TB:บทที่114 สมาคมแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ (1)

“ถ้านายไปเจอนังสารเลวหมินซีมาละก็ นั้นก็แปลว่านายเป็นศัตรูกับตระกูลคง” ในคำพูดของหญิงสาวคนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังหมินซี

เมื่อได้ยินถึงความเกลียดชังของหญิงสาวที่มีต่อหมินซี เฉินหลงก็ใช้ปัญญาและเดาได้ถึงตัวตนของหญิงสาวคนนี้ทันที

“นี่ผมกำลังพูดถึงใครกัน? งั้นคุณคงคือคงอี้เหยียนที่ช้ำใจเพราะพี่สี่ของตระกูลลั่วสินะ จริงๆแล้วผมคิดว่าพี่สี่ควรจะเสียใจเรื่องการแต่งงาน แต่ว่านะ คุณไม่สมควรได้ครอบครองเขาหรอก” เฉินหลงพยักหน้าไปด้วยพูดไปด้วย

“ไปตายซะ” หญิงสาวไม่ตอบคำถามของเฉินหลงแต่กลับตบเขาแทนด้วยความโกรธ

เฉินหลงเตรียมจับมือเธอในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง มือของทั้งสองผสานกันและจับมือครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการชดเชยกันและกันในเรื่องที่พูดไป

เมื่อเห็นว่าเฉินหลงยื่นมือมา แววตาของหญิงสาวกแสดงออกอย่างประหลาดใจ เพราะจากข้อมูลที่หามาบอกแค่ว่าพลังของเขาถีงระดับสูงสุดแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าพลังมาถึงระดับขอบเขตกำเนิดแล้วตอนนี้ และหญิงสาวก็ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเฉินหลง

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงไม่สนใจตระกูลคง แต่นายก็ไม่ควรประมาณตระกูลคงของพวกเราต่ำไปละ พลังของพวกเรานั้นมันมีเกินกว่าที่นายจะคิด ฉันหวังว่านายจะสามารถดูแลตัวเองได้นะ” พูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็จากไป

ทันทีผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพูดบางอย่าง แล้วต้องการตบหน้าเขาและจากนั้นก็จากไป ทั้งหมดนี้จึงทำให้เฉินหลงงุนงง

“ดูเหมือนว่าจะติดกับเข้าแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เข้าไปพัวพันกับตระกูลซ่งแล้วตอนนี้ยังมีตระกูลคงอีก ฉันไม่รู้แล้ว่าจะมีตระกูลไหนอีกที่ต้องไปเกียวข้อง แต่ยังไงฉันก็เกิดมาบนโลกแล้ว ไม่ง่ายที่เลยที่จะแกล้งตัวเอง” หลังจากที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ เฉินหลงดูไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัว

สองวันถัดมา เฉินหลงก็ได้คิดถึงเรื่องตระกูลคงว่าคงต้องพบกับปัญหาที่ตัวเองก่อต่อไป แต่คิดว่าเรื่องมันจะเงียบขนาดนี้

เฉินหลงเดาว่าผู้หญิงคนนี้คือคงอี้เหยียน ที่ผ่านมาพลังของเธอไม่ได้สูงขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะความไร้ปราณีของเธอ พลังของเธอถึงได้ถึงระดับขอบเขตกำเนิด อย่างไรก็ตามมันเป็นความตั้งใจของเธออยู่แล้วที่จะมาหาเรื่องเฉินหลงและตระกูลคงก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้

แต่สุดท้ายชื่อของเฉินหลงก็แพร่ไปถึงตระกูลที่ยิ่งใหญ่เมืองหลวงนี้ ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์นี้ มันเหมือนเป็นขนมผังที่หอมกรุ่นสำหรับตระกูลที่ยิ่งใหญ่และตระกูลคงก็คิดว่าเฉินหลงเป็นเช่นนั้นด้วยแล้วจะเกิดความบาดหมางได้อย่างไร หากพวกเขายังไม่มีเวลาที่จะทำความรู้จักกันเลย

ความตั้งใจแต่แรกของคงอี้เหยียนนั้นก็แค่จะขู่เฉินหลงเพราะเธอไม่คิดว่าเฉินหลงจะปากกล้าจนทำให้เธออารมณ์ไม่ดีได้

หลังจากที่เฉินหลงกำลังไม่มีทางเลือกเธอจึงใช้โอกาสหนีไป แน่นอนว่าเธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับครอบครัวเธอ ดังนั้นจึงย่อมไม่เกิดเรื่องตามมา แต่อย่างไรก็ตามคงอี้เหยียนก็รู้ว่าพลังของเฉินหลงสามารถเป็นภัยคุกคามกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่ช้าก็เร็วและอาจมีการแสดงดีๆให้ดูด้วย

ตระกูลจะไม่ได้มาหาเรื่องให้ตัวเอง แต่ลู่เซียงก็ได้มาที่หน้าประตูอีกครั้ง

“อาจารย์ วันนั้นไปไหนมาคะ? หนูติดต่ออาจารย์ไม่ได้เลย ไม่รู้หรอคะว่ามีคนเป็นห่วงเยอะขนาดไหน”

ลู่เชียงพูดด้วยน้ำเสียงแสร้งทำออดอ้อน “หนูเป็นเด็กดีนะคะ”

“ไม่ ไม่ ใครเป็นอาจารย์เธอ” เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เชียง เฉินหลงก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น พลังของชายหนุ่มที่แข็งแกร่งยังไม่สามารถต้านทานไว้ได้เลย

“อาจารย์ อาจารย์กลัวอะไรอยู่คะ? ลูกศิษย์ไม่กินอาจารย์หรอกคะ” ลู่เชียงติดต่ออยู่กับเฉินหลงมาเป็นเวลานานแล้ว เธอจึงได้พบจุดอ่อนของเฉินหลงนั้นก็คือเขายังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังบริสุทธิ์ ดังนั้นเราควรใช้เหตุผลให้คุ้มค่า

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยชินกับการพูดแบบนี้ แต่เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมาย เธอจึงต้องทำ

เฉินหลงมองลู่เชียงโดยที่ไม่พูดอะไร ท่าทางและคำพูดที่หญิงสาวแสดงออกมาชัดเจนว่าเธอไม่ได้เจตนา ดังนั้น เขาจึงไม่ได้จะตอบกลับ

“ลู่เชียง เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะโดนแกล้งได้ง่ายๆหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเสี่ยวเหวินไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันจะจับเธอกินซะ อย่าลมนะว่าฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายทั่วไปที่ยังมีความต้องการอยู่” พูดจบเฉินหลงก็ตบไปที่สะโพกลู่เชียงเบาๆ

ในเวลานี้ ฮ่าวซื่อเหวินเพียงทำเป็นว่ามองไม่เห็น

ทันทีที่ลู่เชียงถูกเฉินหลงตบไปที่ก้น หน้าก็เธอก็แดงและถอยห่างจากเฉินหลงทันที ถึงคำพูดของลู่เชียงจะดูชัดเจนว่าเป็นแค่การพูดแกล้งหยอกเฉินหลง แต่ตอนนี้เฉินหลงตอบโต้เธอกลับอย่างแรงและทำให้เธอต้องแพ้ในครั้งนี้

เมื่อเห็นท่าทางของลู่เชียงที่เหมือนกับแกะที่กำลังหวาดกลัว เฉินหลงก็หัวเราะขึ้นมาทันที เขาไม่ได้เพียงแค่โต้กลับแรงๆนะ แต่ยังได้เอาเปรียบอีกด้วย ดี ดี

“เฉินหลง พวกเรามีประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการในวันมะรืนนี้นะ โปรดไปเข้าร่วมกับฉันพรุ่งนี้ด้วย” เมื่อเห็นเฉินหลงทำตัวแบบนี้ ในใจของลู่เชียงนั้นรู้โกรธเขาเอามากๆ เธออยากจะออกไปจากตรงนี้ทันทีเสียจริง แต่เธอทำได้เพียงพูดด้วยสีหน้าเย็นชากับเขาเมื่อนึกได้ถึงเหตุผลที่เธอมาในวันนี้

“ไม่” เฉินหลงปฏิเสธเพราะเขาไม่ต้องการที่จะไป

ทำไมฉันต้องไป เพราะคุณไม่ใช่คนของฉัน นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนทางวิชาการแล้ว คุณก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย เดิมทีเฉินหลงได้คิดเรื่องนี้แต่แรกแล้วก่อนที่จะปฏิเสธไปและตอนนี้ลู่เชียงก็ดูท่าทางไม่พอใจมาก

แต่กระนั้น อยู่ๆเธอปากหวานและใช้น้ำเสียงที่น่ายั่วโมโหกับเขาอย่างไม่คาดคิด เธอจับแขนของเฉินหลงแล้วแกว่งไปมาซ้ายขวา

“พี่หลง พี่จะไปกับตระกูลลู่ไหม ตราบใดที่พี่ไปกับตระกูลลู่ ตระกูลลู่ก็จะทำทุกอย่างตามที่พี่ต้องการ” เมื่อเห็นท่าทางของลู่เชียง ฮ่าวซื่อเหวินก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง มันจำเป็นมากเลยหรอที่จะต้องเชิญเฉินหลงไปงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการวันมะรืนนี้ด้วย?

“เอาละ ฉันจะไป ฉันจะไป” ตอนที่ลู่เชียงแกว่งแขนเฉินหลงไปมาและเธอก็ทำท่างเหมือนจะตั้งใจและไม่ตั้งใจที่จะปล่อยให้แขนของเฉินหลงมาโดนหน้าอกเธอซึ่งนั้นทำให้ชายหนุ่มเลือดบริสุทธิ์อย่างเฉินหลงเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้และอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยไปกับเธอ

เมื่อได้รับความยินยอมจากเฉินหลง สีหน้าของลู่เชียงก็แสดงออกอย่างผู้ชนะและพูดกับเฉินหลงต่อว่า

“ห้ามกลับคำละ” เฉินหลงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่เฉินหลงตกลง ลู่เชียงและฮ่าวซื่อเหวินก็เตรียมพร้อมที่จะออกไป

เมื่อเฉินหลงมาส่งพวกเขาถึงหน้าประตู เขาก็ได้กระซิบข้างหูลู่เชียงว่า

“เธอควรจำสิ่งที่เธอพูดไว้ด้วยนะว่าเธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ฉันสั่งให้เธอทำ ครั้งหน้า ฉันจะลองดู” พูดจบ เฉินหลงก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายให้ลู่เชียง

ทันทีที่เฉินหลงพูดจบ ลู่เชียงที่อารมณ์ดีอยู่ๆก็เหมือนถูกกลับมาทำให้อารมณ์เสีย

เมื่อพวกเขาทั้งคู่ได้ขึ้นรถแล้ว เฉินหลงได้โบกมือและยิ้มให้ทั้งคู่

สองวันต่อมา เฉินหลงได้ตามลู่เชียงไปเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เดิมทีเฉินหลงคิดว่ามันคงเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างโรงเรียน แต่เขากลับไม่คาดคิดว่านี้จะเป็นถึงระดับนานาชาติ  ที่ลู่เชียงเข้าร่วมการประชุมนี้ได้ด้วยอาจารย์ของเธอ

อาจารย์ของลู่เชียงเป็นชายวัยเพียง 30 ผมของเขาถูกหวีอย่างเรียบร้อยพร้อมกับสวมแว่นตา หนวดตรงบริเวณริมฝีปากและคางของเขาถูกเล็มอย่างดีแถมมีเคราที่ดูดี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวลำลองและสวมรองเท้าลำลอง เขาดูอบอุ่นและดูเป็นทางการและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าจงเหอ เขาอายุ 35 ปี เป็นอาจารย์อยู่วิทยาลัยการแพทย์ ด้วยความรู้และเสน่ห์ของเขา เขาจึงถูกยกย่องให้เป็นยูโรปา “Europa”ที่เป็นชายหนุ่ม ในวิทยาลัยการแพทย์ เพราะว่าเขายังโสดและได้รับความชื่นชอบจากสาวๆมากมาย แน่นอนว่าต่อหน้าคนอื่นๆ เขาเป็นเพียงอาจารย์คนนึงและเขาก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วย