SD:บทที่ 95  ของฉันไม่มีค่าอะไรเลย

 

ทั้งหมดต่างตกอยู่ในความเงียบทันทีเมื่อ ซูฉิวไป่ พูดคำเหล่านี้ออกมา

จักพรรดิฉิน และคนอื่นๆต่างจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจในขณะที่ หยวนเป็งชิง ยืนอยู่ด้านหลังของเขามีสีหน้าอวดดีมากยิ่งขึ้น

ยี้..นี่ใครน่ะ?!

เขายืนต่อหน้าฉันและยังยื่นมือออกมา ได้คิดว่านี่เป็นเกมของนกอินทรีอย่างนั้นหรอ

ก่อนที่ หยวนเป็งชิง จะพูดอะไรออกมา ซูฉิวไป่ หันมามองคนที่อยู่ด้านหลังของเขา

“มีใครบาดเจ็บหรือเปล่าครับ?ผมขอโทษและจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้”

ซูฉิวไป่ เข้าใจสถานการณ์นะตั้งแต่ที่เขาวิ่งมาที่นี่ แต่เดิมเขารู้สึกเป็นกังวลมากที่พาบรรพบุรุษเหล่านี้บางงานวันเกิดของ กู่เฉิงหยา เพราะกลัวว่าพวกเขาจะสร้างปัญหา สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงแค่แขกดังนั้นจึงไม่ต้องการทำให้ตระกูลกู่ลำบากใจ

ดังนั้นตั้งแต่ออกมาจากห้องโถงจนมาถึงบ้านหลังนี้ ซูฉิวไป่ เริ่มเสียใจที่ออกห่างจากบรรพบุรุษในตอนแรก หากเขารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเขาจะอยู่กับจักรพรรดิเหล่านี้และป้องกันไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

“ใครต้องการให้นายจ่ายค่ารักษาพยาบาลกัน!นายเป็นใคร!”

หยวนเป็งชิง ตอบโต้ขึ้น รูปแบบของสุภาพบุรุษตามแบบฉบับของเขาได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาตะโกนขึ้น เขาโกรธมากและเห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะแสดงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าตระกูลกู่ แต่ชายหนุ่มรายนี้ปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนและดันวิ่งเข้ามาปกป้องพวกเขา!

ฉัน..ฉันไม่ได้ต้องการการปกป้องจากนาย!

ซูฉิวไป่ รู้สึกสับสน ฉันมาช่วยคุณด้วยความตั้งใจแต่คุณกลับตะโกนใส่ฉันอย่างนั้นหรอ!

เมื่อเห็นว่าเจงกิสข่านและคนอื่นๆพยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองซูฉิวไป่ค่อยๆลดมือลง

ฉันผิดพลาดตรงไหน!

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ซูฉิวไป่ มองไปรอบๆ ภายใต้สายตาของทุกคนเขาค่อยๆเดินไปหา จักพรรดิฉิน และยืนเผชิญหน้ากับเขา

พวกจักรพรรดิไม่สามารถอดกลั้นเสียงหัวเราะของพวกเขาได้อีกต่อไปดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คนที่อยู่ 2-3 คนด้านหลังของ หยวนเป็งชิง ยังรู้สึกขบขัน แต่เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงก่ำและการกัดฟันของนายน้อยของพวกเขาทำให้พวกเขารีบหุบปากทันที

สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างแปลก แต่เวลานั้น กู่เทียน ได้ยินข่าวและรีบมายังที่เกิดเหตุทันที ตอนแรกเขาคิดว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วระหว่างทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไม่ใช่อย่างนั้น!

ทำไมคนเหล่านี้กำลังหัวเราะจนแทบน้ำตาไหล

หยวนเป็งชิง รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ทันที

เมื่อเห็นว่า กู่เทียน มาถึงแล้วเขาเองก็ไม่สามารถเริ่มการต่อสู้ได้อีกต่อไป เขารู้สึกสับสนในความเป็นจริงเขาต้องการแสดงพลังของเขาแต่กลับถูกล้อเลียนจากทุกคน  หยวนเป็งชิง รู้สึกเสียใจที่ใช้คนเหล่านี้เพื่อเป็นฉากในการแสดงความสามารถของเขา

เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ที่นี่ จงใจที่จะล้อเล่นกับเขา

“นี่คือ..”

กู่เทียน รู้สึกสับสนเขาเดินไปด้านข้างและสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลายคนวิ่งตามเข้ามาจากด้านหลังดูเหมือนพวกเขาทั้งหมดจะเป็นแขกที่มาในงานปาร์ตี้นี้

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบแจ้งให้กับ กู่เทียน ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากฟังแล้ว กู่เทียน ก็หันไปมอง ซูฉิวไป่ ผู้ยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ กู่เทียน ยังรู้สึกสนุกกับเรื่องนี้เล็กน้อย

เขารู้สึกประหลาดใจจริงๆที่ตระกูลหยวนของเป่ยตู ได้ส่งตัวแทนมาร่วมงานในครั้งนี้มิตรภาพระหว่างเขากับตระกูลในเป่ยตูได้จางหายไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วคนเหล่านั้นก็แสดงความเห็นแก่ตัวดังนั้น กู่เทียน จึงไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมด้วย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาบอกว่า พวกเขามาที่นี่เพื่อฉลองงานวันเกิดให้กับ กู่เฉิงหยา ดังนั้นจึงไม่สามารถบังคับให้พวกเขาออกไปได้ นอกจากนี้ตัวแทนจากตระกูลทั้งหมดเป็นรุ่นเยาว์ดังนั้น กู่เทียน จึงเข้าใจถึงแรงจูงใจของคนเหล่านี้

ฮ่าฮ่า…ถ้าคุณต้องการแต่งงานกับ กู่เฉิงหยา ฉันจะดูว่าคุณมีความสามารถนั้นหรือไม่!

กู่เทียน เข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยไม่ลังเล สำหรับเขามันเป็นเพียงการเข้าใจผิดเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็นคนพูดออกมา หยวนเป็งชิงจึงไม่มีความคิดเห็นใดๆ แม้ว่าเขาจะมีแต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

ในขณะเดียวกัน ซูฉิวไป่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย อันที่จริงคนขับแท็กซี่ยังเขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ กู่เทียน และ หยวนเป็งชิง กลับไปในห้องโถง  ซูฉิวไป่ ก็ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจาก  เฉิงเหยาจิ้น

“ เวรเอ้ย! นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น! ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกคุณไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อยเห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามทำให้เกิดปัญหา”

ซูฉิวไป่ พึมพำเรื่องนี้เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย  บรรพบุรุษเหล่านั้นกรอกตาตัวเองไปมาในเวลาเดียวกัน

เจ้าเข้ามาปิดกั้นพวกเขาด้วยตัวเองแม้กระทั่งเตือนพวกเราไม่ให้ต่อสู้ แต่ตอนนี้คุเจ้าโทษพวกเราอย่างนั้นหรอ? จำสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้หรือไง…

งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงกลับไปที่สวนหลังบ้านกับบรรพบุรุษโดยไม่พูดอะไรอีกเลย หลังจากทั้ง 10 คนเดินเข้ามาในประตู เพียงเวลาชั่วครู่สถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาไม่ได้เลือกนั่งด้านหน้าและหาโต๊ะที่อยู่ตรงมุมนั่งแทนจะนั้นบริกรก็มาเสิร์ฟกาแฟทันที

จักรพรรดิเหล่านั้นดมกลิ่นของกาแฟเป็นเวลานานก่อนจะมองไปที่ ซูฉิวไป่ และถามเขาว่ามันรสชาติดีหรือไม่? คนขับรถแท็กซี่พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ในไม่ช้าจักรพรรดิเหล่านั้นก็พ่นกาแฟออกมา  ซูฉิวไป่ หัวเราะออกมาดังๆ

ใครบอกให้พวกคุณทำให้ฉันเป็นตัวตลกก่อนหน้านี้?ถึงเวลาที่พวกคุณจะต้องทุกข์ทรมานบ้างแล้ว!

“นี่มัน…นี่มันคืออะไร!”

“เจ้าเสียสติไปแล้วอย่างนั้นหรอถึงดื่มสิ่งนี้?”

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิบ่น ซูฉิวไป่ ค่อยๆนำถ้วยเข้ามาใกล้ปากและจิบเบาๆ

แม้ว่ารสชาติของกาแฟไม่ได้ดีนักแต่ ซูฉิวไป่ ยังคงแสร้งทำเป็นราวกับว่ากาแฟนั้นรสชาติดีเป็นอย่างมาก ทำให้เจงกิสข่าน รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและอยากจะเตะ ซูฉิวไป่

เมื่อเห็นฉากนี้แขกที่อยู่ใกล้เคียง เริ่มจ้องมองพวกเขาอย่างลับลับและพยายามย้ายโต๊ะที่ไกลออกไป

ในขณะเดียวกันชายหนุ่ม  เฉาซือเหล่ย ไม่รู้ว่าจะคุยกับใครหลังจากที่เดินไปรอบๆเขาก็พบกับ ซูฉิวไป่ ดังนั้นเขาจึงเดินมาหา ซูฉิวไป่ อย่างมีความสุข

เขาทักทายจักรพรรดิเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงธรรมชาติ จริงๆแล้วเขาค่อนข้างสงสัยว่าทำไม ซูฉิวไป่ จึงนำบรรดาลุงเหล่านี้มางานวันเกิดของ กู่เฉิงหยา  แล้วยังชุดกีฬาบาสเกตบอลอีก หรือพวกเขาจะเป็นตัวแทนจากทีมนักกีฬา?

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะมีโอกาสไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง แขกทั้งหมดก็ยืนขึ้นเมื่อ กู่เฉิงหยา เดินเข้ามาในห้องโถง

แสงที่ส่องลงมาทำให้ กู่เฉิงหยา งดงามเป็นอย่างมาก การเดินที่กระฉับกระเฉงของเธอได้เน้นร่างกายที่น่าทึ่งของเธอบวกกับชุดสีขาวที่เธอสวมใส่ทำให้เธอกลายเป็นจุดเด่นของงานนี้

แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังชื่นชมความงามที่ดึงดูดใจของ กู่เฉิงหยา

ซูฉิวไป่ เหลือบมองพวกเขาและรู้สึกโล่งใจพวกเขาคงไม่มีความคิดที่จะเล่นซน ไม่อย่างนั้นมันคงจะเหมือนกับละครทีวี ที่จักรพรรดิ์จะตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเมื่อเจอกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งเขาก็อยากที่จะ…. เป็นอย่างนั้นทุกอย่างคงจบไม่สวยนัก!

กู่เฉิงหยา ยิ้มอย่างร่าเริงและยืนอยู่ข้าง กู่เทียน

จากนั้นก็มีคนนำเค้กก้อนใหญ่มาวางไว้กลางห้องทุกคนต่างรวมตัวกันรอบๆ  กู่เทียน ดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากในขณะที่เขาถือไมโครโฟนขอบคุณแขกทุกคนที่มา ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มอวยพรวันเกิดให้กับหลานสาวของเขา ผู้ชมต่างยืนปรบมือด้วยความชื่นชม

ในขณะนั้นเอง หยวนเป็งชิง และฟางฮงไค่ ก็รีบเดินออกไปด้านหน้า

พวกเขาตระหนักดีถึงความสำคัญในช่วงเวลานี้คนที่ให้ของขวัญก่อนเป็นอันดับแรกจะทิ้งความประทับใจที่ดีต่อ  กู่เฉิงหยา

คืนนี้เป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิง กู่เฉิงหยา อย่างชัดเจน ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติควรที่จะถอนตัวจากการแข่งขันนี้โดยสมัครใจ ทุกคนประเมินความสามารถของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา

ในความเป็นจริงผู้ชมต่างมีความคิดคล้ายกัน ทุกคนต่างเป็นคู่แข่งกัน  ฟางฮงไค่ และ หยวนเป็งชิง ต่างจ้องมองกันและกันจากนั้นหยิบของขวัญขึ้นมาพร้อมกันอีกด้วย

ของขวัญของ หยวนเป็งชิง นั้นเป็นเพชรขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบนำเข้าจากแอฟริกาใต้

ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานและคำชื่นชมจากแขกโดยรอบ ดวงตาของ หยวนเป็งชิง เป็นประกายที่ความเย่อหยิ่ง

แม่ของเขาได้เตรียมเพชรเม็ดนี้เอาไว้เป็นการส่วนตัว หากเป็นการประมูลมันสามารถเป็นรายการที่ให้ราคาสูงที่สุดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันสามารถดึงดูดความสนใจของ กู่เฉิงหยา ได้ทุกอย่างยังคงคุ้มค่าต่อราคา

หลังจาก หยวนเป็งชิง ดึงเพชรออกมาแล้ว ฟางฮงไค่ ก็หยิบสร้อยคอออกมาเช่นกัน ถ้าใครคิดว่าเพชรนั้นหายากแล้วสร้อยคอนี้ก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน

ไม่ว่าจะดูอย่างไรทั้ง 2 อันก็เป็นคุณภาพดีที่สุด

ผู้หญิงส่วนใหญ่ในกลุ่มผู้ชมต่างตกตะลึงกับของขวัญทั้ง 2 ชิ้นดวงตาของพวกเธอเป็นประกายด้วยความยินดี

ผู้หญิงเหล่านั้นไม่สามารถต้านทานอัญมณีแบบนี้ได้ ยิ่งเป็นของที่ล้ำค่าเป็นพิเศษแบบนี้แล้วล่ะก็….

เฉาซือเหล่ย ยังคงยืนอยู่เบื้องหลังเวทีและตกตะลึงเช่นกัน ในที่สุดเขาก็สามารถปิดปากที่อ้ากว้างของเขาได้และหันไปหา ซูฉิวไป่ พร้อมกับกระซิบ

“พี่ชายคุณนำอะไรมา?ตอนนี้ผมรู้สึกอายเลยที่จะหยิบของขวัญออกมา”

ซูฉิวไป่ มองดูชายหนุ่มและโบกมืออย่างไม่เป็นทางการ

“ของผมไม่มีค่าอะไรเลย..”

————————————————————