ภาคที่ 4 บทที่ 127 ล้อมโจมตี (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 127 ล้อมโจมตี (1)

ยอดเขาทัพแดง เมืองแสงเหนือ

เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่รกร้างเยือกแข็งทางทิศตะวันตกของ ซึ่งเป็นบริเวณของชนเผ่าเหมันต์

ชนเผ่าเหมันต์เป็นชนเผ่าใหญ่ผู้ครอบครองที่รกร้างเยือกแข็งมาแต่อดีต ในช่วงเรืองอำนาจ พวกเขาแกร่งถึงขั้นต่อสู้เพื่อหมายจะครองอาณาจักรเหล็กเลือดได้ และแม้จะไม่เคยได้ครองบัลลังก์มาก่อน แต่ในประวัติศาสตร์กว่าหมื่นปีของเผ่าคนเถื่อน พวกเขาก็มักจะอยู่บนจุดสูงอยู่เสมอ

กระทั่งตอนนี้ก็นับว่าเป็นเผ่าที่แกร่งมากในที่รกร้างเยือกแข็ง

เมืองแสงเหนือ เป็นบ้านแต่เดิมของชนเผ่าเหมันต์

ตามแผนการของซูเฉิน เมืองแสงเหนือเป็นด่านที่อย่างไรก็ต้องผ่าน เพราะแก่นต้นกำเนิดหมาป่าน้ำแข็งของที่นี่นั้นเป็นของจำเป็นที่ต้องใช้ในการผ่านปล่องภูเขามรณภัย

เหตุที่เลือกโจมตีที่นั่นเป็นแห่งแรก ก็เพราะมันเป็นการเตรียมการที่ยากที่สุดนั่นเอง

ต้องจัดการของแข็งก่อนที่พวกคนเถื่อนจะตอบโต้แล้วยกระดับการป้องกันขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งบุกฝ่าไปยากกว่าเดิม

เหตุผลสองคือในเมื่อมันเป็นบ้านของชนเผ่าเหมันต์มาแต่โบราณ ไม่เพียงแต่มีกองกำลังมาก แต่มันยังมีอารามศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าตั้งอยู่ ซึ่งสถานที่เก็บข้อมูลสำคัญ หากยึดอารามศักดิ์สิทธิ์มาได้ก็เท่ากับได้ครองข้อมูลของคนเถื่อนไว้ในมือ หมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำวิจัยอ้อมไปมา อีกทั้งโทเทมโลหิตสลายนั้นถอดมาจากอักขระโทเทมของเผ่าคนเถื่อน ดังนั้นอารามศักดิ์สิทธิ์อาจมีทรัพยากรจำนวนมากในการทำโทเทมโลหิตสลาย ซึ่งใช้เสริมกำลังกองทัพกำลังสวรรค์ได้อีกด้วย

ณ ยามดึก

ดาราส่องระยับบนท้องฟ้าในราตรีมืด

ที่หน้าเมือง ทหารเผ่าคนเถื่อนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้าเขมือบเนื้อ ตรงกลางคือทหารเผ่าคนเถื่อนสองคนกำลังงัดข้อกันรอบโต๊ะน้ำแข็ง

“ไป !”

“ไปเลย !”

“ไป !”

“เอาเลย !”

“ไป !”

คนรอบข้างร้องตะโกนให้กำลังใจไม่หยุด

ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งสองใช้แรงมากจนตาถลน หน้าผากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง

สุดท้าย ทหารคนหนึ่งก็เริ่มแรงตก มือค่อย ๆ ถูกกดลงไป

และแล้วหลังมือก็ได้แตะโต๊ะน้ำแข็งในที่สุด

“วู้ว !”

ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งหลายส่งเสียงร้องดังลั่น

“เยี่ยมมาก เก๋อเอ่อร์ ! เจ้านี่สมกับฉายา ‘มังกรแดง !’ จริง ๆ รู้อยู่แล้วว่าต้องพนันข้างเจ้า !”

“ข้าชนะอีกแล้ว !”

“งดงามมาก !”

“โว้ว !” ทหารเผ่าคนเถื่อนที่ชนะโบกไม้โบกมือพลางถูกชื่นชมไม่หยุด ขณะที่ทหารคนอื่น ๆ ชูถุงเงินถุงใหญ่ไปมาแล้วเริ่มเต้นไปรอบ ๆ

แต่ยังมีทหารเผ่าคนเถื่อนอีกหลายคนที่มีสีหน้าไม่พอใจต่างกันสิ้นเชิง

“บัดซบจาห่าน ไหนว่าชนะมันได้ไง”

“ไม่น่าเชื่อมันเลย”

“ไอ้ขยะเอ๊ย ! เชื่อมันนับเป็นเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้าเลยเชียว”

ทหารเผ่าคนเถื่อนที่พนันแพ้ก่นด่าด้วยความไม่พอใจ

ทหารเผ่าคนเถื่อนที่ถูกเรียกว่ามังกรแดงชูมือขึ้นสูงแล้วร้องขึ้น “มีใครอีกไหม ?”

ไม่มีใครตอบ

ดูท่าจะไม่มีใครอยากท้าเขาแล้ว

ในตอนนั้นเอง ไม่มีใครเห็นกลุ่มควันที่ค่อย ๆ ปกคลุมเมืองเลย

กองทหารกองหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามาอย่างเงียบเชียบภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน

พวกเขาใช้ความมืดปกปิดความเคลื่อนไหว ดวงดาวคืนนี้สว่างไม่น้อย ยิ่งทำให้พวกเขาดูโดดเด่นทีเดียว หากทหารพวกนั้นไม่ประมาทเลินเล่อก็คงเห็นไปแล้ว

ซึ่งพวกทหารก็ไม่ผิด เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นแนวหลัง ทหารที่นี่ไม่คุ้นเคยกับการสู้รบเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม คำแก้ตัวเหล่านี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือผลลัพธ์ต่างหาก

ความมืดโรยตัวรวดเร็ว ยิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเข้ามาเรื่อย ๆ

ทหารบนกำแพงยังซดเหล้าส่งเสียงดังอยู่ ผลักคนอื่นเล่นไปมาไม่หยุด

สุดท้าย ก็มีทหารคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มชั่วขณะ

อาจเพราะเขาเมามาก จึงเดินร่อนเร่ไปตามกำแพงเมือง โซซัดโซเซ สุดท้ายก็มาหยุดที่มุมหนึ่ง ถอดกางเกงลง แล้วทำการปลดทุกข์

เป็นตอนนั้นเองที่เขามองไปไกล ๆ แล้วเห็นถึงความผิดปกติ

เป็นความมืดที่กำลังคืบคลาน

ตอนแรกเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย เขาลองขยี้ตาดู หลังจากดูแล้วว่าไม่ได้เห็นภาพหลอนไปเอง เขาจึงเอ่ยกับทหารที่อยู่ข้าง ๆ แทนที่จะลงมือทันควัน “ถูเอ่อร์ เจ้าดูนั่น มันอะไรน่ะ ? ตาข้าฝาดหรือ ?”

ทหารชื่อถูเอ่อร์จึงเดินเข้ามา เขาเองก็เมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าภาพประหลาดตรงหน้าประตูเมืองคืออะไรเช่นกัน “ไม่รู้สิ อาจจะหมอกงั้นหรือ ?”

ทหารตนแรกเอ่ยเสียงคล้ายละเมอ “ข้าว่าไปหาผู้บัญชาการ ให้เขามาดูเถอะ ไม่ก็ อย่างน้อยใช้ตาเหยี่ยวลองส่องดู”

“อย่าโง่นักเลย ก็แค่หมอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ถูเอ่อร์เอ่ยเหยียด เขาก้มลงมองแล้วเอ่ยคำ “น้องชายเจ้าจะแข็งตายแล้วนั่น”

“อ้อ” ทหารผู้นั้นจึงจำได้ว่ากำลังทำอะไร รีบปลดทุกข์ทันที

ตอนนั้นหมอกมาถึงกำแพงเมืองแล้ว ของเหลวสายหนึ่งไหลลงมาจากกำแพง ลงไปสู่หมอกดำเบื้องล่าง

ทหารผู้นั้นหัวเราะคิกคักด้วยความพอใจ

จากนั้นก็พลันปรากฏภาพน่าตื่นตะลึงขึ้น

ด้วยทันใดนั้นหมอกดำก็ได้พุ่งขึ้นกำแพงเมืองมา จากนั้นก็เห็นเป็นใบหน้าที่ถูกปิดบังไว้ปรากฏ

“นี่มัน……”

ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งสองสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะรู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว

พวกมนุษย์ !

พวกมนุษย์มันแอบเข้ามาต่อหน้าต่อตา

ในตอนที่กำลังจะตะโกน

ฟ้าว !

แสงดาบสะท้อนในอากาศ ศีรษะสองหัวถูกฟันกระเด็นไปเป็นเส้นโค้ง

น้ำพุเลือดพุ่งพรวดออกมาจากลำคอ พริบตานั้นทหารมนุษย์ยศสูงในชุดเกราะสีเทาล้วนก็พลันปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเมือง ในมือถือดาบเอาไว้

มีหยดน้ำอยู่ในเส้นผมของเขา มันคือปัสสาวะจากทหารเผ่าคนเถื่อนคนก่อนนั่นเอง

สีหน้าเขาเจือแววโกรธ ฉายไอสังหาร รวมกันเป็นกลิ่นอายเอกลักษณ์ จากนั้นจึงชูดาบขึ้นแล้วตวัดมันลง “บุก !”

สิ้นคำสั่ง ทหารนับไม่ถ้วนก็พากันปีนขึ้นกำแพงขึ้นมาแล้วกระโจนเข้าใส่กลุ่มทหารเผ่าคนเถื่อนด้านล่างในพลัน

เป็นตอนนั้นที่ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งหลายตอบสนอง

“ลอบโจมตี !”

เสียงร้องโหยหวนเริ่มดังขึ้น แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกปาดคอเสียก่อน ทหารเผ่าคนเถื่อนผู้นั้นกุมแผลที่ลำคอไว้ ไม่ยอมล้มโดยง่าย แต่ริ้วแสงอีกหนึ่งก็ได้ซัดเข้ามาบั่นศีรษะออก หยุดเสียงร้องเขาทันใด

กระนั้นก็ยังมีทหารคนอื่นที่ร้องเปล่งเสียงร้อง

“ลอบโจมตี !”

“มีการลอบโจมตี !”

“เราถูกลอบโจมตี !”

เสียงร้องเตือนดังก้องไปทั่ว

แต่เมื่อมีเสียงร้องเตือนดังขึ้น ต้นเสียงก็จะถูกดาบปลิดชีพลงทันที

เพื่อปกปิดการลอบโจมตีไว้ หลี่ฉงซานและแม่ทัพกองทัพกำลังสวรรค์คนอื่น ๆ จึงรุดมาเป็นทัพหน้าบุกเข้ามาเอง

คนที่ถูกปัสสาวะรดคือเฉิงเถียนไห่

แม้หลายคนจะซัดพลังสังหารทหารเผ่าคนเถื่อนไปหลายคน แต่ก็ยังมีคนสองคนที่หนีไปได้แล้วไปแจ้งเตือน

เคร้ง !

เสียงโลหะกระทบกันดังก้องขึ้นตัดความเงียบสงัดในราตรี

ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงทหารเผ่าคนเถื่อนที่ร้องขึ้นแล้ว ทั่วทั้งเมืองต่างส่งเสียงร้องเตือนลั่น

“ลอบโจมตี !!!”

เสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ในตอนนี้ กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณก็ยังยากจะกำจัดเสียงเหล่านี้ลงจนหมด

แต่ก็สายไปแล้ว

ครืน !!!

ด้วยเสียงร้องดังสนั่น ประตูเมืองจึงเปิดออก กองทัพมนุษย์พากันพุ่งเข้ามาในทันที

“โจมตีเต็มกำลัง !” ฉือไคฮวงตะโกนเสียงกร้าน

สงครามในเมืองแสงเหนือได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว