ไม่ได้พบกันนาน คุณยังอยู่ในใจ (3)

 

เขาลุกขึ้น เธอก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว อยากเข้าใกล้เขา ขยับปากจะพูดอะไรกับเขาแต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงตื่นตกใจเสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามา

 

“เย่เซียว!”

 

น่าหลัน

 

ไป๋ซู่เย่ชะงักฝีเท้ายืนตัวแข็ง

 

“เย่เซียว คุณอยู่ไหน?” เสียงใสของหญิงสาวที่ปนสะอื้นขับให้ฟังดูน่าสงสาร

 

“อยู่นี่” เย่เซียวเปิดประตูก้าวออกไปแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ แต่เมื่อเทียบน้ำเสียงตอนคุยกับไป๋ซู่เย่ บอกได้ว่าน้ำเสียงนั่นอ่อนโยนมากแล้ว

 

ประตูที่ถูกเปิดออกไม่มีใครมาปิดให้

 

ไป๋ซู่เย่เห็นหญิงสาววัยอ่อนกว่าโผเข้าอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างตื่นกลัวเต็มสองตา สองแขนเรียวกอดเอวเขาไว้ “เมื่อกี้ต้นไม้ข้างนอกล้ม เกือบจะโดนหน้าต่างห้องฉัน ฉันตกใจแทบแย่”

 

เย่เซียวเงียบไปชั่วอึดใจคล้ายปรายตามองมาที่ห้องของไป๋ซู่เย่แวบหนึ่ง

 

จากนั้นดวงตาวูบไหวใช้มือเดียวโอบหญิงสาวไว้ น้ำเสียงเบาลงกว่าเดิม “เดี๋ยวฉันจะให้คนย้ายต้นไม้ต้นนั้นออก”

 

เขาไม่รู้จักคำว่าอ่อนโยน ขณะที่กดเสียงให้เบาจึงฟังดูอ่อนโยนกว่าน้ำเสียงปกติ ซึ่งคนที่ได้สิทธิพิเศษนี้จากเขามีเพียงไป๋ซู่เย่ที่อายุสิบแปดคนเดียว

 

แต่ตอนนี้…

 

“ไม่ล่ะ ดึกขนาดนี้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาแล้ว” น่าหลันพูดอย่างเอาใจ

 

“ก็ได้ ตามใจเธอ”

 

“งั้น…คืนนี้ฉันไปนอนห้องคุณได้ไหม?” น่าหลันเงยหน้ามองเย่เซียวด้วยสายตาเว้าวอน ความตระหนกในแววตายังไม่จางหายไปจึงทำให้เธอดูเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่กำลังตื่นกลัวอยู่

 

ผู้หญิงแบบนี้ มีผู้ชายคนไหนปฏิเสธได้บ้าง?

 

“…” ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ข้างในกำมือแน่น ก่อนได้ยินเย่เซียวพูดพร้อมพยักหน้า “ได้!”

 

แสงไฟด้านนอกประตูช่างแสบตา

 

แสบตาจนไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดแสบตา เธอเบี่ยงหน้าหนีภาพตรงหน้า ชะโงกหน้าไปนอกหน้าต่างปล่อยให้ลมหนาวพัดพาน้ำตาให้หายจากไป

 

ข้างนอกฝนตก สายฝนสาดปลิวเข้ามากระทบหน้าเธอ เธอรู้สึกเย็น ความเย็นที่หนาวไปถึงกระดูก หนาวจนกัดไปทั้งหัวใจแล้วแทรกซึมไปในอวัยวะทั่วร่างของเธอ

 

ผ่านไปพักใหญ่ เสียงฝีเท้า เสียงพูดคุยของเย่เซียวกับน่าหลันถึงค่อยๆ หายไปจากหูเธอ เสียงคนรับใช้ดังขึ้นตรงประตู “คุณไป๋ ให้ปิดประตูไหมคะ?”

 

“ปิดเถอะ” เธอตอบกลับเสียงแผ่ว พยายามทำให้เสียงตัวเองปกติ

 

…………………………

 

ในห้องเย่เซียวเน้นไปที่ขาวดำเป็นหลัก เรียบง่ายสุขุมแต่ไม่ได้ดูแข็งกร้าว

 

สิบปีก่อนในห้องของเขาจะมีภาพวาดสีของผู้หญิงบางคนวางเต็มทุกมุมห้อง เธอชอบวางที่ไหนก็ให้เธอวางที่นั่น ต่อให้จับจองถึงห้องเก็บอาวุธข้างๆ ของเขาก็ตามใจเธอ

 

ตอนนี้…

 

ห้องของเขาไม่มีใครบุกรุกเข้าได้รวมถึงน่าหลัน แต่คืนนี้เหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 

“นอนเถอะ” เย่เซียวอารมณ์แย่มาก สีหน้าดูไม่ดีเลย

 

น่าหลันเพิ่งเคยขึ้นเตียงเขาครั้งแรกจึงแทบไม่อยากจะเชื่อ พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้จึงไม่คิดลังเลใดๆ อีก หดตัวที่กำลังสวมชุดนอนสีขาวนอนอยู่บนเตียงเขา รูปร่างของเธอผอมบาง พอคู้ตัวเข้าจึงเหลือที่ว่างกว่าครึ่งให้เขา ผ้าห่มมีกลิ่นมินต์ที่จะมีเฉพาะบนตัวเขา เย็นแต่สดชื่นน่าดม

 

หญิงสาวนัยน์ตาแฝงด้วยรอยยิ้มบางๆ เก็บอารมณ์แต่ก็มองเขาเงียบๆ อย่างหลงใหล

 

เย่เซียวนิ่งงันไปชั่วขณะ ดวงตาคู่นั้นเหมือนเขาได้ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน…

 

นึกถึงผู้หญิงคนนั้นก็เจ็บไปทั้งใจ เขาหยิบรีโมตกดปิดไฟเพราะไม่อยากมองเห็นดวงตาของน่าหลันอีกแม้แต่แวบเดียว

 

เขาจะพานนึกถึงแต่ไป๋ซู่เย่ในตอนนั้น!

 

ไป๋ซู่เย่!

 

ชื่อนี้ ตั้งไว้ไม่ผิดสักนิด! เธอเหมือนเมล็ดดอกฝิ่นบ้าๆ นั่น! ที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าในร่างกายทีละนิดๆ จนไปถึงกระดูกและเลือด หากจะถอนตัวออกกลับต้องใช้มีดกรีดควักมันออกมา กรีดให้แยกเลือดกับเนื้อออกจากกัน

 

เขานอนลงบนตำแหน่งว่าง หลับตา เพราะเตียงที่มีขนาดใหญ่ร่างกายของเขาจึงไม่สัมผัสโดนหญิงสาวข้างกาย

 

“เย่เซียว…”

 

น่าหลันปริปากเรียกเบาๆ

 

เขาไม่ตอบเหมือนไม่ได้ยินเสียงของเธอ ลมหายใจเป็นจังหวะเบาแม้แต่ขนตายังไม่ขยับสักนิด

 

หญิงสาวเลื่อนตัวเข้าใกล้เขาช้าๆ แขนเรียวรั้งกอดเอวเขาอย่างหลงใหล เขาไม่ได้ผลักออกแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ ได้ยินเพียงหญิงสาวถาม “คุณไป๋เป็นอะไรกับคุณคะ?”

 

เย่เซียวเงียบอยู่พักใหญ่ จากนั้นขณะที่น่าหลันคิดว่าเขาคงไม่ตอบแล้วกลับได้ยินเสียงพูดเค้นลอดไรฟันสั้นๆ “ศัตรู!”

 

น่าหลันรู้สึกว่าเย่เซียวไม่ได้โกหกเธอ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นศัตรูจริงๆ แค่ฟังเสียงพูดเค้นลอดไรฟันกับลมหายใจหอบหนักนั่นก็ตัดสินได้ว่าเย่เซียวเกลียดเธอจริงๆ

 

อาจจะเกลียดเข้ากระดูกเลยก็ว่าได้

 

วันนี้ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวที่นี่ หยูอันไม่เคยทำหน้าดีๆ ใส่เธอเลย หลายครั้งอยากจะลงมือทำร้ายเธอด้วยซ้ำ

 

เดิมทีน่าหลันหลงคิดว่าไป๋ซู่เย่อาจเป็นคนในใจของเย่เซียว แต่ดูจากท่าทีที่หยูอันมีต่ออีกฝ่ายเธอถึงได้ทำลายความคิดนี้ทิ้ง หากเย่เซียวชอบเธอเพียงนิดจริงๆ ลูกน้องของเขาไม่มีทางไม่ให้เกียรติเธอ

 

คล้ายกับตัวเองที่เมื่อหนึ่งปีก่อนเย่เซียวบอกจะเก็บเธอไว้ข้างกาย ลูกน้องของเขาทุกคนล้วนให้ความเคารพและเชื่อฟังคำสั่งเธอ

 

พอคิดเช่นนี้ น่าหลันก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก

 

“เย่เซียว คุณจะนอนหรือยังคะ?”

 

เย่เซียวไม่ตอบอีกแล้ว เขาพูดน้อยเหมือนเคย

 

“คุณยอมเก็บฉันไว้ ดีกับฉันขนาดนี้ ความจริง…” หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิด เริ่มหายใจหนักอึ้ง เรียกกำลังใจตัวเองก่อนพิงศีรษะไว้ตรงไหล่เขาเบาๆ “ความจริง ฉันตอบแทนคุณได้นะคะ…เย่เซียว ฉันอายุสิบแปดปีแล้ว โตแล้ว…”

 

มือของหญิงสาวที่ทั้งหวาดกลัวทั้งเคอะเขินแต่ก็กล้าหาญ สอดเข้าใต้ชุดนอนของชายหนุ่มช้าๆ

 

เขาทำหน้าโหด ลืมตาโพล่งและฉายแววดุดันชั่ววูบ มือใหญ่ตะครุบมือหญิงสาวไว้อย่างเร็ว ข้อมือของเธอผอมบาง มือใหญ่ของเขาแค่ออกแรงเพียงนิดก็พร้อมจะบีบให้สลายได้เสมอ น่าหลันหลุดเสียงครางอย่างเจ็บปวด จ้องเย่เซียวอย่างตกใจกลัว เย่เซียวไม่พูดอะไรอีกไปพักใหญ่ สะบัดมือหญิงสาวทิ้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปด้วยความเย็นชา ไม่ปรายตามองหญิงสาวที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างตกใจแม้แต่แวบเดียวตั้งแต่เริ่มจนจบ

 

ตัวเองทำผิดอะไร ถึงได้ทำให้เย่เซียวโกรธจนเปลี่ยนสีหน้าได้ในชั่วพริบตา?

 

…………………………

 

ไป๋ซู่เย่ไม่อยากนอนเลยสักนิด ในหัวยุ่งเหยิง

 

น่าหลันไปห้องของเขา

 

ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองกำลังทำอะไร? ตอนนี้ใช่ว่าเธอจะคิดไม่ได้เลย

 

ต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว

 

อีกอย่างเย่เซียวในตอนนี้แตกต่างจากเย่เซียวคนก่อนอย่างสิ้นเชิง

 

เย่เซียวในอดีตจะปล่อยเธอไปทุกครั้งเพราะเห็นว่าเธอยังอายุน้อย แม้จะบอกว่าปล่อยไปแต่หลายครั้งก็เหลือขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แต่เย่เซียวในตอนนี้กลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่น้อยนักที่จะควบคุมตัวเองในเรื่องนี้ได้

 

…………………………………………………….