“ไอ้เวร มึงยังกล้าสู้เหรอวะ?”
เมื่อเห็นชายผมทองหัวแตก ชายหัวโล้นก็โกรธจัดในทันที “ไปอัดมันซะ! ส่งไอ้เวรตะไลสองตัวนี้คุยกับรากมะม่วงเดี๋ยวนี้!”
แต่ ตัวเขากลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ฟู่ยี่ ฝากคุณดูและเธอผู้หญิงด้วยนะ”
เย่เทียนยิ้มพูดอย่างขมขื่น เขาไม่คิดเลยว่าเซวฟู่ยี่จะหุนหันพลันแล่นขนาดนี้ แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องสั่งสอนนักเลงพวกนี้สักหน่อย
วินาทีต่อมา เย่เทียนก็พุ่งเข้าหาชายผมแดง และชกกำหมัดใหญ่เท่าหม้อของเขาออกไปแรงๆ
ผัวะ!
ชายผมแดงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนอยู่แล้ว เขารู้สึกถึงความเจ็บบนใบหน้า และในทันใดนั้น เลือดกำเดาก็ไหลออกมา ทำให้เขาเจ็บจนร้องออกมาดังๆ แล้วนั่งลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
แต่เย่เทียนไม่หยุดเพียงเท่านี้ จากนั้นเขาเหยียบหัวไหล่ของชายผมแดงที่นั่งอยู่กับพื้นแล้วกระโจนใส่ชายหัวโล้นดุจดั่งนกอินทรีกางปีก
“โหดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
และนี่เป็นครั้งแรกที่เซวฟู่ยี่เห็นฝีมือของเย่เทียน และเขาก็ถึงกับอึ้งไปทันที
หยุนเหมิงหยานกับจี้เยียนหรันไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเธอทั้งสองคนต่างก็เคยเห็นฝีมือของเย่เทียนแล้ว และรู้ว่านักเลงกลุ่มนี้ไม่มีปัญญาชนะเขาได้
อย่าว่าแต่เซวฟู่ยี่คนเดียวที่แปลกใจ แม้แต่อันธพาลกลุ่มนี้ยังตกตะลึงและยังรู้สึกอึ้งกับฝีมือของเย่เทียนอยู่
โดยเฉพาะชายหัวโล้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ได้สติกลับมาทันที จากนั้นกัดฟันและกำหมัดต่อยไปที่เย่เทียนที่กำลังพุ่งเข้ามา
เย่เทียนทำเสียงฮึดฮัดและเตะไปที่กำปั้นของชายหัวโล้นอย่างไม่ลังเล
บุม!
เสียงทุ้มดังขึ้น หมัดและเท้าของทั้งสองปะทะกัน
ชายหัวโล้นรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลจากเท้าของเย่เทียน ทำให้เขาถึงกับทนไม่ไหวและถอยหลังออกไปจนแทบล้มลงกับพื้น
แต่เย่เทียนไม่รอให้เขาตั้งหลักได้ เมื่อเท้าแตะถึงพื้นเขาก็เตะออกไปอีกครั้ง
ผัวะ!
เย่เทียนเตะใส่ท้องของชายหัวโล้นอย่างแรง จนทำให้เขาเจ็บจนขดตัวลงไปอย่างทนไม่ได้
แต่ว่าเย่เทียนยังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ เขาจึงขยับขาและพุ่งเข้าไปหาชายหัวโล้นด้วยความเร็วแสง ซึ่งนิ้วทั้งห้าของเขาเกร็งเป็นกรงเล็บ จากนั้นมือข้างหนึ่งของเขาจับข้อมือขวาของชายหัวโล้น ส่วนอีกข้าก็ล็อกไปที่ไหล่ขวาของชายหัวโล้นและกดลงไปแรงๆ
“โอ๊ย เจ็บ เจ็บ!”
ชายหัวโล้นถึงขั้นร้องลั่นออกมาและย่อตัวลงเพราะทนเจ็บไม่ไหว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนรู้สึกตัว ชายหัวโล้นก็แพ้ให้เย่เทียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
“พี่เย่ นี่มัน……”
เซวฟู่ยี่มองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาไม่คาดคิด ไม่เคยคิดเลยว่าเย่เทียนจะเก่งขนาดนี้ ใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถล้มชายหัวโล้นคนที่เป็นหัวหน้าของอันธพาลกลุ่มนี้ได้แล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ในขณะนั้นเอง รปภ.นับสิบคนก็เร่งเข้ามา ซึ่งในมือทุกคนถือกระบองไม้ยาง และหัวหน้ารปภ.ก็ตะโกนอย่างดุเดือดว่า “ใครหน้าไหนกล้ามาหาเรื่องที่ซันนี่เดย์ของเรา? คิดว่าจะรังแกซันนี่เดย์ของเรายังไงก็ได้งั้นเหรอ?”
“หืม? พวกแกอีกแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้น เมื่อเห็นศีรษะของชายผมทองเต็มไปด้วยเลือด และเห็นชายหัวโล้นที่ถูกเย่เทียนล็อกตัวไว้ หัวหน้ารปภ. ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“พี่ฮุย ครั้งนี้เราไม่ได้หาเรื่องนะครับ พวกเขาต่างหากที่มาหาเรื่องเราก่อน คงจะให้พวกผมยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกนะครับ?”
ชายผมแดงที่ไม่ได้รับการบาดเจ็บมากก็รีบลุกขึ้น
เมื่อหัวหน้ารปภ. ได้ยินอย่างนั้นเขาก็กวาดมองไปและสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่เย่เทียนที่กำลังล็อกตัวชายหัวโล้นอยู่ จากนั้นค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น “คุณครับ คุณช่วยปล่อยเขาก่อนครับ!”
เย่เทียนพยักหน้าและไม่ได้กังวลว่ารปภ. ชุดนี้จะเล่นกล เขาจึงปล่อยมือจากชายหัวโล้นคนนั้น
“เพื่อน ผมไม่สนหรอกนะว่าใครจะเริ่มก่อน แต่บาร์ของเรามีกฎ ถ้าใครก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในนี้ และไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด เขาจะต้องเสียค่าปรับ”
เมื่อหัวหน้ารปภ. เห็นอย่างนี้ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดเตือนพวกเขา
“เสียค่าปรับ?!”
เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที กฎบ้าอะไรกัน? แค่ป้องกันตัวก็ต้องเสียค่าปรับด้วยงั้นเหรอ? แล้วจะปล่อยให้พวกเขายืนโง่ๆ แล้วถูกคนอื่นทำร้ายหรือไง?
“แมร๊ง! บาร์ของพวกคุณตั้งกฎบ้าบออะไรกัน!”
เย่เทียนยังไม่ทันได้พูด เซวฟู่ยี่ก็ยืนขึ้นและพูดแทรกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณครับ รบกวนคุณปฏิบัติตามกฎของทางร้านเราด้วยนะครับ!”
หัวหน้ารปถ. ขมวดคิ้วและพูดเตือนว่า “ดั่งที่ว่ากันว่า ไม่มีกฎเกณฑ์ก็จะไม่มีมาตรฐาน และกฎของบาร์เรามีมาตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อคุณเลือกที่จะเข้ามาเที่ยวในนี้ คุณก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎของทางร้านครับ!”
“แมร๊ง! กฎบ้ากฎบออะไรกัน เจ้าของบาร์คุณล่ะอยู่ไหน? เรียกเธอมาหน่อย!”
เมื่อเซวฟู่ยี่ได้ยินอย่างนั้นก็ตบโต๊ะพร้อมกับพูดขึ้นเสียง
ในขณะนั้นเอง หญิงสาวร่างสูงเรียวก็โผล่ออกมาจากฝูงชน ซึ่งดูแล้วอายุของเธอน่าจะสามสิบต้นๆ เธอสวมชุดกี่เพ้าโบราณพร้อมกับหุ่นรูปตัวเอสอันงดงามของเธอ
หญิงสาวในชุดกี่เพ้าพูดเบาๆ “ฮุยจื่อ พวกคุณถอยไปก่อน!”
รปภ.รีบหันมองไป เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดกี่เพ้าพวกเขาก็ก้มศีรษะทักทายและพูดด้วยความเคารพว่า “บอสครับ”
ใช่แล้ว! เธอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือเจ้าของบาร์แห่งนี้ สตรีผู้มีชื่อเสียงของเมืองจินชื่อว่าหลู่ซีซาน!
หลู่ซีซานพยักหน้าและสั่งอีกรอบ “เดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกคุณถอยไปก่อน!”
“คือว่า……”
หัวหน้ารปภ. รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยและพูดอย่างลังเลว่า “บอสครับ เขาคนนี้ละเมิดกฎที่บอสตั้งไว้ และเป็นฝ่ายหาเรื่องคนอื่นก่อน และ……”
“หุบปาก!”
โดยที่ไม่รอให้หัวหน้ารปภ. พูดจบหลู่ซีซานก็พูดแทรกขึ้นว่า “ขนาดนายน้อยคนที่สองที่มีชื่อเสียงของตระกูลเซวคุณยังไม่รู้จัก แล้วยังมีหน้ามายืนอยู่อีกงั้นเหรอ? อย่าว่าแต่ละเมิดกฎ ต่อให้เขายุบร้านเราทิ้งก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา!”
รปภ. ทั้งสิบคนถึงกับเงียบไป โดยเฉพาะหัวหน้ารปภ. ถึงกับตาค้างและไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ
ในเมื่องหลู่ซีซานก็พูดอย่างนี้แล้ว แปลว่าเซวฟู่ยี่ต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!
เมื่อเห็นพวกเขายังทำหน้าอึ้งอยู่กับที่ หลู่ซีซานก็ขมวดคิ้วและพูดซ้ำอีกรอบว่า “ยืนทื่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบขอโทษคุณชายรองตระกูลเซวอีก!”
เมื่อรปภ. ที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบตั้งสติและตะโกนกับเซวฟู่ยี่ว่า “คุณชายรองตระกูล ขอโทษครับ!”
ฉากนี้ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ และอดใจไม่ได้ที่จะกระซิบพูดคุยเกี่ยวกับสถานะตัวตนของเซวฟู่ยี่
สีหน้าของชายหัวโล้นก็เปลี่ยนไปทันที ต่อให้เขาจะโง่แค่ไหน เขาก็ต้องรู้ตัวว่าเหยียบหางเสือแล้ว
ไม่ใช่แค่ตัวเขาคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ชายผมทองที่ถูกเซวฟู่ยี่ตีหัวแตกก็แสดงสีหน้าตกใจ เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าเซวฟู่ยี่จะมีอำนาจใหญ่โตขนาดนี้ แม้แต่หลู่ซีซานที่หยิ่งผยองมาตลอดยังต้องเกรงใจเขา
เท่าที่รู้ ก่อนหน้านี้เคยมีผู้กำกับจากหน่วยงานตำรวจมาดื่มเหล้าที่นี่จนเมาและเผลอไปลวนลามพนักงานหญิง หลู่ซีซานก็สั่งให้คนจับเขาโยนออกไปจากร้าน แต่จากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับซันนี่เดย์เลยด้วยซ้ำ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ถึงภูมิหลังที่หนาแน่นของหลู่ซีซานคนนี้
เมื่อเห็นการแสดงออกของหลู่ซีซานในตอนนี้ แล้วเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
“ดิฉันหลู่ซีซาน เป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ ต้องขอความกรุณาจากคุณชายรองตระกูลเซว อย่าถือสาลูกน้องของดิฉันเลยนะคะ”
จนกระทั่งตอนนี้ หลู่ซีซานก็ก้มลงเพื่อแสดงความขอโทษกับเซวฟู่ยี่
“ผมไม่ถือสาพวกเขาหรอก”
เซวฟู่ยี่นั่งลงอีกครั้งและมองไปที่ชายหัวโล้นแล้วยิ้มพูดว่า “แต่พวกเขา……”
หลู่ซีซานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าควรทำยังไงต่อ เธอจึงหันหลังกลับไปแล้วพูดกับชายหัวโล้นอย่างเย็นชาว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างพวกคุณ กรุณาออกไปจากร้านเราเดี๋ยวนี้!”