SD:บทที่ 94 ตามฉันมา
ในสนามหลังบ้านของตระกูลกู่ เป็นห้องโถงกว้างขวาง ซูฉิวไป่ สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายทันทีที่เดินออกมาจากทางเดิน
เขารู้สึกประหลาดใจกับความสามารถทางการเงินของตระกูลกู่ กู่เฉิงหยา ยังมาไม่ถึงที่นี่แต่มีผู้คนจำนวนมากอยู่ภายในห้องโถง จริงๆแล้วพวกเขามีเพียงแต่คนหนุ่มสาวเท่านั้น เพียงแค่การเหลือบมอง ซูฉิวไป่ ก็เห็นคนหลายสิบคนแต่งตัวเรียบร้อยและนั่งสนทนาคนเหล่านั้นเหลือบมองทางเข้าเป็นครั้งคราว
ทางตะวันออกของห้องโถงมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมกับเปียโน มีชาวต่างชาติหลายคนกำลังเล่นดนตรี บรรยากาศค่อนข้างสงบ
ได้อีกเสี้ยววินาทีต่อมา ซูฉิวไป่ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมที่นี่จึงมีคนหนุ่มสาวจำนวนมาก พวกเขาจะต้องเป็นตัวแทนที่ถูกส่งมาจากตระกูลต่างๆเพื่อไล่ตาม กู่เฉิงหยา เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของเธออีกต่อไป
ใครก็ตามที่สามารถรวมตัวกับ กู่เฉิงหยา ได้จะต้องส่งผลดีต่อครอบครัวของพวกเขาอย่างแน่นอน หรือจะพูดให้เต็มปากก็คือย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าเกิดขึ้นกับครอบครัวของพวกเขา
ดังนั้นสิ่งที่ดูเหมือนงานวันเกิดกลายเป็นงานนัดบอดแทน
ซูฉิวไป่ ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามเขามาที่นี่เนื่องจาก กู่เทียน ได้เชิญเขามาเป็นการส่วนตัว ซูฉิวไป่ เพิ่งขอความช่วยเหลือกับเขาก่อนหน้านี้เพียงไม่นานดังนั้นจึงไม่อาจปฏิเสธคำขอของ กู่เทียน ได้
ในที่สุด ซูฉิวไป่ ก็พบสถานที่สงบเงียบในมุมหนึ่ง มีคนยกกาแฟมาให้เขาทันทีที่เขานั่งลง เขารู้สึกตกใจอย่างกระทันหันแต่เนื่องจากเขาไม่มีอะไรทำดังนั้นจึงได้เพียงแต่นั่งจิบกาแฟและฟังเพลง
แม้ว่ากาแฟจะมีรสชาติที่แย่มากบวกกับเพลงที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ซูฉิวไป่ ก็ยังคงนั่งต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เขายังคงอยู่สบายดีทุกอย่างก็โอเค
อย่างไรก็ตามในขณะที่ ซูฉิวไป่ กำลังนั่งอยู่คนเดียวเพียงไม่กี่นาทีก็มีแต่ชายอ้วนท้วนคนหนึ่งออกมาจากที่ใดที่หนึ่งเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ และนั่งลงตรงกันข้ามกับเขา
“พี่ชาย คุณมาที่นี่เพื่อนัดบอดด้วยหรอ?”
ซูฉิวไป่ ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนพูดแบบนี้จริงๆเพราะเขารู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเห็นบรรยากาศของฉากนี้
ซูฉิวไป่ ส่ายหัวและตอบว่า
“ผมมาที่นี่เพื่องานปาร์ตี้เท่านั้น แล้วคุณล่ะ?”
ในขณะที่พูด ซูฉิวไป่ สังเกตชายหนุ่มคนนี้เขาน่ามีอายุประมาณ 18 ปี เมื่อเทียบกับใบหน้าของเขา แต่คำพูดของเขาราวกับเป็นผู้ใหญ่
“ผมก็ด้วย! ฮ่าฮ่า …ผมไม่คิดว่าจะเจอคนอื่นที่มางานปาร์ตี้แบบเดียวกับผม ผมชื่อ เฉาซือเหล่ย คุณชื่ออะไรครับ?”
“ซูฉิวไป่”
หลังจากการแนะนำตัวสั้นๆพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
เริ่มต้น ซูฉิวไป่ รู้สึกเบื่อที่จะต้องนั่งคนเดียวหลังจากที่มี เฉาซือเหล่ย มานั่งด้วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมีหลายสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน มันทำให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ผมไม่รู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ผมเพียงแค่อายุ 18! เขายืนยันให้ผมมาเข้าร่วมในงานปาร์ตี้ในวันนี้และบอกผมว่าบางทีกู่เฉิงหยาอาจจะตกหลุมรักผม…แม้ว่าเธอจะตกหลุมรักผมแต่ผมก็ไม่สามารถอยู่กับเธอได้ ผมมีคนที่ชอบและ..”
ในขณะที่พูดสิ่งนี้ชายอ้วนก็มีสีหน้าขัดแย้งกับท่าทีของเขา ในทางกลับกัน ซูฉิวไป่ ก็มีสีหน้าสับสน
“ลืมไปซะเถอะเรื่องนี้พูดไปก็ไม่มีความสุข คุณรู้หรือเปล่า?ผมได้ยินมาว่า แม้แต่ตระกูลฟางและตระกูลหยวนของเมืองเป่ยตูก็ส่งคนมางานปาร์ตี้นี้!”
ทันใดนั้นชายหนุ่มร่างอ้วนก็จ้องมองไปรอบๆพร้อมกับกระซิบเรื่องนี้
ซูฉิวไป่ ยกกาแฟของเขาขึ้นมาจิบเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยักหน้า
“ตระกูลฟางและตระกูลหยวนมันบ้าจริงๆ! คุณ..ลืมไปเลย ผมไม่คิดว่าคุณจะรู้..ดังนั้นคงไม่มีความหมายที่จะบอกคุณ แต่ว่าคุณรู้จักตระกูลเซี่ยวไหม เซี่ยวซวน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ผมได้ยินมาว่าเขาเคยชื่นชอบ กู่เฉิงหยา มาก่อน วันนี้จะต้องมีเรื่องที่น่าสนใจอย่างแน่นอน”
ชายอ้วนถูมือของเขาเข้าด้วยกันแสดงออกถึงความตื่นเต้น
“ทำไมมันถึงน่าสนใจ?”
ซูฉิวไป่ ไม่เข้าใจความหมายว่าวันนี้จะมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น หรือจะมีการต่อสู้?
“ แน่นอนว่ามันน่าสนใจมาก กู่เฉิงหยา เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถที่สุดในตงไห่ แล้ววันนี้จะเป็นธีมงานเลี้ยงวันเกิดแต่มันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความประทับใจให้กับตระกูลกู่ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงคว้าโอกาสและทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มันไม่น่าสนใจอย่างนั้นหรอ?”
ชายอ้วนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับ ซูฉิวไป่ เริ่มอธิบาย ซูฉิวไป่ ยิ้มในความคิดของเขาสิ่งนี้ไม่เรียกว่าการต่อสู้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในยุคสมัยโบราณดังนั้น ใครที่ กู่เฉิงหยา ชื่นชอบก็คือคนที่เธอจะแต่งงานด้วย ไม่จำเป็นจะต้องทุ่มเทขุมพลังทั้งหมดเพื่อการจับคู่ในครั้งนี้
“พี่ชายไม่ต้องกังวล แม้ว่าเราจะไม่มีโอกาสแต่เรื่องแบบนี้หาดูได้ยาก!”
เมื่อเห็นว่า ซูฉิวไป่ จิบกาแฟอย่างเงียบๆชายหนุ่มตบไหล่ของ ซูฉิวไป่ ทำให้เขาสำลักกาแฟทันที
เมื่อมองดูดวงตาที่ไร้เดียงสาของชายอ้วน ซูฉิวไป่ ได้แต่อ้าปากแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา
“ใช่แล้ว คุณคิดว่า กู่เฉิงหยา จะเชิญใครเต้นรำในคืนนี้”
มีเพียงผีเท่านั้นที่จะรู้สิ่งที่อยู่ในใจของชายหนุ่มคนนี้ในขณะที่เขาถาม ซูฉิวไป่
ซูฉิวไป่ กรอกตาไปมาและตอบอย่างราบรื่นว่า
“เธอสามารถเต้นรำกับใครก็ได้ที่เธอชอบตราบใดที่คนคนนั้นไม่ใช่ผม”
ซูฉิวไป่ ยิ้มสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงเขาไม่รู้ว่าการเต้นรำนั้นทำอย่างไร นอกจากนี้เขาได้ฟังชายหนุ่มคนนี้พูดมาเป็นเวลานานและเข้าใจสิ่งหนึ่ง
ใครก็ตามที่เต้นรำกับ กู่เฉิงหยา จะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ
“ ฮ่าฮ่า คุณกล้ามาก แต่ผมก็ชอบนะ! ไม่ต้องกังวลผมขอรับรองในชื่อของผมได้เลยว่าเธอจะไม่ชวนคุณอย่างแน่นอน ถ้าเธอเชิญคุณจริงๆมันจะดีกว่าถ้าเชิญผมเพราะสุดท้ายแล้วผมก็หล่อกว่าคุณเล็กน้อย”
ซูฉิวไป่ ไม่คาดหวังว่าชายอ้วนคนนี้จะหัวเราะในความซื่อสัตย์ของเขา
เขาแอบส่ายหัวและไม่เข้าใจความคิดของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ซูฉิวไป่ โบกมือให้กับบริกรในระยะไกลเพื่อเติมเครื่องดื่ม
ตามความจริงคนในห้องโถงก็มีความคิดคล้ายคลึงกันและมีการคาดเดาเช่นเดียวกันกับ เฉาซือเหล่ย
สุดท้ายแล้วชื่อของ กู่เฉิงหยา ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถที่สุดในตงไห่โดยเฉพาะตอนนี้เธอยังหายจากอาการเจ็บป่วยแล้วด้วย ทุกคนอยากรู้ว่าเธอจะเลือกคนประเภทไหน
เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนเริ่มเป็นกังวล
ในตอนแรก ซูฉิวไป่ กำลังรอให้งานเริ่มต้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเดินมาหา ซูฉิวไป่ และกระซิบบางอย่างกับเขา
หลังจากได้ฟัง ซูฉิวไป่ วิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่ลังเล
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นบอกว่า บรรพบุรุษที่เขาพามากำลังมีปัญหา…
อันที่จริงแล้ว ซูฉิวไป่ ไม่เข้าใจความหมายของเจ้าหน้าที่ เหตุผลที่เจ้าหน้าที่วิ่งไปหาซูฉิวไป่เพื่อบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับบรรพบุรุษ ดังนั้นเขาจึงพูดว่าคนเหล่านั้นกำลังมีปัญหา
ในขณะเดียวกัน ซูฉิวไป่ ไม่รู้ความหมายที่เจ้าหน้าที่พูดถึง
เขาเป็นห่วงว่าคนอื่นกำลังประสบปัญหากับการกระทำของบรรพบุรุษ
สำหรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับบรรพบุรุษนั้น…ฮ่าฮ่า เทพแห่งสงครามเหล่านั้นคงไม่ยอมให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเขา
ในขณะนี้นอกห้องของบรรพบุรุษกำลังมีชาย 2 คนกำลังจ้องมองกันและกัน
เมื่อเห็นจักพรรดิฉินและคนอื่นๆ กับ หยวนเป็งชิง ที่รู้สึกไม่พอใจกำลังเผชิญหน้ากับพวกเขา
อัตลักษณ์ของตระกูลหยวนในประเทศจีนคืออะไร?เชื่อกันว่าหลายคนรู้จักพวกเขา เพียงแค่ตอนนี้ กู่เทียน ได้ทักทายหยวนเป็งชิงอย่างสุภาพแต่เหล่าจักรพรรดิกลับไม่สนใจพวกเขา
หยวนเป็งชิง อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาอุตส่าห์เดินทางมาจากเป่ยตูแต่กลับถูกชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเมิน
กู่เทียน ได้จัดห้องสำหรับให้จักรพรรดิเหล่านั้นพัก แต่ห้องนั้นเล็กเกินไปหน่อย จากนั้นพวกเขามองผ่านหน้าต่างและพบบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ตอนนั้น กู่เทียน จึงจัดให้จักรพรรดิ์ไปอยู่ที่นั่นแทน
หากคนที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่มีสถานะสูงกว่าตระกูลหยวน หยวนเป็งชิง จะไม่ทำเรื่องนี้ให้ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในห้องใหญ่นั้นกลับเป็นเพียงผู้ชายที่ใส่เพียงชุดกีฬา นอกจากนี้ หยวนเป็งชิง ยังบอกให้คนเหล่านี้ย้ายห้องซะ ดังนั้นจึงทำให้จักรพรรดิตะโกนด่าพวกเขาอย่างรุนแรง
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ในความเป็นจริง หยวนเป็งชิง พยายามก่อเรื่องเพียงเพราะตระกูลกู่ไม่ได้ปฏิบัติต่อตระกูลหยวนอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้
เขามาที่นี่เพื่อไล่ตาม กู่เฉิงหยา ถ้าเขาได้เปรียบกว่าตระกูลอื่นๆในตอนแรกมันคงจะดีกว่าในภายหลัง
นอกจากนี้ หยวนเป็งชิง ไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจว่า กู่เทียน ให้คนเหล่านี้อยู่ในบ้านหลังใหญ่เพราะรู้สึกว่าคนเหล่านี้สำคัญกว่าตระกูลหยวน
หยวนเป็งชิง โกรธมาก เขารู้จักกับตระกูลที่อยู่ในประเทศจีนแล้วตระกูลที่มาจากเป่ยตู คือตระกูลฟางและตระกูลหยวนดังนั้นเขามั่นใจว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ในชุดกีฬาไม่ใช่คนสำคัญอย่างแน่นอน
ดังนั้น หยวนเป็งชิง จึงเริ่มต้นก่อเหตุความขัดแย้งนี้โดยเจตนา เขารู้ว่าตระกูลกู่ชื่นชอบเขาดังนั้นเขาจึงต้องการแสดงอำนาจของเขา!
หลังจากคิดว่าข่าวเรื่องการขัดแย้งน่าจะไปถึง กู่เทียน แล้ว หยวนเป็งชิง เตรียมพร้อมที่จะเริ่มการต่อสู้
ยังไงก็ตามก็มีเสียงดังมาจากระยะไกล
“เดี๋ยวก่อนครับ!มันเป็นความเข้าใจผิด!”
กลุ่มคนหันกลับไปมองและเห็น ซูฉิวไป่ กำลังวิ่งมา
ซูฉิวไป่ เผชิญหน้ากับ หยวนเป็งชิง และยื่นมือออกไปเพื่อขัดขวาง จักพรรดิฉินกับคนอื่นๆ
“ผมบอกพวกคุณแล้วไงว่าคนเหล่านี้เป็นแขก ใครกล้าสร้างความวุ่นวายอย่าโทษผมแล้วกัน!”
—————————- —————————