ตอนที่ 949 - โก่งราคา

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  พวกเขามาถึงใกล้แสงห้าสีทุกคนหยุดด้วยสีหน้าประหลาด
  “หรือว่าจะเป็นที่คุก?”
  ม่อเทียนฉวนตกใจ
  อาจารย์พรายครุ่นคิด
  “ผู้เฒ่าหุยน่าจะเป็นคนที่ดูแลคุกนางเคยจอให้ข้าแนะนำเรื่องการปรุงยา หรือว่านางจะเป็นคนที่ปรุงยาอยู่ในคุกนั่น?”
  ทุกคนพยักหน้าตามหลังจากได้คำการคาดเดาของอาจารย์พราย
  “ยินดีด้วยท่านเจ้าตำหนักตำหนักโลหิตของเรามีปรมาจารย์นักปรุงยาเกิดขึ้นอีกคนแล้ว”
  “ในวันข้างหน้านางอาจจะได้เป็นนักปรุงยาที่ปรุงโอสถระดับหกก็ได้…”
  เจ้าสำนักซ้ายขวาพูดแสดงความยินดีกับม่อเทียนฉวน
  ในตอนนี้มีนักปรุงยาหลายคนในทวีปจิวโจว แต่คนที่นับว่าเป็นปรมาจารย์นั้นหายากมาก
  ในหลายร้อยปีที่ผ่านมาอาจารย์พรายเป็นเพียงปรมาจารย์คนเดียวของตำหนักโลหิต
  เงื่อนไขในการเป็นนักปรุงยาชั้นยอดนั้นคือการปรุงโอสถระดับหกได้มันจะพิสูจน์ได้ว่านักปรุงยาผู้นั้นมีระดับความสามารถที่มากพอ
  ม่อเทียนฉวนเริ่มคิดสัญชาตญาณบอกนางว่าความจริงไม่น่าเรียบง่ายเช่นนี้
  “ไปดูข้างในกันเถอะ”
  นางพูดและนำทุกคนไปที่คุก
  ทันทีที่ก้าวเข้าสู่คุกสตรีชรายืนขึ้นทันที
  “ท่านเจ้าตำหนักข้ากำลังจะรายงานท่านอยู่พอดี”
  เรื่องใหญ่เช่นนี้ผู้เฒ่าหุยจะสังเกตเห็นเลยหรือ?
  อาจารย์พรายกับคนที่เหลือสับสน
  “ผู้เฒ่าหุยใครกันที่ปรุงยานั่น?”
  อาจารย์พรายถามด้วยความสงสัย
  มีใครอื่นในคุกนอกจากผู้เฒ่าหุยด้วยหรือ?ผู้เฒ่าหุยเหลือบมองม่อเทียนฉวน
  “เขาคือคนที่ท่านเจ้าตำหนักม่อเพิ่งจะจับตัวมา”
  คำตอบนี้ทำให้อาจารย์พรายเจ้าสำนักซ้ายขวา ผู้เฒ่าจิงที่ตามมาเกิดสีหน้าประหลาด
  พวกเขามาไกลเพื่อที่จะหาความจริงแต่กลับกลายว่าผู้ปรุงยาคืออาชญากร
  “เห้อ…”
  อาจารย์พรายถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
  เขาคิดว่าผู้ปรุงยาเป็นคนจากตำหนักซึ่งนอกจากเขาจะไม่ใช่คนในตำหนักแล้ว เขาอาจจะมาจากฝ่ายตรงข้ามก็ได้
  เจ้าสำนักซ้ายขวาเพิ่งจะแสดงความยินดีกับม่อเทียนฉวนไปดูอึดอัดใจทั้งสองเงียบโดยไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว
  ผู้เฒ่าจิงกล่าวอย่างเยือกเย็น
  “ฮื่มถูกจับตัวในตำหนักโลหิตแล้วยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว กลับใช้เวลามาปรุงยาเสียได้! ช่างดูถูกตำหนักโลหิตนัก!”
  นางมักจะเป็นที่รู้จักกันในด้านความรุนแรงป่าเถื่อนนางปฏิบัติแบบเดียวกันไม่ว่าจะตัวเองหรือกับศัตรู
  ม่อเทียนฉวนงุนงงไม่มีคนที่นางจับตัวมาเองที่ไม่แข็งแกร่ง
  แต่โจรเฒ่าลามกนี้คือคนเดียวที่นางจับมาในเร็วๆ นี้
  “ตามข้าไปดูกันเถอะ…”
  ม่อเทียนฉวนกล่าว
  ไม่นานพวกเขาตามกลิ่นโอสถมาและพบเรือนปิดตาย
  ในผนึกเรือนเรือนแห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างเงียบเชียบ
  ประตูหน้าปิดสนิทสิ่งที่เกิดข้างในมิอาจรับรู้
  สิ่งเดียวที่รับรู้ได้คือเพลิงที่เผาทุกหนแห่งภายในผนึกหลังคาของเรือนหายไปจากแรงระเบิด
  หยดของเหลวสีม่วงส่องกระทบแสงห้าสีสะท้อนไปทุกทิศทางเมื่อแสงกระทบผนึก มันก็สะท้อนกลับไปโดยไม่มีทางออก
  ในตอนนั้นเองชายแก่ตะโกนเบา ๆ มาจากด้านใน
  “กลับมา!”
  พลังชีวิตอันกว้างใหญ่ไพศาลของจ้าวเทวะระดับสามพุ่งออกมาจากเรือนมันเรียกหยดของเหลวสีม่วงที่ลอยอยู่กลับไปในเรือน
  “จ้าวเทวะระดับสามรึ?”
  ม่อเทียนฉวนตกตะลึงชายแก่ที่นางจับตัวมาเป็นแค่ภูติระดับหก
  มีคนอื่นอยู่ด้วยรึ?
  “ผู้เฒ่าหุยใครถูกจับตัวอยู่ข้างในนั้น?”
  ม่อเทียนฉวนถาม
  ผู้เฒ่าหุยงุนงง
  “ขออภัยท่านเจ้าตำหนัก คนผู้นี้ถูกข้ารับใช้ของท่านเจ้าตำหนักพามาเอง พวกเขาบอกว่าเจ้าตำหนักจะสืบสวนเขาในภายหลัง ข้าเลยไม่กล้าจะสอบถามเรื่องข้อมูลของเขาก่อนท่าน”
  ทั้งชื่อและพื้นเพยังไม่มีใครทราบแต่เขาคือคนที่ถูกม่อเทียนฉวนจับมาแน่นอน
  “เป็นไปไม่ได้!”
  ม่อเทียนฉวนก้าวไปข้างหน้านางยกมือขึ้น ผนึกที่นับว่าแข็งแกร่งได้หายไป
  ม่อเทียนฉวนยืนอยู่ในสวนและจ้องมองประตูที่ปิดสนิทนางโบกมือ พลังอันรุนแรงพัดเข้าไปบังคับให้ประตูเปิดออก
  ด้านในเรือนชายแก่ร่างกายโทรม ๆ หน้าดำที่เสื้อผ้าถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ ถือกล่องหยกพลางยิ้มด้วยความพอใจและตื่นเต้นบนใบหน้า
  ด้วยท่าทางและสภาพโทรมๆ นี้ทำให้เขาดูชั่วร้ายและเสเพลยิ่งกว่าเดิม
  โดยเฉพาะเมื่อหลายส่วนบนร่างเปิดเผยมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนม่อเทียนฉวนไม่ทันตั้งตัว
  นางโมโหเล็กน้อย
  “ใส่เสื้อผ้าเจ้าให้ดี!ออกมาข้างนอก!”
  นั่นมันเขา!นางจำเขาได้แน่นอนแม้จะกลายเป็นเถ้าถ่าน แค่หน้าดำมิอาจบดบังสายตานางได้
  ซือหยูตกใจเช่นกันเขาปกปิดโอสถระดับห้าที่เพิ่งจะปรุงอย่างไม่ลังเล
  หากพูดถึงเรื่องการปรุงยาซือหยูเองก็ตกใจเช่นกัน
  ตั้งแต่ที่เขาได้มีความเข้าใจในไฟเขารู้สึกว่าการปรุงโอสถระดับสี่นั้นไม่ท้าทายอีกแล้ว ต่อให้ไม่ต้องใช้มือก็ตาม
  ใครจะไปคิดเล่าว่ามันจะง่ายจนเขาปรุงโอสถระดับห้าได้?  พวกเขาไม่สงสัยอีกเพราะในโลกใบนี้ มีไม่กี่คนนักที่จะสามารถล่วงเกินม่อเทียนฉวนได้จริง ๆ
  ซือหยูเซี่ยนไม่ใช่คนที่ทำได้
  “ท่านเจ้าตำหนักคงจะเข้าใจผิดแล้วซือหยูเซี่ยนทุ่มเทอย่างมากกับตำหนักเรา เขามีพรสวรรค์ล้ำค่าที่เป็นความหวังของพวกเรา”
  อาจารย์พรายรีบอธิบาย
  “ท่านเจ้าตำหนักเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรแต่ท่านควรจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นถ้าหากการกักขังศิษย์ตนเองถูกคนอื่นรู้เข้า พวกเราแย่แน่”
  ซือหยูทำความดีความชอบอย่างเป็นประวัติการณ์ในพิธีเซ่นป่าปีศาจร้างและการต่อสู้ที่ตระกูลซือถู
  แต่ไม่คิดเลยว่าม่อเทียนฉวนจะไม่รู้จักซือหยูและถึงขั้นเข้าใจผิดว่าเขาเป็นโจรและจับเขามาขัง
  หากเรื่องนี้ถูกคนอื่นรู้เข้าคนในตำหนักจะยังพยายามอย่างหนักเพื่อตำหนักอีกหรือ? พวกเขาจะไม่ใจสลายหรือ?
  แม้กระทั่งซือหยูที่ทุ่มเทอย่างหนักยังลงเอยเช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่แย่กว่าหรือ?
  ม่อเทียนฉวนเริ่มเสียใจมีอาชากว่าหมื่นตัวกำลังวิ่งเหยียบย่ำอยู่ในใจนาง
  โจรเฒ่าลามกที่นางตามหาอย่างเจ็บปวดกลับอยู่ในตำหนักต่อหน้าต่อตานาง!
  และที่น่าขันยิ่งกว่านั้นนางคิดว่าเขาเป็นคนนอกและจองจำเขาเอาไว้
  ยามนี้กลุ่มอำนาจลึกลับกำลังบ่อนทำลายดินแดนพรสวรรค์ ผู้คนทั้งกังวลและหวาดกลัว มันคือเวลาที่ทุกย่างก้าวเป็นสิ่งสำคัญ
  แต่นางกลับใช้เรื่องส่วนตัวเป็นที่ตั้งนางทำร้ายจิตใจของศิษย์ที่ทุ่มเทต่อตำหนัก
  ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องที่ที่กำลังจะเกิดขึ้น…ซือหยูคือคนเดียวที่จะรับมือได้
  แล้วนางควรจะทำอย่างไรกับเขาดีเล่า?
  ไม่เพียงแต่จะสืบสวนไม่ได้นางยังต้องมีน้ำใจกับเขาเพื่อให้เขากำจัดศัตรูให้
  “ข้า…”
  ม่อเทียนฉวนจ้องมองซือหยูด้วยความไม่เต็มใจ
  “เจ้าคือซือหยูเซี่ยนเองสินะข้าได้ยินเรื่องความสำเร็จในอดีตของเจ้ามาแล้ว ข้าอยากจะเรียกเจ้ามาก่อนหน้านี้ แต่ข้าก็เลิกคิดเพราะเจ้ากำลังปิดประตูฝึกตน” ไอลีนโนเวล
  “ตอนนี้ข้าจะไม่ลงโทษและประกาศว่าเจ้าไม่มีความผิด เจ้าไปได้แล้ว”
  นางคิดจะปล่อยเขาไปชั่วคราวและรอจนกว่าเขาจะจัดการกับพวกมีดสวรรค์ไปแล้วจากนั้นนางจะมาค้นวิญญาณของเขา
  กายาวิญญาณฎีกาสวรรค์ ภาษาไม้ ทักษะการปรุงยา เขามีคุณสมบัติทุกด้านที่ยอดเยี่ยม เขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
  แล้วเขาก็ยังเป็นผู้ที่นางสงสัยว่าขโมยสมบัติภูติของนางไปดังนั้นดวงวิญญาณของเขาจะต้องมีความจริงซ่อนอยู่เป็นแน่
  “ไปไหนเล่า?ท่านเจ้าตำหนัก ข้าจะไปที่ไหนได้?”
  ซือหยูพูดอย่างจริงจัง
  “ข้าภักดีต่อตำหนักมาโดยตลอดแต่สุดท้ายกลับถูกโยนเข้าคุก ถ้าหากข้าออกจากคุกไปจริง ๆ ท่านเจ้าตำหนักจะไม่ตัดสินว่าข้าแหกคุกหรือ?”
  ม่อเทียนฉวนหงุดหงิดรำคาญกับการจงใจพูดแบบนี้ของซือหยู
  นางบอกได้เลยว่าซือหยูกำลังใช้ตัวเองต่อรองเพราะว่าตำหนักโลหิตกำลังต้องการเขา!
  สารสกัดจากวัตถุดิบถูกสกัดออกมาอย่างเต็มขที่และเพลิงก็อยู่ในระดับผสานใจ
  สุดท้ายการปลอมโอสถไปก่อเกิดขึ้นหลายร้อยครั้ง ซึ่งอาจจะถึงพันครั้งก็ได้
  ที่สำคัญกว่านั้นวัตถุดิบในโอสถทั้งหมดเป็นวัตถุดิบชั้นสูงที่มีอายุร้อยปี
  ฤทธิ์โอสถย่อมเหนือกว่าโอสถทั่วไป
  มันทำให้เกิดโอสถระดับห้าในท้ายสุดและมันยังทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดในพื้นที่รอบนอกด้วย ม่อเทียนฉวนกับคนอื่น ๆ จึงให้ความสนใจ
  อาจารย์พรายกับผู้เฒ่าจิงรู้สึกคุ้นเคยเมื่อมองคนสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นแต่พวกเขาก็บอกไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะใบหน้าที่ดำทะมึน
  เจ้าสำนักซ้ายขวาไม่เคยเห็นซือหยูมาก่อนแน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้จัก
  “ไอ้แก่เจ้าปรุงยาเป็นด้วยเรอะ?”
  ม่อเทียนฉวนจ้องซือหยูอย่างเยือกเย็นและเริ่มสงสัยในตัวซือหยูกว่าเดิม
  จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนั้นอยู่บนโลกด้วยหรือ?บุรุษวิถีอสูรที่สังหารจักรพรรดิโลหิตบังเอิญผ่านมาตอนที่นางสลบ และช่วยรักษาบาดแผลให้นางโดยไม่มีเหตุผล
  จากนั้นเขาก็ลบล้างพลังจากราชาเขตกลางให้ แล้วก็ชิงสมบัติภูติของนางไป
  มันดูมีเหตุผลเมื่อนางฟังครั้งแรกแต่เมื่อคิดดูให้ดี มันมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่เต็มไปหมด
  ซือหยูเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดสะอ้านและล้างหน้าเขาถามพร้อมกับแสยะยิ้ม
  “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่านหรือท่านเจ้าตำหนัก?”
  ม่อเทียนฉวนตะคอก
  “มันไม่เกี่ยวกับข้าหรอก!แต่มันเกี่ยวกับชีวิตเจ้ามากเลยล่ะ ข้าไม่ใช่คนใจแคบ ถ้าเจ้าไม่บอกเหตุผลที่น่าเชื่อกับข้า เจ้าควรรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
  ผู้ที่ปรุงโอสถระดับห้าได้นับว่ามีความสำคัญมากไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก
  ขณะที่ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรงอาจารย์พรายกับผู้เฒ่าจิงตกตะลึงพร้อมกัน ทั้งสองจ้องมองคนในเรือนราวกับเจอผี
  ต่อมาอาจารย์พรายก้าวไปข้างในและมองใบหน้าซือหยูให้ทัน ถึงตอนนั้นเขาจึงหายสงสัย
  เขาอุทาน
  “นี่เจ้าคือซือหยูเซี่ยน…อาจารย์ซือไม่ใช่รึ?”
  มันบ้าบอคอแตกสิ้นดีตำหนักโลหิตแทบจะพลิกแผ่นดินหาซือหยูเซี่ยนเพื่อที่เขาจะไปแข่งขันกับพวกมีดสวรรค์ได้
  พวกเขาถึงกับคิดว่าเหตุที่ซือหยูไม่ปรากฏตัวออกมานานนั้นเป็นเพราะเขาแอบถูกขุมกำลังใดสักแห่งจับตัวเอาไว้
  ใครจะไปคิดเล่าว่าแท้จริงแล้วเขาถูกตำหนักโลหิตกักขังและขังโดยตัวเจ้าตำหนักเอง แทนที่จะเป็นคนอื่น?
  เรื่องเช่นนี้ทำให้อาจารย์พรายตัวแข็งทื่อเขามองม่อเทียนฉวนและเบิกตากว้าง
  ผู้เฒ่าจิงยืนนิ่งเช่นกันแววตานางเต็มไปด้วยความกังขาเมื่อมองม่อเทียนฉวน
  ม่อเทียนฉวนกระตือรือร้นในเรื่องกายาวิญญาณมากกว่าอสูรเนรมิตรทั่วไปอย่างมากถือว่ามีไฟแรงเลยทีเดียว
  หรือว่าม่อเทียนฉวนเองจะจับตัวซือหยูไว้เพื่อการศึกษาและปกปิดเอาไว้โดยการกล่าวโทษคนข้างนอก?
  เจ้าสำนักซ้ายขวาสับสนทั้งสองยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
  ถ้าเช่นนั้น‘ศัตรูต่างถิ่น’ ที่ม่อเทียนฉวนจับตัวมาและยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขากลับเป็นคนของพวกเขาเอง และถึงกับเป็นอาจารย์ซือที่พวกเขาพลิกแผ่นดินหาด้วยรึ?
  ม่อเทียนฉวนตัวแข็งทื่อราวกับโดนสายฟ้าฟาดดวงตางดงามของนางเบิกกว้าง
  “เจ้าบอกว่าเขาคือซือหยูเซี่ยนเรอะ?อาจารย์ซือที่เป็นปราชญ์ภาษาไม้จากตำหนักนอกผู้นั้นน่ะนะ?”
  ในใจนางเต็มไปด้วยความสับสนนางราวกับถูกสายฟ้าห้าสายฟาดใส่พร้อมกัน
  “ใช่แล้วส!ท่านเจ้าตำหนักจับเขาได้ที่ไหน แล้วทำไมถึงบอกว่าเขาเป็น ‘อาชญากร’ ล่ะ?”
  อาจารย์พรายงงงวย
  ม่อเทียนฉวนตกใจ
  “ข้าเจอที่ใกล้ตระกูลซือถูส่วนที่ข้าบอกว่ามันเป็นอาชญากร ก็เพราะว่ามันเคยลวนลามข้ามาก่….”
  นางหยุดพูดในทันที
  อาจารย์พรายผู้เฒ่าจิง เจ้าสำนักซ้ายขวามองม่อเทียนฉวนด้วยความสะพรึงกลัวและตัวแข็งทื่อ
  ซือหยูเซี่ยนลวนลามเจ้าตำหนักมาก่อนรึ?
  “โอ้อะแฮ่ม ข้าจะบอกว่าเขาลวนลามศิษย์ของข้าต่างหาก!”
  ม่อเทียนฉวนเปลี่ยนคำพูดทันเวลานางแอบเหลือบมองซือหยูด้วยความแค้น
  อาจารย์พรายและคนอื่นๆ หน้าแดง…เป็นเช่นนั้นเองสินะ
  พวกเขาไม่สงสัยอีกเพราะในโลกใบนี้ มีไม่กี่คนนักที่จะสามารถล่วงเกินม่อเทียนฉวนได้จริง ๆ
  ซือหยูเซี่ยนไม่ใช่คนที่ทำได้
  “ท่านเจ้าตำหนักคงจะเข้าใจผิดแล้วซือหยูเซี่ยนทุ่มเทอย่างมากกับตำหนักเรา เขามีพรสวรรค์ล้ำค่าที่เป็นความหวังของพวกเรา”
  อาจารย์พรายรีบอธิบาย
  “ท่านเจ้าตำหนักเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรแต่ท่านควรจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นถ้าหากการกักขังศิษย์ตนเองถูกคนอื่นรู้เข้า พวกเราแย่แน่”
  ซือหยูทำความดีความชอบอย่างเป็นประวัติการณ์ในพิธีเซ่นป่าปีศาจร้างและการต่อสู้ที่ตระกูลซือถู
  แต่ไม่คิดเลยว่าม่อเทียนฉวนจะไม่รู้จักซือหยูและถึงขั้นเข้าใจผิดว่าเขาเป็นโจรและจับเขามาขัง
  หากเรื่องนี้ถูกคนอื่นรู้เข้าคนในตำหนักจะยังพยายามอย่างหนักเพื่อตำหนักอีกหรือ? พวกเขาจะไม่ใจสลายหรือ?
  แม้กระทั่งซือหยูที่ทุ่มเทอย่างหนักยังลงเอยเช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่แย่กว่าหรือ?
  ม่อเทียนฉวนเริ่มเสียใจมีอาชากว่าหมื่นตัวกำลังวิ่งเหยียบย่ำอยู่ในใจนาง
  โจรเฒ่าลามกที่นางตามหาอย่างเจ็บปวดกลับอยู่ในตำหนักต่อหน้าต่อตานาง!
  และที่น่าขันยิ่งกว่านั้นนางคิดว่าเขาเป็นคนนอกและจองจำเขาเอาไว้
  ยามนี้กลุ่มอำนาจลึกลับกำลังบ่อนทำลายดินแดนพรสวรรค์ ผู้คนทั้งกังวลและหวาดกลัว มันคือเวลาที่ทุกย่างก้าวเป็นสิ่งสำคัญ
  แต่นางกลับใช้เรื่องส่วนตัวเป็นที่ตั้งนางทำร้ายจิตใจของศิษย์ที่ทุ่มเทต่อตำหนัก
  ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องที่ที่กำลังจะเกิดขึ้น…ซือหยูคือคนเดียวที่จะรับมือได้
  แล้วนางควรจะทำอย่างไรกับเขาดีเล่า?
  ไม่เพียงแต่จะสืบสวนไม่ได้นางยังต้องมีน้ำใจกับเขาเพื่อให้เขากำจัดศัตรูให้
  “ข้า…”
  ม่อเทียนฉวนจ้องมองซือหยูด้วยความไม่เต็มใจ
  “เจ้าคือซือหยูเซี่ยนเองสินะข้าได้ยินเรื่องความสำเร็จในอดีตของเจ้ามาแล้ว ข้าอยากจะเรียกเจ้ามาก่อนหน้านี้ แต่ข้าก็เลิกคิดเพราะเจ้ากำลังปิดประตูฝึกตน”
  “ตอนนี้ข้าจะไม่ลงโทษและประกาศว่าเจ้าไม่มีความผิด เจ้าไปได้แล้ว”
  นางคิดจะปล่อยเขาไปชั่วคราวและรอจนกว่าเขาจะจัดการกับพวกมีดสวรรค์ไปแล้วจากนั้นนางจะมาค้นวิญญาณของเขา
  กายาวิญญาณฎีกาสวรรค์ ภาษาไม้ ทักษะการปรุงยา เขามีคุณสมบัติทุกด้านที่ยอดเยี่ยม เขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
  แล้วเขาก็ยังเป็นผู้ที่นางสงสัยว่าขโมยสมบัติภูติของนางไปดังนั้นดวงวิญญาณของเขาจะต้องมีความจริงซ่อนอยู่เป็นแน่
  “ไปไหนเล่า?ท่านเจ้าตำหนัก ข้าจะไปที่ไหนได้?”
  ซือหยูพูดอย่างจริงจัง
  “ข้าภักดีต่อตำหนักมาโดยตลอดแต่สุดท้ายกลับถูกโยนเข้าคุก ถ้าหากข้าออกจากคุกไปจริง ๆ ท่านเจ้าตำหนักจะไม่ตัดสินว่าข้าแหกคุกหรือ?”
  ม่อเทียนฉวนหงุดหงิดรำคาญกับการจงใจพูดแบบนี้ของซือหยู
  นางบอกได้เลยว่าซือหยูกำลังใช้ตัวเองต่อรองเพราะว่าตำหนักโลหิตกำลังต้องการเขา!