ซูจิ่นซีเชิดหน้าขึ้น พลางกระชับเสื้อคลุมบนร่างกายให้แน่น ท่าทางไม่เป็นรองเยี่ยโยวเหยาแม้แต่นอย
“คนขี้งก! โยวอ๋องคิดจะหาเรื่องพระชายาของท่านหรือ? ”
หลังสิ้นเสียงพูดของซูจิ่นซี แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันปรากฏความเย็นชา เขาเคลื่อนไหวร่างกายดั่งกระสวยทอผ้า พริบตาเดียวก็พุ่งมาอยู่เบื้องหน้าซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีไม่กล้าสบประมาทแม้แต่น้อย นางขมวดคิ้วและลอยตัวขึ้น เมื่อเยี่ยโยวเหยาเหาะมาอยู่เบื้องหน้านางด้วยความเร็วสูง นางก็หมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง พลางรวบรวมพลังฝ่ามือพุ่งเข้าใส่เยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาหมุนตัวด้วยท่วงท่างดงาม ก่อนจะยืนตัวตรง และรวบรวมพลังฝ่ามือทั้งสองข้าง ประกบเข้ากับพลังฝ่ามือของซูจิ่นซี
ทั้งสองผลักดันพลังภายในออกมาไม่หยุด ระหว่างที่ฝ่ามือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน มันค่อยๆ ผนึกรวมกันกลายเป็นพลังอันมหาศาล
พลังนั้นเป็นดั่งม่านที่ค่อยๆ โอบล้อมซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไว้ตรงกลาง
แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ พลังก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซูจิ่นซีไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางแสดงออกอย่างเรียบเฉย ดวงตางดงามเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งทะนง
ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสองก็ถอนฝ่ามือกลับพร้อมกัน พลังที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งคู่พลันระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับลูกโป่งน้ำ
ร่างของซูจิ่นซีถูกแรงผลักของพลังทำให้ถอยหลังไปสองก้าว ทว่าเยี่ยโยวเหยายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน
ซูจิ่นซียืนนิ่ง นางมองไปที่เยี่ยโยวเหยาพลางกระชากเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินไปข้างราวแขวนผ้า และสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินกอดหมอนออกไปด้านนอก
แววตาของเยี่ยโยวเหยาทวีความเย็นชาสุดขีด เมื่อซูจิ่นซีเดินมาถึงด้านข้าง เยี่ยโยวเหยาก็คว้าแขนของนางไว้และดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของตน
แววตาเย็นชาค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าซูจิ่นซี
“ดึกดื่นเพียงนี้ ชายาที่รัก เจ้าจะไปที่ใดหรือ? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “หม่อมฉันเอาชนะท่านไม่ได้ เช่นนั้น หม่อมฉันหลบเลี่ยงท่านได้หรือไม่? มีห้องหนังสืออยู่ด้านข้าง หม่อมฉันจะไปนอนที่นั่น”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว ใบหน้าเย็นชาของเขาไม่ปรากฏรอยยิ้มแม้แต่น้อย ดวงตาดำขลับลึกล้ำราวกับจะกลืนกินซูจิ่นซี
“ชายาที่รักจะทิ้งให้ข้านอนคนเดียวหรือ? ”
“ท่านชอบนอนอย่างไร ไม่เกี่ยวอันใดกับหม่อมฉัน! ” ซูจิ่นซีเบนหน้าไปมองทางอื่น
ทันใดนั้น ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาก็เปล่งประกายความเย็นชา
“ซูจิ่นซี เจ้ารู้หรือไม่ว่าพลังสยบมังกรในร่างของเจ้าเป็นพลังของเผ่าเม้ยที่สวรรค์ประทานให้ และมันเป็นปรปักษ์ต่อเชื้อพระวงศ์ต้าฉินเช่นข้า ตอนนี้เจ้าฝึกฝนได้เพียงสามส่วน หากวันใดที่เจ้าฝึกฝนได้มากกว่าห้าส่วน เจ้าคงสังหารพระสวามีที่รักของเจ้าไปแล้ว! ”
สังหารเขาได้!
ซูจิ่นซีตกตะลึง
ในร่างกายของเยี่ยโยวเหยามีพลังเทพจิ่วเซียวขั้นที่หก หรือว่าพลังสยบมังกรจะมีอานุภาพมากถึงเพียงนั้น?
เมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงใช้นิ้วเรียวยาวเชยคางของนางอย่างเชื่องช้า
“เมื่อครู่ข้าตกใจมาก ชายาที่รักจะทำให้ข้าหายจากอาการตกใจอย่างไร? ”
ทุบหัวเจ้าสิ!
ซูจิ่นซีเพิ่งรู้ตัวว่าเยี่ยโยวเหยาคิดจะใช้โอกาสนี้รังแกนางอีกแล้ว ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
ทันใดนั้น นางก็ถลึงตาใส่โยวเหยา และขว้างหมอนในมือไปที่เขา
“อาการตกใจอันใด ท่านอ๋องอย่าแม้แต่จะคิด เมื่อครู่ไม่ใช่ท่านผู้เดียวที่ตกใจ! ”
ซูจิ่นซีพูดพลางหันหลังเดินออกไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินถึงประตู มือของนางยังไม่ทันได้เปิดประตูออกไป ร่างสีดำพลันวูบผ่าน เยี่ยโยวเหยามาปรากฏกายเบื้องหน้าซูจิ่นซีอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ และจับมือของนางไว้
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะทำให้ชายาที่รักหายตกใจแทนก็แล้วกัน! ”
หลังสิ้นเสียงพูด ซูจิ่นซียังไม่ทันได้โต้ตอบ เยี่ยโยวเหยาก็ใช้สองมือโอบไหล่ซูจิ่นซีและพลิกตัวนางให้หันกลับมา แผ่นหลังของนางแนบกับขอบประตู ทันใดนั้น ริมฝีปากเย็นชาก็ประทับลงมาอย่างเร่าร้อน
ซูจิ่นซีเบิกตาโพลงและขัดขืนอย่างสุดกำลัง เยี่ยโยวเหยากดมือทั้งสองของนางแน่น จนนางไม่สามารถขยับตัวได้
ซูจิ่นซีเตะเยี่ยโยวเหยาไม่ยั้ง แววตาเยี่ยโยวเหยาฉายความเจ้าเล่ห์ เขาใช้มือข้างเดียวจับมือทั้งสองข้างของซูจิ่นซีเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับขาของนางที่กำลังเตะเขา
เดิมคิดว่าเยี่ยโยวเหยาพยายามหยุดยั้งไม่ให้ซูจิ่นซีพยศ กลับคิดไม่ถึงว่า เยี่ยโยวเหยาจะใช้นิ้วเรียวยาวของตนลูบไล้ข้อเท้าของซูจิ่นซี
นิ้วมือเย็นเฉียบนั้นลูบไล้ผิวขาวเนียนละเอียดด้วยแรงที่ไม่เบาและไม่หนักเกินไป ทำให้ร่างกายของซูจิ่นซีสั่นเทาเล็กน้อย
ซูจิ่นซีอดทนอย่างอยากลำบาก ทั้งยังเดือดดาลมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้น นางก็กระโดดใช้ขาอีกข้างเตะเยี่ยโยวเหยา
อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้ เขากระโดดขึ้นไปพร้อมซูจิ่นซี และกอดนางกลางอากาศ ก่อนจะหมุนตัวกดให้นางอยู่ใต้ร่างเขา
ทั้งสองค่อยๆ ร่อนลงมาด้วยท่วงท่างดงาม เมื่อร่อนลงบนพื้น ไม่รู้ว่าเยี่ยโหยวเหยาทำอย่างไร หลังของซูจิ่นซีจึงแตะพื้นอย่างแผ่วเบาโดยไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย
ท่าทางเช่นนี้ มือและเท้าทั้งสองของซูจิ่นซีถูกเยี่ยโยวเหยากดทับไว้แน่น ไม่สามารถขยับหรือขัดขืนได้เลย
ร่างกายขัดขืนไม่ได้ แล้วความคิดเล่า?
ดวงตางดงามของซูจิ่นซีเบิกตากว้างจนแทบจะเป็นตาไก่ นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
เยี่ยโยวเหยาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นจึงจุมพิตและซุกไซ้ลำคอซูจิ่นซีอย่างดูดดื่ม
ด้วยแรงเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องทิ้งรอยไว้ ซูจิ่นซีตื่นตระหนก
“เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นสัตว์ร้ายหรือ? เบาแรงหน่อย ท่าน… ท่านจะให้ข้าไปพบปะผู้คนในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร? ”
น่าแปลกที่เยี่ยโยวเหยาหยุดชะงัก เขามองซูจิ่นซีด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คิ้วขมวดเข้าหากันแผ่วเบา
“ชายาที่รัก ข้าตกใจเสียจริง! ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก และเบิกตากว้างมองเขาโดยไม่พูดอันใด
เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซี พลางค่อยๆ ปล่อยมือทั้งสองข้างของนางให้เป็นอิสระ
เมื่อเห็นซูจิ่นซีไม่ขยับเขยื้อน คิ้วของเขาจึงขมวดเป็นปม “หืม? ”
ซูจิ่นซีชักสีหน้าใส่ นางเอื้อมมือไปกอดเยี่ยโยวเหยาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเบนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่สบตาเยี่ยโยวเหยา ทว่าภายใต้ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่น กลับกัดฟันกรอดดังกึกๆ
เอาแต่ข่มขู่อยู่ได้ น่าโมโหนัก
ไม่ว่าด้านสรีระหรือด้านวรยุทธ์ เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา นางก็ไม่มีข้อได้เปรียบอันใดเลย
ดังนั้น ขัดขืนไปนับพันครั้งก็ไร้ประโยชน์ ยังคงต้องปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาทำตามอำเภอใจต่อไป
เยี่ยโยวเหยาเห็นซูจิ่นซีเป็นเช่นนั้น จึงเผยรอยยิ้มมุมปากมากยิ่งขึ้น
เขาเอื้อมมือไปบีบคางซูจิ่นซี บังคับให้นางหันกลับมาสบตา ริมฝีปากเย็นชาจุมพิตหน้าผากของนาง จากนั้นจึงเคลื่อนที่ลงเบื้องล่างอย่างเชื่องช้าและดูดดื่ม
เหมือนเช่นก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีถูกเยี่ยโยวเหยาทำภารกิจในจุดเกิดเหตุอีกครั้ง