ตอนที่ 296 ทำเหมือง / ตอนที่ 297 ของดี

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 296 ทำเหมือง 

 

 

หันเทียนซวี่ไม่ตอบ เด็กคนนั้นเอ่ยขึ้นทันที 

 

 

“ไปไม่ได้ เราเดินอ้อมที่นี่ไป ถ้าเจ้าหน้าที่พบพวกเราไปที่นั่น จะฆ่าพวกเราทิ้ง” 

 

 

ฆ่าหรือ? เหตุใดจึงเข้มงวดเช่นนี้ ดูแล้วน่าจะมีเรื่องที่ไม่กล้าเปิดเผยต่อคนภายนอก 

 

 

ถังเฉียนสีหน้าหนักใจแต่นางไม่โกรธ กำลังครุ่นคิดว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุของโรคระบาดครั้งนี้ ไม่ว่าจะใช้ยาใดก็รักษาไม่ได้ ถังเฉียนถามตัวเองว่าวิชาแพทย์ของนางสู้หมอหลวงเหล่านี้ไม่ได้ หากเพียงอาศัยแค่ความรู้ที่มีอยู่คงไม่สามารถรอดชีวิตกลับไปได้ ดังนั้นนางจำเป็นต้องสืบหาต้นตอของโรค จึงจะรักษาได้ถูกตามอาการโรค หันเทียนซวี่เห็นสีหน้านางไม่สู้ดี คิดว่านางคงไม่พอใจ 

 

 

“ท่านหมอ คนที่นี่บูชาฟ้าดินเป็นเทพเจ้า อย่างไรก็มีความเชื่อต่างออกไป สรุปคือมีความลับบางอย่างที่ไม่อยากให้คนนอกรู้ อย่าไปดีกว่า มีปัญหาน้อยหน่อยย่อมจะดีกว่า” 

 

 

ถังเฉียนเห็นเด็กคนนั้นสีหน้าเครียด จึงพูดว่า 

 

 

“เช่นนั้นก็ยังไม่ต้องไปดู” 

 

 

“วันหลังก็ไปดูไม่ได้!” 

 

 

ถังเฉียนพูดอย่างเรื่อยเปื่อย คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นจะมีท่าทีแข็งกร้าว ห้ามไม่ให้พวกเขาไปดูการทำเหมือง 

 

 

“ทางนั้นมีแหล่งน้ำ ระหว่างทางข้าไม่เห็นน้ำเลย เราลงไปดื่มน้ำแล้วพักกันหน่อย” 

 

 

ถังเฉียนหาข้ออ้าง ปลอบใจเด็กคนนี้ก่อน อยู่ห่างจากจุดที่ทำเหมืองไม่ไกลนัก พวกเขานั่งพักก่อน อีกเดี๋ยวถ้าเด็กคนนี้ไม่ยอมพาพวกเขาไปดู พวกเขาก็ยังสามารถไปเองได้ 

 

 

ถังเฉียนมองดูเด็กคนนี้ อายุยังไม่มาก น่าจะราวสิบขวบ แต่ไม่ว่าถังเฉียนอยู่ทำสิ่งใดที่นี่ เขาจะคอยจ้องมองไม่วางตา คงกลัวว่านางจะแอบหลบไป 

 

 

มีสิ่งใดที่ต้องปิดบังกันแน่ ถึงไม่ยอมให้ใครพบเห็น 

 

 

ถังเฉียนไม่พูดให้ชัด เพียงแต่ดื่มน้ำ แต่น้ำมีรสชาติแปลกๆ นางบ้วนน้ำทิ้งหมด 

 

 

“น้ำนี่มีกลิ่นชอบกล” 

 

 

ถังเฉียนบอก เด็กชายจึงเดินมาลองชิม จากนั้นก็บ้วนน้ำทิ้งไปข้างๆ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า 

 

 

“น้ำนี่มีรสชาติแปลกจริงๆ ก่อนนี้น้ำที่นี่มีรสหวานที่สุด ยังไหลไปรวมกับน้ำตอนล่างที่ใช้ดื่มกินกันด้วย เหตุรสชาติถึงเปลี่ยนไป 

 

 

เด็กชายแปลกใจมาก แล้วมองดูรอบๆ คนอื่นต่างสั่นหัว แสดงว่าไม่รู้ ถังเฉียนเก็บน้ำไว้เล็กน้อยเตรียมนำกลับไป แต่นางยิ่งสนใจเสียงดังติงตังห่างออกไป อยู่ที่นี่สามารถได้ยินเสียงเคาะตีของพวกนั้น แสดงว่าอยู่ไม่ไกลนัก 

 

 

“ตอนเหนือของลำธารสายนี้เป็นที่ใดหรือ ข้ารู้สึกว่าที่นี่ดูแปลกๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ทำเหมือง” 

 

 

ถังเฉียนเปลี่ยนมาพูดด้วยภาษาเหมียวเจียง มีเพียงหันเทียนซวี่ที่ฟังออก คนอื่นได้ยินนางพูด แต่ฟังไม่เข้าใจ 

 

 

หันเทียนซวี่ยิ้มๆ เพราะถังเฉียนทำเช่นนี้แสดงว่านางมองว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน ขณะนี้ถังเฉียนเองไม่มีใครที่จะปรึกษาได้ ถึงอย่างไรนางก็ต้องมีคนช่วย เพราะนางคนเดียวอาจจะหลงทางบนเขาลูกนี้ได้ 

 

 

“ข้าจำเส้นทางไว้แล้ว อีกเดี๋ยวเราออกเดินทาง ข้าจะทิ้งเครื่องหมายไว้ตามทาง ถึงตอนนั้นเราลอบกลับมา ก็ไม่ต้องกลัวว่าเด็กคนนั้นจะขัดขวาง” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกทันทีว่าหันเทียนซวี่เป็นพวกเดียวกัน นางเก็บตัวอย่างน้ำกลับไป แล้วทั้งหมดจึงเดินทางต่อ 

 

 

ลำบากแทบแย่กว่าพวกเขาจะมาถึงหน้าอุโมงค์เหมืองแห่งหนึ่ง ถังเฉียนเดินเข้าไปไม่นานก็ไปต่อไม่ไหว นางมองดูเสาที่ค้ำยันแล้วถามว่า 

 

 

“ก่อนหน้านี้ที่นี่ทำเหมืองอะไร ไม่ใช่เหมืองทองคำหรือหยก แล้วของสีดำบนพื้นคือสิ่งใด” 

 

 

ถังเฉียนหยิบถ่านสีดำเมื่อมขึ้นมาจากพื้น ส่องดูกับแสง จึงดูออกว่าเป็นของที่ใช้ให้ความอบอุ่นยามหน้าหนาวในภาคเหนือ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 297 ของดี 

 

 

“ถ่านลายเงิน ของดีนะนี่” 

 

 

ถังเฉียนเก็บขึ้นมาแล้วใส่ไว้ในถุงย่าม แล้วเห็นเด็กคนนั้นจ้องมองนางราวกับกำลังจ้องมองขโมย 

 

 

“ตอนนี้ใกล้พลบค่ำแล้ว เราไม่จำเป็นต้องรีบกลับ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้ายังต้องไปสำรวจที่ต้นน้ำอีก เช่นนั้นค่ำนี้หาที่พักแรมใกล้กับปากอุโมงค์เหมืองเถอะ” 

 

 

หันเทียนซวี่พูดกับทุกคน ทั้งหมดจึงวางสัมภาระลง เตรียมพักผ่อน แต่เด็กชายไม่วางใจ คอยตามถังเฉียนตลอดเวลา  

 

 

ค่ำนั้นกินอาหารแห้งกัน ถังเฉียนมองเด็กชายแล้วถามว่า 

 

 

“เจ้าชี่ออะไร ระหว่างทางถามเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบ ต้องเรียกเจ้าว่าเสี่ยวเกอ มาตลอดทาง” 

 

 

ถังเฉียนขยับเข้ามาข้างตัวเสี่ยวเกอ หันหน้ามาถาม มองผ่านแสงจันทร์สีส้มอ่อนเห็นเขามีอาการเหนียมอาย 

 

 

“ข้าชื่อเหาเก๋อ เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวเกอก็ได้ ข้าอายุสิบสี่แล้ว” 

 

 

“สิบสี่แล้ว? แต่ทำไมเจ้ายังสูงไม่เท่าข้าเลย” 

 

 

ถังเฉียนถามด้วยความแปลกใจ เสี่ยวเกอหน้าแดงทันที เป็นหันเทียนซวี่ที่ชะโงกหน้ามาพูดว่า 

 

 

“เด็กผู้ชายจะโตช้ากว่าหน่อย พอถึงอายุสิบหกเจ้าจะไม่สูงขึ้นแล้ว แต่เขายังจะสูงขึ้นได้อีก” 

 

 

ถังเฉียนเห็นเขาเขินอายก็อดพูดแหย่ไม่ได้ 

 

 

“เจ้าเกิดเดือนไหน ข้าเกิดเดือนสิบเอ็ด เอ๊ะ เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้าเลย แม้หน้ากากข้าจะดูน่ากลัว แต่ข้ายังอายุน้อยนะ” 

 

 

เหาเก๋อกับถังเฉียนนั่งอยู่ที่ปากอุโมงค์เพียงสองคน เดิมเขานั่งคนเดียวที่นั่น แต่ถังเฉียนตั้งใจขยับมา นางเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเหาเก๋อ พอเห็นเขามีท่าทางอายก็นึกสนุก 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าอายุเท่าไรแล้ว ฟังเสียงเจ้า น่าจะเป็นยายแก่” 

 

 

“อะไรนะ? ข้าเป็นยายแก่ที่ไหนกัน” 

 

 

ถังเฉียนโมโห ท่าทางที่ใช้กำปั้นน้อยทุบหัวเข่าดูน่ารักมาก 

 

 

“ข้าไม่แก่สักหน่อย” 

 

 

“เช่นนั้นก็ถอดหน้ากากออกสิ…” 

 

 

“ถอดก็ได้ กลัวแต่ว่าเจ้าจะ…” 

 

 

ถังเฉียนพูดพลางถอดหน้ากากตนออก แม้ว่ายังมีผ้าแพรคลุมหน้า แต่ก็ยิ้มให้เหาเก๋าอย่างอบอุ่น 

 

 

ข้างกองไฟมีเพียงพวกเขาสองคน เหาเก๋อมองดูนางแล้วตะลึงงัน ถังเฉียนดีดนิ้วเบาๆ แล้วสวมหน้ากาก 

 

 

“ข้าไม่ใช่เด็กสาวที่ไม่เคยออกจากบ้านมาดูโลกภายนอก คิดว่าข้าจะเหมือนพวกเจ้าหรือ ที่จะทะเลาะกับเจ้าเพราะเรื่องนี้” 

 

 

ถังเฉียนลุกขึ้น กวักมือเรียกหันเทียนซวี่ ทั้งสองเดินย้อนกลับไปโดยอาศัยแสงจันทร์ 

 

 

“บนเขาอากาศหนาว กลางคืนเดินลำบาก เจ้าต้องตามข้าติดๆ เมื่อครู่ข้าแอบใส่ยาในอาหาร รอเรากลับมาพวกนั้นคงยังหลับอยู่ เราเดินช้าๆ ไปได้” 

 

 

ถังเฉียนร้องอืม แล้วจับแขนเสื้อหันเทียนซวี่ไว้ ทั้งสองลอบไปยังบริเวณทำเหมือง แม้จะมืดค่ำแต่ที่นี่จุดตะเกียงสว่าง ถังเฉียนฟังที่พวกเขาพูดไม่ออก ยังต้องอาศัยหันเทียนซวี่ ได้ยินว่าคนแก่ส่วนใหญ่ที่นี่พูดภาษาท้องถิ่นของเสิ้งจิง แต่เพราะเซวียนกั๋วปกครองนานแล้วคนที่พูดภาษาถิ่นที่นี่จึงลดน้อยลง 

 

 

“ดูสิ พวกนั้นขนย้ายสิ่งใดออกมา” 

 

 

ถังเฉียนแอบมองแล้วกระซิบถาม หันเทียนซวี่หรี่ตาลง เห็นพวกเขาเข็นรถออกมาทีละคัน บนรถมีทั้งก้อนหินและดิน แต่มีของบางอย่างที่คลุมผ้าแดงไว้ ก็นึกสงสัย 

 

 

“ไม่เหมือนถ่านหินหรือเงินทอง คล้ายสุสานโบราณมากกว่า ดูของพวกนั้นสิ ห่อด้วยผ้าแดงออกมา หรือไม่ก็ใส่**บขนออกมา”