SD:บทที่ 96 คุณกำลังทำอะไร
“ตระกูลที่มาจากเมืองเป่ยตู นั้นร่ำรวยจริงๆนี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถให้ของขวัญราคาแพงเช่นนี้ได้”
เฉาซือเหล่ย ขดริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจ
ซูฉิวไป่ ยังคงยืนอยู่เงียบๆ เขามาที่นี่เพื่อฉลองงานวันเกิดของ กู่เฉิงหยา สำหรับของขวัญนั้นเขาจะมอบให้เธอหลังจากจบงานปาร์ตี้
เสียงอุทานจากคนอื่นๆใต้เวทีทำให้ ฟางฮงไค่ รู้สึกพอใจ เขาเชื่อว่าตระกูลฟางของเขาเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ตาม
หยวนเป็งชิง รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย เขาคิดว่าเพชรของเขานั้นมีค่ามากพอ และไม่คาดคิดว่าตัวเองจะแพ้ให้กับ ฟางฮงไค่ หยวนเป็งชิง ไม่ได้สนใจตระกูลอื่นจากตงไห่ พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลใหญ่เป่ยตูได้
ดังนั้นเขาจึงวางแผนในใจเกี่ยวกับที่จะเรียกคืนชัยชนะของเขาจาก ฟางฮงไค่
ในความเป็นจริงก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองจะนำเสนอของขวัญของตัวเอง มีชายหนุ่มจำนวนมากต้องการที่จะมอบของขวัญตามแผนการของพวกเขา สุดท้ายแล้วการที่พวกเขามาอยู่ที่นี่เป็นเพราะภารกิจที่ตระกูลมอบให้ นอกจากนี้ กู่เฉิงหยา ยังงดงามมากใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับเธอจะได้รับผลประโยชน์มากมาย
อย่างไรก็ตามเกือบทุกคนแอบส่ายหัวหลังจากเห็นของขวัญ 2 ชิ้นนี้ พวกเขาเริ่มหมดกำลังใจที่จะนำของขวัญออกมาเมื่อเปรียบเทียบกับของขวัญ 2 ชิ้นนี้แล้วมันอาจทำให้ตระกูลของพวกเขาต้องอับอาย
ภายในห้องโถงเงียบสงบ
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นกะทันหัน
“เฉิงหยา ผมมีของขวัญให้คุณ”
ทุกคนหันไปตามที่ทางของเสียง หยวนเป็งชิง และ ฟางฮงไค่ ขมวดคิ้วพร้อมกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นคนที่พูดขึ้นการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป
หยวนเป็งชิง แปลกใจเล็กน้อยในขณะที่ ฟางฮงไค่ รู้สึกสับสน
คนที่ยืนขึ้นนั้นคือ เซี่ยวซวน เหตุผลที่ ฟางฮงไค่ มีปฏิกิริยาแตกต่างจาก หยวนเป็งชิง ก็เพราะว่าเขากับ เซี่ยวซวน ถือได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
แม่ของ เซี่ยวซวน มาจากตระกูลฟางซึ่งเป็นป้าของ ฟางฮงไค่
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ เซี่ยวซวน ไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับความจริงที่ว่าเขากลับ ฟางฮงไค่ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขากลับมาจากต่างประเทศและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ กู่เฉิงหยา
กู่เฉิงหยา ก็ตกตะลึงเช่นกันเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาจริงๆ
เซี่ยวซวน เคยตามติด กู่เฉิงหยา อย่างบ้าคลั่งเกือบทุกคนในตงไห่ต่างรู้เรื่องนี้ แต่ กู่เฉิงหยา รู้เสมอว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์มากดังนั้นเธอจึงไม่เคยให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น
ตอบมาตระกูลเซี่ยวได้ส่งเขาไปอยู่ต่างประเทศดังนั้น กู่เฉิงหยา จึงคิดว่าเธอจะไม่เห็นเขาอีก เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขาที่งานวันเกิดของตัวเอง
ไม่มีใครพูดอะไรในขณะที่ เซี่ยวซวน เดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับหยิบกล่องของขวัญออกมา
“เฉิงหยา นี่สำหรับคุณ..”
ทุกคนต่างตาเบิกกว้างเมื่อเขาเปิดกล่องของขวัญออกมาภายในมีหยกโบราณชิ้นหนึ่ง
แทบทุกคนยังคงนิ่งเงียบไม่มีใครรู้ว่าหยกชิ้นนี้มาจากไหน แต่เนื่องจาก เซี่ยวซวน กล้าให้ต่อหน้า หยวนเป็งชิง และ ฟางฮงไค่ แสดงว่าของขวัญชิ้นนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในที่สุด เซี่ยวซวน ก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า นี่เป็นหยกโบราณของราชวงศ์ฮั่นที่เขาตั้งใจซื้อให้กับ กู่เฉิงหยา จากการประมูลในยุโรป
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตค่าเงินของโบราณจะเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเปรียบเทียบได้กับทองคำที่มีค่าในช่วงสงคราม
ราคาของหยกนี้ ตระกูลทั่วไปไม่สามารถไขว่คว้ามาได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เซี่ยวซวน ยังกล่าวว่าเขาซื้อมาจากการประมูลในยุโรปอย่างนั้นจะต้องมีราคาแพงมาก
หยวนเป็งชิง และ ฟางฮงไค่ พูดไม่ออก
เซี่ยวซวน คาดหวังว่าของขวัญของเขาจะทำให้แขกทุกคนรู้สึกงุนงง ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ ในที่สุดการทำงานหนักของเขาก็ไม่ได้เสียเปล่า
อย่างไรก็ตามบรรดาบรรพบุรุษขดริมฝีปากอย่างดูถูกเมื่อเห็นของขวัญของเขา
“มันเป็นของปลอม ราชวงศ์ฮั่นไม่ได้ทำสิ่งนี้ขึ้น”
จักรพรรดิหลิวเช่อเป็นคนแรกที่พูดขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ จักรพรรดิเฉียนหลงและจักรพรรดิไทจงพยักหน้า
ซูฉิวไป่ เชื่อบรรพบุรุษเหล่านี้อย่างแน่นอน เป็นที่เข้าใจอย่างแน่นอนว่าโลกทั้งโลกคงไม่เคยมีใครเห็นโบราณวัตถุเท่ากับจักรพรรดิ ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับ นอกจากนี้พวกเขายังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหยกชิ้นนี้เป็นของปลอม
เนื่องจากเขานั่งอยู่ด้านหลังจึงมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดของจักรพรรดิ อย่างไรก็ตาม เฉาซือเหล่ย ที่นั่งอยู่ข้างๆเขาต้องอ้าปากค้าง
“มันเป็นของปลอมจริงๆหรอ?”
เขากระซิบถามหลังจากมองไปรอบๆ
ซูฉิวไป่ ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดจาไร้สาระกับชายหนุ่มคนนี้ดังนั้นเขาจึงบอกให้เงียบซึ่งทำให้ เฉาซือเหล่ย เข้าใจทันที เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าของขวัญของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับของขวัญของ เซี่ยวซวน ได้แต่ใครจะรู้ว่านายน้อยจากตระกูลเซียวได้ประมูลหยกปลอมมาอย่างยากลำบาก ถ้าใครรู้เรื่องนี้เขาจะต้องอับอายอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเฉาซือเหล่ยคงไม่พูดออกมาว่าหยกนี้เป็นหยกปลอมอย่างแน่นอน
มันจะไม่ดีสำหรับฉันถ้าเกิดฉันตะโกนบอกความจริง ตระกูลของฉันไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับตระกูลเซี่ยว ถ้าเกิดฉันทำให้ เซี่ยวซวน โกรธใครจะรู้ว่าตระกูลเซี่ยวจะแก้แค้นพวกเราอย่างไร
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉาซือเหล่ย ยิ้มเยาะกับตัวเองและไม่พูดอะไรออกไปอีก
ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นหลังจากที่ เซี่ยวซวน มอบของขวัญของเขาเสร็จดังนั้นผลสุดท้ายจึงเป็นที่ชัดเจน ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเห็นได้ว่าหนึ่งในสามคนนี้สามารถเอาชนะใจของ กู่เฉิงหยา ได้หรือไม่
หลังจากที่รับของขวัญ ทุกคนต่างเฝ้ารอดูปฏิกิริยาของ กู่เฉิงหยา อย่างไรก็ตาม กู่เฉิงหยา เพียงแสดงออกแค่คำขอบคุณสำหรับของขวัญและส่งของขวัญเหล่านั้นให้กับคนใช้ของเธอ
ชายหนุ่มทั้ง 3 คนที่รอการสรรเสริญจากคนสวย รู้สึกอับอายทันที หลังจากนั้น กู่เฉิงหยา ก้าวออกไปด้านหน้ากับ กู่เทียน และยืนอยู่ตรงหน้าเค้ก
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนมางานวันเกิดของฉันในวันนี้ ขอบคุณทุกคนที่มา ฉันเชื่อว่าทุกคนที่นี่รู้ถึงสิ่งที่ฉันเคยประสบพบเจอมา..”
เสียงของ กู่เฉิงหยา ยังคงอ่อนโยนซึ่งทำให้ทุกคนพูดไม่ออก ทุกคนสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดและการดิ้นรนของเธอในอดีตจากน้ำเสียงของเธอ
“ดังนั้น ฉันขอขอบคุณบุคคลนั้น ถ้าไม่มีเขาบางทีฉันอาจจะตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเขาเป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้กับฉัน มอบโอกาสที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง..”
ทุกคนต่างได้ยินสิ่งที่ กู่เฉิงหยา พูด เริ่มมีเสียงพึมพำมาจากฝูงชน
จนถึงขนาดนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับผู้ที่รักษา กู่เฉิงหยา อย่างไรก็ตามข่าวลือที่น่าเชื่อถือมากที่สุดก็คืออาจารย์มู่หลงเป็นผู้รักษา นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามคนที่ได้ยินปฏิเสธความคิดนี้ทันทีและมีความคิดเพียงว่า ระหว่างอาจารย์มู่หลงกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก คุณคิดว่าใครกันที่จะสามารถรักษา กู่เฉิงหยา จากการเจ็บป่วยได้?
ดังนั้นวัยรุ่นในห้องโถงต่างคิดในทางเดียวกันว่า กู่เฉิงหยา ขอบคุณอาจารย์มู่หลง
ฟางฮงไค่ และ หยวนเป็งชิง ได้กล่าวเพิ่มเติมในคำพูดของ กู่เฉิงหยา เพื่อแสดงความเคารพต่อแพทย์พวกเขายังกล่าวอีกว่าทุกคนควรสรรเสริญผู้อาวุโส
ซูฉิวไป่ รู้สึกอึดอัดใจเมื่อได้ยินพวกเขาพูด
บัดซบ ใครกันที่นายพูดถึงว่าเป็นชายชรา!
อย่างไรก็ตาม ซูฉิวไป่ ยังคงประทับใจในคำพูดของ กู่เฉิงหยา เขาเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไรและรู้สึกทึ่งกับความเพียรพยายามในการต่อสู้ของเธอตลอดชีวิต
“พี่ชาย คุณคิดว่าอาจารย์มู่หลงเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้อย่างนั้นหรอ?”ทันใดนั้น เฉาซือเหล่ย ก็ดึงแขนของ ซูฉิวไป่ และกระซิบ
ซูฉิวไป่ ยิ้มและส่ายหัว
เฉาซือเหล่ย พึมพำบางอย่างแต่ไม่มีใครได้ยิน อย่างไรก็ตามหลังจากที่กู่เฉิงหยาตัดเค้กทุกคนเริ่มกลับไปนั่งที่ ตรงกลางห้องโถงสว่างขึ้นด้วยแสงสี
เค้กบางชิ้นได้ถูกแบ่งมายังโต๊ะของ ซูฉิวไป่ จักรพรรดิได้รับประทานอาหารอย่างมีความสุขจนกระทั่งได้ยินเสียงเพลงจากศูนย์กลางของห้องโถงอีกครั้ง
กู่เฉิงหยา ยืนอยู่กลางห้องโถงราวกับเทพธิดา ทุกคนจดจ้องไปยังเธอ ทุกคนเข้าใจว่าช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของค่ำคืนกำลังเข้าใกล้มาแล้ว
กู่เฉิงหยา จะเชิญใครไปเต้นรำ?
หยวนเป็งชิง และ ฟางฮงไค่ เริ่มแข่งขันกันอย่างลับๆ พวกเขารู้สึกประหม่า เซี่ยวซวนหายใจเข้าลึกๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็น กู่เฉิงหยา เดินมาหาเขา แต่…เธอแค่เดินผ่านพวกเขาไปและมุ่งหน้าไปยังจุดที่ไกลออกไป
สักครู่หนึ่งทุกคนต่างตกตะลึง
ซูฉิวไป่ ที่พึ่งกลืนเค้กเข้าไปหนึ่งคำในขณะที่สนทนากับ เฉาซือเหล่ย ก็เห็น กู่เฉิงหยา เดินตรงมาหาเขา
——————————————-