เปาชิงเหอ พูดกับอ๋องฉีและฉู่เหวินเจี๋ยอย่างนอบน้อมว่า “ท่านอ๋อง ท่านแม่ทัพใหญ่ เชิญเข้าไปนั่งในที่ประจำการก่อนขอรับ”
อ๋องฉีพูด “ไม่เป็นไร ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ”
ฉู่เหวินเจี๋ยก็เปิดปาก “ในค่ายทหารก็ยังมีธุระ ข้าเห็นควรจะต้องกลับไปเช่นกัน”
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปาก “เสด็จพ่อ ท่านน้า พวกท่านคอยก่อน ข้ามีเรื่องต้องปรึกษาพวกท่านขอรับ”
ทั้งสองคนมองไปที่เขา
“ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุยกัน เข้าไปคุยในโรงงานเถิดเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“เช่นนั้น ข้าน้อยกลับที่ประจำการก่อนนะขอรับ” เปาชิงเหอพูด
“ข้าพาพวกคนบาดเจ็บเหล่านี้กลับไปเลยแล้วกัน” เหวินซื่อพูดด้วย
ทั้งสองคนพยักหน้า
ทุกคนแยกย้ายกันไป ผู้บัญชาการโต้วให้คนกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งลาดตระเวนบริเวณประตูโรงงาน ที่เหลือก็ตามเขาไปตรวจความเรียบร้อยในเมืองตอนเหนือ แต่ละคนเข้าไปในห้องของโรงงานที่สำหรับรับแขกโดยเฉพาะ และนั่งลงเรียบร้อย เสี่ยวซือสังเกตได้ จึงรินน้ำชาและยกเข้ามาวาง จากนั้นก็ถอยออกไปอย่างนอบน้อม
เมิ่งเชี่ยนโยวนำเงินแปดหมื่นตำลึงออกมาวางไว้บนโต๊ะ หวงฝู่อี้เซวียนพูด “เสด็จพ่อ ท่านน้า ข้ากับโยวเอ๋อร์ปรึกษากันแล้วว่า เงินแปดหมื่นตำลึงนี้ เมื่อหักค่ายารักษาพวกนายทหารและค่ารางวัลสำหรับนายทหารทุกคนคนละยี่สิบตำลึงออกแล้ว ที่เหลือจะมอบให้แก่ท่านน้า เพื่อให้เหล่าทหารแม่ทัพได้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นขอรับ”
อ๋องฉีคิดตรองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วพยักหน้า “ความคิดนี้ดีอย่างยิ่ง ถ้าหากแม่นางเมิ่งเก็บเอาไว้แปดหมื่นตำลึงล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกโหวปั๋วสี่คนนั้นรู้สึกไม่พอใจ แม้แต่เสด็จพี่จะต้องคิดว่านางเป็นคนโลภมากเกินไป หากนำเงินให้แก่แม่ทัพเพื่อการใช้สอยเช่นนี้แล้ว แม้ว่าในใจของพวกเขาจะแค้นเคือง แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก”
แม้ว่าทรัพยาการในค่ายทหารจะไม่ขาดแคลน แต่มีเงินเพิ่มขึ้นไม่กี่ตำลึง ก็สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในค่ายทหารได้บ้าง ฉู่เหวินเจี๋ยจึงไม่ปฏิเสธ และพยักหน้า “เช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
เรื่องก็ได้ตกลงกันเช่นนี้
อ๋องฉีกับฉู่เหวินเจี๋ยเดินออกจากโรงงาน คนหนึ่งกลับจวนอ๋องฉีไป ส่วนอีกคนกลับค่ายทหารไป
เมิ่งเชี่ยนโยวไปเดินสำรวจที่โรงงานกุนเชียงรอบหนึ่ง แล้วนำเรื่องรางวัลตอบแทนที่จะมอบให้แก่ทุกคนยี่สิบตำลึงบอกให้ทุกคนฟัง พวกนายทหารส่งเสียงร้องอย่างปิติยินดีนั้นเป็นธรรมดา แต่แม้แต่หวงฝู่อวี้ก็ดีใจกระโดดโลดเต้นไปด้วย
หวงฝู่อี้เซวียนย่อมไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ จึงจัดแจงให้คนไปป่าวประกาศให้ทั่ว ทำให้ผู้คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าเงินลงโทษแปดหมื่นตำลึงเกือบทั้งหมดมอบให้แก่ค่ายทหาร ฮ่องเต้ก็ได้ยินแล้วเช่นกัน ในใจก็รู้จักเมิ่งเชี่ยนโยวอีกขั้นหนึ่ง
ทว่า มหาเสนาบดีที่อยู่ภายในจวนได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้กลับโกรธจนเขวี้ยงแก้วชาแตกกระจาย พูดด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชังว่า “หวงฝู่จิ้ง เรื่องนี้ พวกเรายังไม่จบหรอก”
แม้แต่คุณชายทั้งสี่ของจวนโหวและปั๋วล้วนขอโทษเมิ่งเชี่ยนโยวต่อหน้าผู้คน คนในเมืองหลวงยิ่งไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องที่โรงงานนั้นอีก
ทุกอย่างก็สงบสุขลง
ย่างเข้าตรุษจีนแล้ว การค้าของแต่ละที่คึกคักเป็นอย่างมาก เซี่ยเจียงเฟิงมาที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง พอเห็นกุนเชียงที่กักตุนไว้มากมายเช่นนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบบอกว่าจะขนทั้งหมดไปที่ร้านของตัวเอง
ในร้านบะหมี่มันฝรั่งก็ยุ่งกันหัวหมุน เมิ่งอี้ยุ่งจนถึงดึก ด้วยความที่กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของครอบครัวท่านราชครู จึงกลับมาอาศัยที่บ้าน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกิจการของร้านผ้าไหมทั้งสองแห่ง พนักงานในร้านต่างยุ่งจนเท้าไม่อยู่กับที่ทุกวัน
เถ้าแก่เหลาจวี้เสียนและเถ้าแก่ร้านบะหมี่มันฝรั่งของแต่ละที่ ก็เร่งพากันนำบัญชีไปรายงานผลงานประจำปีของร้านตัวเองที่เมืองหลวง
เมิ่งเชี่ยนโยวยุ่งอยู่กับการต้อนรับพวกเขา และตรวจสอบบัญชีทีละราย หวงฝู่อี้เซวียนไม่ต้องออกว่างานราชการนอกเมือง จึงมาช่วยทุกวัน เมื่อตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็แจกจ่ายเงินปันผลให้แต่ละคน
หลังจากมอบเงินให้แก่เถ้าแก่เหลาจวี้เสียนและเถ้าแก่ร้านบะหมี่มันฝรั่งทุกคนไปแล้ว ทั้งสองคนก็คำนวณบัญชีของกิจการจวนอ๋องอีกรอบหนึ่ง
เพียงพริบตาเดียววันเวลาก็มาล่วงเลยมาถึงวันที่ยี่สิบหกของเดือนสิบสองตามปีจันทรคติ ซึ่งเป็นวันที่โรงงานหยุดพักผ่อน
ในเวลาเช้าตรู่ เมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสองคนรับประทานข้าวเช้าเสร็จ ก็นั่งรถม้าของตัวเองมาถึงโรงงาน
วันนี้โรงงานก็ได้หยุดงานแล้ว คนงานทั้งหมดในวันนี้ล้วนมาเพื่อรับเงินค่าจ้าง
พวกคนงานมากันแต่เช้า เสี่ยวซือเปิดโรงงาน ให้พวกเขามารอด้านใน
หลังจากทั้งสองคนถึงแล้ว และเดินเข้าไปในโรงงาน ก็สั่งให้พวกทหารรักษาการณ์ขนของที่จะเตรียมมอบให้แก่คนงานเป็นของขวัญวันตรุษจีนลงมา ซึ่งมีเนื้อและผ้า
คนงานที่กำลังรออยู่เห็นของเหล่านี้ ก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นทันที
เมิ่งฉีโบกมือขึ้น กลุ่มคนที่พูดจาเอะอะกันอยู่ก็เงียบลง และมองไปที่เขาทั้งหมด เมิ่งฉีพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โรงงานจะหยุดทำการเนื่องในวันตรุษจีน และจะเริ่มงานอีกครั้งในวันที่ยี่สิบของต้นเดือนหน้า หวังว่าถึงตอนนั้นทุกคนจะมาเข้างานตรงต่อเวลา”
หยุดงานยี่สิบกว่าวัน พวกคนงานทั้งดีใจและกังวล ดีใจที่เป็นเวลานานขนาดนี้ ก็สามารถฉลองตรุษจีนได้อย่างสบายใจ แต่กังวลที่ยี่สิบกว่าวันนี้จะไม่ได้รับเงินค่าแรง
เมิ่งฉีชี้ไปที่เนื้อและวัสดุผ้าพร้อมพูดว่า “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ทุกต่างลำบากกันมาก พวกเราจึงเตรียมเนื้อสองจิน[1]และวัสดุสำหรับทำเสื้อผ้าชุดหนึ่ง เป็นรางวัลที่พวกเจ้าทำงานทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อย ประเดี๋ยวรับค่าแรงและรางวัลแล้ว ทุกคนก็สามารถกลับบ้านได้”
ผู้คนต่างรู้สึกยินดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาที่ได้ค่าแรง แล้วยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอให้เสี่ยวซือเรียกชื่อคนไปรับค่าแรงและรางวัล
กลุ่มแรกเป็นพวกผู้หญิงที่ทำโรงงานบะหมี่มันฝรั่งและทำข้าวปลาอาหาร เมื่อรับค่าแรงและรางวัลด้วยความดีอกดีใจ ก็กลับบ้านไปอย่างสุขใจ
ที่เหลือก็คือทหารที่บาดเจ็บพิการพวกนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับทุกคนต่อว่า “วันนี้นอกจากจะให้ค่าแรงและรางวัลแก่พวกเจ้าแล้ว ครั้งก่อนที่พูดว่าทุกคนได้รับค่าทำขวัญยี่สิบตำลึงก็จะจ่ายให้พร้อมกัน พวกเจ้าไม่มีครอบครัว และนี่ก็เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ขอให้เงินเหล่านี้เมื่อไปอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว จะไม่ทำให้พวกเจ้าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย”
นายทหารผ่านศึกเหล่านี้ยังเป็นวัยรุ่นที่มีพลัง และยังไม่มีครอบครัว ตอนนี้ออกจากกองทัพแล้ว ไม่มีคนควบคุมดูแล หลังจากได้เงินแล้ว ก็เลี่ยงได้ไม่ที่จะออกไปดื่มสุราเคล้านารี ไปทำความประพฤติที่ไม่ชอบไม่ควร เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็เพื่อเตือนสติพวกเขา
พวกทหารก็ย่อมเข้าใจความหมายของนาง และรับปากตามๆ กัน “นายหญิง ท่านวางใจเถิด พวกข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เป็นเช่นนี้ก็ดีมาก ถ้าหากหลังจากตรุษจีน ข้าได้ยินว่ามีใครทำเรื่องเช่นนี้แล้วล่ะก็ ข้าจะไม่ปล่อยคนนั้นเอาไว้แน่”
[1] จิน หน่วยวัดน้ำหนักเรียกว่า ชั่ง (ประมาณ 500 กรัม)