริงต่อหน้าพวกเรา !  มีผู้ใดบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร ? “

 

ราชัญอสูรเชวียนพยักหน้าอีกครั้ง  ความจริง เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อผงกหัว  จากนั้น เขาหมุนตัวไปรอบๆสองครั้ง และมองไปยังสิ่งมีชีวิตสีขาวตัวน้อยนั้นอีกครั้ง  จากนั้น เขายังไม่ละสายตา…

 

ความจริงนี้ยากเกินเข้าใจ  มันแปลกประหลาดยิ่งนัก แปลกประหลาดจนบุรุษชุดคลุมมิอาจเข้าใจมันได้ …

 

กระเรียน และหมีหมี ยืนประหลาดใจอยู่ด้านข้างในราชัญอสูรเชวียน  สมองของเขาเริ่มชา และน้ำลายเริ่มหยดออกมาจากมุมปากของเขาโดยไม่รู้ตัว  จากนั้น ร่างอันสูงส่งของหมีใหญ่เริ่มส่ายไปมาเป็นเวลางานนาน และร่วงลงบนพื้น จากนั้นเขาเริ่มหอน  เขาวรวบขนบนหัว และโขกพื้นก่อนตะโกนลั่น

” พระเจ้า !  โลกนี้บ้าไปแล้วจริงๆ ! ”

 

” เป็นไปได้หรือ ? “

กระเรียนคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ และตีริมฝีปากตัวเอง

” พี่ใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ที่ราชัญเสือดำได้ไปข่มขืนเสือดาวปีกเหล็กขั้นเจ็ด ? “

เขาเอ่ยวาจานั้น.. แต่จากนั้นเขาหยุดลงทั้นที และตบปากตัวเอง …

 

อีกสองผู้ … รวมถึงหมีใหญ่มองเขาราวกับเขาเป็นคงโง่ …

 

” เจ้าโง่ !  เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ?  เจ้ากระทำราวกับมีขยะอยู่ในหัว !  เจ้าคิดว่าข้าประหลาดใจกับระดับของมันเพียงผู้เดียว ?  ความจริงอันน่าประหลาดใจของเจ้าตัวเล็กนี้มิได้จำกัดเพียงความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น …. ! “

 

จากนั้นราชัญอสูรเชวียนหยุดชั่วขณะและเอ่ย

” ข้าได้ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง  พันธุกรรมของเจ้าตัวน้อยนี้มีเพียงแค่ของเสือดาวปีกเหล็ก … และไม่มีของอสูรเชวียนระดับสูงอื่นใด !  ดังนั้น ข้ามั่นใจว่าการพัฒนาของเจ้าตัวน้อยนี้เกิดขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ  หรือพูดอีกอย่าง … ใครบางคนใช้เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งและอัศจรรย์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเขา ! ”

 

” และนี้ยังไม่น่าแปลกใจนัก !  สิ่งที่ประหลาดใจนั้นคือ … ตัวตนของเจ้าตัวน้อยเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน !  เช่นนั้น มันใจได้ว่ามันจักพัฒนาไปถึงขั้นเก้าภายในระยะเวลาสามสิบปี … และระดับเก้าอาจมิใช่ขีดจำกัดของมัน ….”

 

บุรุษชุดดำพูดจบด้วยท่าทีจริงจัง  จากนั้น เขานึกถึงสิ่งที่กระเรียนและหมีใหญ่เอ่ยก่อนหน้านี้  และขาของเขาก็ลอยขึ้น  เขาเตะกระเรียนคอยาวก่อนเริ่มตำหนิเขา

“เจ้าเป็นราชัญกระเรียนผู้สูงส่ง ที่ไปข่มขืนอสูรเชวียนกระเรียนขั้นเจ็ดอย่างนั้นหรือ ?  วันทั้งวันหัวของเจ้ามัวแต่คิดอะไร ?  เจ้าสามารถคิดสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นมิได้หรือ ? “

 

น้ำเสียงของเขามีร่องรอยแห่งความลำบากใจ …