บทที่447

ผู้แปล : N.

นิคมอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคใต้ เส้นทางระหว่างโรงงานของบริษัทลู่เทคโนโลยีสองแห่งได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยที่ถนนสายนี้ได้ถูกออกแบบให้เป็นถนนเส้นแรกที่มีการติดตั้งตัวอุปกรณ์ลอยตัวของแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่เทคโนโลยีพื้นฐานที่จำเป็นนั้นได้ถูกติดตั้งเอาไว้แล้ว

“ประธานลู!” ที่ฐานทดสอบแม่เหล็กลอยตัว พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็พูดทักทายลูชินด้วยความเคารพ

“ อืม!” ลูชินทำเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนที่เขาจะหันไปทางเซียวไบแล้วพูดออกมาว่า “ แล้วรถแม่เหล็กล่ะ?”

วันนี้เซี่ยวไบได้สวมสูทอย่างเป็นทางการ ด้วยความสูงหนึ่งเมตรแปดสิบ มันจึงทำให้มันกลายเป็นคนที่สะดุดตาได้ง่ายๆ

“มันรอประธานอยู่แล้วครับ!” เซียวไบได้หลับตาลงแล้วเริ่มนับ: “สาม, สอง, หนึ่ง! มาได้เลย!”

หลังจากที่ประโยคนี้จบ บนถนนก็ได้มีรถแล่นมาจากโรงจอดทันที ซึ่งระหว่างที่มันเคลื่อนตัวมาทางลูชินั้น ก็ได้มีการแสดงศักยภาพต่างๆออกมาเกิดนความจำเป็น อย่างเช่น การเปิดเพลงเสียงดัง การเล่นแสงสีต่างๆ ซึ่งมันทำให้ตัวรถเหมือนจะกลายเป็นฉากคอนเสิร์ตย่อยๆเลยก็ว่าได้!

“ฉันเข้าใจว่าตัวฉันนั้นยังมีชีวิตอยู่”

“โอ้เย่, โอ้เย่”

“ฉันรักเธอที่สุดเลย … “

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนร้องเพลงนี้เป็นใคร!

ลูชินพยายามไม่สนใจเสียงเพลงที่กำลังดังออกมาอยู่ตอนนี้ เขาพยายามเพ่งสมาธิไปยังรถที่อยู่ตรงหน้าของเขาแทน

รถยนต์แม่เหล็กได้ลอยอยู่บนพื้นผิวถนนด้วยแรงเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็กและแรงเสียดทาน ซึ่งเขาสังเกตได้ว่ามันเป็นการเคลื่อนที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก

ตัวถังรถเองก็ได้มีการออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่บนถนนพิเศษนี้ได้ง่ายมากขึ้น

ภายในตัวรถเองก็ได้ทำการติดตั้งระบบไร้คนขับเอาไว้ ส่งผลให้พื้นที่ในตัวรถนั้นมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ทั่วไป ซึ่งมันสามารถวางโซฟาขนาดมาตรฐานหรือแม้กระทั่งนำเตียงพับขนาดกลางเอาไว้ได้

นอกจากนี้ยานพาหนะที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดนั้นสามารถควบคุมได้ผ่านอุปกรณ์มือถือของบริษัทลู่เทคโนโลยีทั้งหมด  และเมื่อผู้ขับได้ใช้เปิดใช้ระบบไร้คนขับ ผู้ขับขี่สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ทันทีระหว่างขอให้ตัวรถขับเคลื่อนไปยังเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูโรงภาพยนตร์ เล่นเกมมือถือ ฯลฯ

หลังจากยานพาหนะแม่เหล็กลอยตัวขึ้น มันก็ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งเอาไว้บนถนนทันที ไม่เพียงแต่ระบบจะเสถียรเท่านั้น แต่ความเร็วที่มันทำได้นั้นยังไปถึงจุดที่น่าอัศจรรย์อีกด้วย และด้วยการปรับและควบคุมความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะ มันจึงทำให้อุบัติเหตุบนท้องถนนได้ลดลง

รถยนต์ได้ลงจอดอยู่ด้านหน้าของลูชินอย่างช้าๆ ก่อนที่จะปรากฏภาพของพนักงานต้อนรับผู้หญิงที่สวยงามและยิ้มให้เขา : “สวัสดีค่ะคุณลู! ยินดีต้อนรับสู่รถยนต์แม่เหล็กไฟฟ้า รุ่น’m-001′

หลังจากที่เสียงนี้จบลง ประตูก็ได้เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ลูชินและคนที่เขาเรียกมาจะเข้าไปนั่งด้วยกัน โดยที่คนที่ลูชินเรียกมาร่วมในการทดสอบครั้งนี้ก็คือ วังถังและโรเบิร์ต รองประธานในบริษัทคู่ค้าของบริษัทลู่เทคโนโลยี

ในส่วนของตำแหน่งปัจจุบันของวังถังนั้นคือประธานและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยี

ในขณะที่โรเบิร์ตนั้นเป็นชาวอเมริกันที่มีเคราเล็กๆไว้บนหน้าของเขา และเขาเป็นที่รู้จักกันดีในอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก เขาได้รับการคัดเลือกจากลูชินโดยตรงให้มาสัมผัสประสบการรถยนต์ลอยตัวนี้เป็นคนแรกๆ

ก่อนการปรากฏตัวของรถยนต์แม่เหล็กไฟฟ้านี้ ทั้งสองคนต่างก็มีข้อสงสัยมากมาย แต่เมื่อพวกเขาเห็นมันจริงๆแล้วข้อสงสัยก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเขาได้หายไปทันที ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงแทน

“ มันลอยได้จริงๆ!” โรเบิร์ตได้อุทานออกมา “ รู้สึกว่ามันจะขับได้นุ่มนวลกว่ารถโรสลอยด์เสียอีก”

“ทำไมโมเดลรถตัวนี้ถึงได้ออกมาเร็วขนาดนี้?” วังถังไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ผมคิดว่ามันต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีหรือสองปีเสียอีกกว่าที่ตัวรถรุ่นแรกจะออกมา”

ในช่วงเวลานี้เองตัวรถก็ได้ลอยขึ้นจากพื้นช้าๆ ซึ่งระหว่างการลอยขึ้นนี้เองก็ไม่ได้ทำให้ตัวรถสั่นแต่อย่างใด

ภายในรถพนักงานต้อนรับยังคงทำหน้าที่ที่ได้ตั้งเอาไว้เป็นอย่างดี เธอได้แนะนำฟังก์ชั่นต่างๆที่ถูกติดตั้งเอา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าระบบต่างๆนั้นยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็อยู่ห่างจากความสมบรูณ์ไม่ไกลแล้ว

และภายในสามนาทีหลังจากนั้น พนักงานต้อนรับได้พูดออกมาว่า : “ผู้โดยสารที่รัก! ตอนนี้เราได้มาถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“เร็วมาก!” วังถังได้มองไปที่นาฬิกาของเขา ก่อนที่เขาจะตาเบิกกว้างขึ้น “สามนาที! เราขับรถจากที่ฐานนี้ ไปอีกฐานหนึ่ง อย่างน้อยมันต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง?”

“ถ้าจะพูดให้ชัดๆก็คือ 35 นาที ” ลูชินได้ตอบกลับมายิ้มๆ

“การเดินทางปกติที่ต้องใช้เวลาถึง 35 นาที แต่เมื่อเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้า กับใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น!… ” วังถังยังคงพูดต่อว่า “ถ้ามันเป็นระยะทางไกลกว่านี้ มันคงสามารถเห็นข้อเปรียบเทียบได้ชัดเจนมากกว่านี้! “

“ความเร็วที่มันใช้ยังไม่ถือว่าเป็นความเร็วที่เร็วที่สุดที่มันจะทำได้ แต่ก็ถือว่าเป็นความเร็วที่ไม่เลวเลยว่าไหม?!” ลูชินได้ตอบกลับไปยิ้มๆ “เอาละคุณโรเบิร์ต! ตอนนี้คุณคิดยังไงกับการร่วมลงทุนในโครงการนี้ของเรา??”

นี่มันเป็นการลงทุนที่คุ่มค่าอย่างมาก! โรเบิร์ตถึงกับอุทานออกมา “มันสุดยอดมาก! ถ้าผมสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในถนนในแคลิฟอร์เนีย… มันจะต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมาก!”

“ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องการส่งเสริมการพัฒนาโครงการรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนโดยแม่เหล็กนี้ยังไงละ!” ลูชินได้ตอบกลับมาแบบยิ้มๆ “แต่พวกรัฐบาลต่างๆกับไม่คิดแบบนั้น พวกเขาต่างเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นการทำลายระบบทุนนิยมที่พวกเขามีอยู่ไป!”

“ซึ่งผมต้องบอกว่าเรื่องที่พวกเขาต่างก็กังวลนั้นเป็นอะไรที่ไร้สาระเป็นอย่างมาก! เพราะยังไงไอ้เรื่องการล้มลงของระบบทุนนิยมนั้นมันก็ต้องเกิดอยู่แล้ว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราทำเลย”

“ผมเข้าใจแล้ว!” ในตอนแรกโรเบิร์ตนั้นไม่เข้าในความคิดของชายตรงหน้าเลย เขาไม่รู้ว่าทำไมชายที่รวยอยู่แล้วอย่างลูชินถึงต้องพยายามพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆขึ้นมาอีก ทำไมเขาถึงไม่มุงเน้นพัฒนาเทคโนโลยีเดิมที่เขามีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นไป

เพราะจากมุมมองของนายทุนแล้ว การลงทุนเงินจำนวนมากในโครงการที่ไม่แน่นอนและยากมากนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด

แต่จากการที่เขาได้มาสัมผัสกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กนี้โดยตรง มันก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปทันที และหลังจากที่เขาได้ฟังทัศนคติของชายตรงหน้าแล้ว มันก็ทำให้เขานับถือมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กไฟฟ้านั้น ไม่เพียงแต่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่มันยังเป็นการแสดงให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่มนุษย์เรานั้นสามารถทำได้อีกด้วย! ดังนั้นสำหรับเขาแล้วโครงการนี้มันคุ้มค่าที่จะลงทุนเป็นอย่างมาก

พวกเขาได้กลับไปที่ตำแหน่งก่อนหน้านี้โดยรถยนต์แม่เหล็กไฟฟ้า และพวกนักพัฒนากำลังรอพวกเขาอยู่

“ประธานลู! เป็นยังไงบ้างครับ?” เจียงซุนได้เข้ามาถามลูชินอย่างคาดหวังหวังทันที ที่เขาเห็นรถลงจอด

“มันใช้ได้เลย!” ลูชินได้พูดเพียงประโยคเดียว และนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นยิ้มขึ้นได้

“นี่คือรถที่ดีที่สุดที่ผมเคยพบมาเลย! แต่ถ้าพวกคุณออกแบบมันให้คล้ายกับแผ่นดิสก์อีกนิด มันคงจะทำให้น่าตื่นเต้นขึ้นอย่างแน่นอน” วังถึงได้พูดล้อเล่นออกมา และนั้นทำให้ทุกคนต่างก็หัวเราะกับมุขตลกของเขา