เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเขาออกไปที่ประตู จนเห็นเขานั่งรถม้าออกไปไกลแล้ว ขณะที่เพิ่งจะหันกายเดินกลับเข้าจวน ก็เห็นรถม้าเคลื่อนมาแต่ไกล จึงหยุดฝีเท้าลง

 

 

รถม้าหยุดลง เมิ่งอี้กับโจวอิ๋งพาหงเอ๋อร์ลงจากรถม้า

 

 

เห็นนางยืนอยู่ที่ประตู หงเอ๋อร์ยื่นแขนเล็กๆ ออก และร้องเรียก “กูกู[1]” แล้ววิ่งถลันเข้าไปหานาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวลง โอบหงเอ๋อร์ที่กำลังวิ่งมาตรงหน้าอุ้มขึ้นและแกว่งไปมา เสียงหัวเราะที่ใสแจ๋วของหงเอ๋อร์ดังขึ้น

 

 

โจวอิ๋งพูดอย่างยิ้มแย้ม “พวกเราคิดว่าค่อยมารวมตัวกับพวกเจ้าในวันพรุ่งนี้เช้า แต่พอหงเอ๋อร์ได้ยินว่าจะกลับบ้าน ก็ดีอกดีใจ บ่นว่าอยากจะมาให้ได้ ข้าเห็นเขาตื่นเต้นอย่างมาก ก็เลยตามใจเขา จึงมาตั้งแต่คืนนี้”

 

 

“ข้างนอกอากาศหนาว เข้ามาข้างในก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เมิ่งอี้รับคำ สั่งคนรถจวนโจวให้นำรถม้ากลับไป

 

 

หงเอ๋อร์ลงมาจากอ้อมอกของเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวจูงมือน้อยๆ ของนาง เดินเข้ามาในจวนพร้อมกันทุกคน ไปยังเรือนที่เมิ่งอี้พักอาศัยเป็นประจำ แล้วนั่งลงเรียบร้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง ทุกวันก็ยุ่งกับการทำงานเสียจนไม่มีเวลาว่างไปเยี่ยมท่านราชครูและฮูหยินโจวเลย พวกเขาสบายดีใช่หรือไม่”

 

 

“ร่างกายของท่านปู่แข็งแรงและกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก พ่อกับลุงสอง ทั้งว่างและไม่มีอะไรต้องคิดคำนวณ จึงอารมณ์ดีมาก ต้องลำบากน้องโยวเอ๋อร์ที่นึกถึงเสียแล้ว” โจวอิ๋งพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือปัด “ซ้อพูดเช่นนี้ก็เป็นการตบหน้าข้าแล้ว ตรุษจีนที่ผ่านมาข้าไม่มีเวลาไปเยี่ยมท่านราชครูเลย เป็นการเสียมารยาทอย่างแท้จริง รอผ่านพ้นตรุษจีนไปก่อน หลังจากกลับมา เรื่องแรกที่จะทำก็คือไปเยี่ยมพวกเขา”

 

 

พูดจบ ก็ประเมินดูโจวอิ๋งด้วยสายตาครู่หนึ่ง พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ไม่ว่าอย่างไร เมืองหลวงก็มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าจริงๆ ไม่ได้เจอกันช่วงหนึ่ง เหตุใดข้ารู้สึกว่าซ้อดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ ราวกับอ่อนวัยลงหลายปี” พูดจบก็ถามเมิ่งอี้ “พี่เมิ่งอี้ พี่เห็นด้วยหรือไม่”

 

 

เมิ่งอี้ไม่ได้ตอบ ส่ายศีรษะยิ้มแหะๆ

 

 

โจวอิ๋งหน้าแดง พูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าล้อซ้อของเจ้าอีกแล้ว มีใครที่ไหนที่นับวันยิ่งเด็กลงล่ะ”

 

 

พวกเขาคุยกันสักพัก ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรีบเดินทาง เมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องไปพัก วันที่สองเช้าตรู่ แม่ครัวและสาวใช้ตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้า ทุกคนรับประทานเสร็จแล้ว กัวเฟยและเหล่าทหารรักษาการณ์ก็ได้ประกอบรถม้าและจัดแจงของทั้งหมดเรียบร้อย แล้วออกไปนอกจวนเพื่อรอให้เหวินเปียวพาพี่น้องของเขามา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งครอบครัวของแม่ครัวและสาวใช้ทั้งสาม “จวนนี้มอบให้แก่พวกเจ้าแล้ว หลายวันนี้พวกข้าไม่อยู่ พวกเจ้าก็พักผ่อนให้สบายเสียหน่อย”

 

 

แต่ละคนรับคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้แล้วออกมาแจกให้แต่ละคน แม้แต่ลูกชายของแม่ครัวก็ได้รับ “ตรุษจีนแล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ นะ”

 

 

ทุกคนขอบคุณอย่างยินดี พร้อมกับรับประกันว่าจะดูแลบ้านเป็นอย่างดี

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกนอกประตูไป จนเวลาล่วงเลยไปประมาณสิบห้านาที ถึงจะเห็นเหวินเปียวกับเหวินหู่พาเหล่าพี่น้องในสำนักคุ้มกันภัยสาวเท้าวิ่งมาอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตรงหน้าของเมิ่งเชี่ยวโยว ก็หยุดและหายใจหอบเฮือกๆ พูดอย่างขออภัย “นายหญิง พวกเรามาสายแล้ว”

 

 

“ไม่สาย กำลังพอดีเลย พวกเจ้าไปพักสักหน่อย พวกเราจะออกเดินทางในอีกไม่ช้า”

 

 

ทุกคนโบกมือขึ้นปฏิเสธ พากันพูดว่า “ไม่ต้องหรอกขอรับ พวกเราไม่เป็นไร ออกเดินทางกันเถอะ”

 

 

“ก็ได้ พวกเจ้านั่งรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั่น ภายในรถม้าแต่ละคันได้เตรียมอาหารแห้งและน้ำเอาไว้แล้ว วันนี้วันที่ยี่สิบเจ็ดแล้ว ห่างจากวันฉลองตรุษจีนเพียงสามวัน พวกเราไม่กล้าล่าช้าระหว่างเดินทางอีก และพยายามถึงบ้านภายในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นให้ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

ทุกคนรับคำ ไปยังรถม้าด้านหลัง มีบางคนเป็นคนคุมรถม้า ส่วนที่เหลือก็เข้าไปนั่งด้านใน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งฉีและครอบครัวเมิ่งอี้แยกกันขึ้นรถม้า ออกเดินทางมุ่งไปยังแคว้นชิงซี

 

 

อากาศหนาวเย็น เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้ชิงหลวนและจูหลีเข้ามานั่งด้านในรถม้า ทว่า เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้ออกนอกเมืองหลวง จึงอดรู้สึกใคร่รู้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงชิงหลวนที่เอาแต่ถามจ๊อกแจ๊กไม่หยุด แต่แม้แต่คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยพูดอะไรอย่างจูหลีก็ถามคำถามต่างๆ ไม่น้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบพวกนางทีละคำถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และบอกพวกนางว่า “พวกเจ้าต้องเตรียมใจไว้ให้ดี ที่บ้านนอกนั้น นอกจากความใสซื่อบริสุทธิ์ของคนแล้ว อะไรก็เทียบกับที่เมืองหลวงไม่ได้เลย”

 

 

ชิงหลวนไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น จึงพูดว่า “ตอนที่พวกข้าอยู่ในค่ายลับ สภาพแวดล้อมล้วนมีแต่ความลำบากยากเข็ญ อย่าบอกนะว่าบ้านนอกจะแย่กว่าในค่ายลับน่ะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม ส่ายศีรษะ “หลังจากที่ไปถึงแล้ว พวกเจ้าก็จะรู้เอง”

 

 

ทั้งสามคนพูดคุยหัวเราะกันตลอดทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น พอตกเย็นก็ได้เดินทางมาครึ่งทางแล้ว คนจำนวนมากขนาดนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ไปที่พักสำหรับข้าราชการตามที่หวงฝู่อี้เซวียนบอก แต่หาพักในโรงเตี๊ยมที่ดีหน่อย เมื่อเข้าใกล้สิ้นปี ทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยคนที่เดินทางกลับบ้านด้วยความรีบเร่ง ทุกโรงเตี๊ยมจึงมีคนไม่น้อย ทว่า แขกที่ต้องการมาพักเป็นจำนวนหลายสิบคนนั้นไม่ได้เจอง่ายๆ เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็ดีอกดีใจอย่างมาก ห้องในโรงเตี๊ยมมีไม่พอ จึงสั่งให้พวกพนักงานขนของจากห้องนอนของตัวเองออกมาเพื่อให้พวกเขาพัก

 

 

ขอเพียงมีที่พัก เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้มากเรื่อง และสั่งให้เหวินเปียวนำพวกพี่น้องเข้าไปพัก

 

 

เมื่อก่อนพวกเขาล้วนต้องเดินเหนือลงใต้เพื่อไปส่งสินค้า แต่ก็ไม่เคยได้พักในที่แห่งไหนมาก่อน ยิ่งยังได้ห้องพักเป็นห้องที่อบอุ่น

 

 

ทุกคนต่างหาที่พักได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมทำอาหารเย็นอร่อยๆ ให้ หลังจากรับประทานอาหารร้อนๆ เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

 

 

รอให้ทุกคนไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดกับเถ้าแก่ว่า “เถ้าแก่ พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่ รบกวนท่านช่วยเตรียมอาหารเช้าอย่างดีให้พวกเราด้วย”

 

 

เถ้าแก่รับคำด้วยความยินดี “เข้าใจแล้วขอรับ แม่นาง รับรองว่าพรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าลืมตาก็มีอาหารให้รับประทานได้เลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยว ชิงหลวน และจูหลีกลับห้องไปเนื่องจากเร่งเดินทางทั้งวัน จึงรู้สึกเหนื่อยล้ากันมาก เอนกายลงไม่นาน แต่ละคนก็หลับสนิท หลับสบายทั้งคืน

 

 

วันที่สอง เมื่อถึงเวลาฝึกซ้อมยามเช้าทุกวัน เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลืมตาขึ้นตามเวลา เห็นแสงท้องฟ้าด้านนอกยังเช้าอยู่มาก จึงหลับตาลงและงีบต่อพักหนึ่ง จนท้องฟ้าส่องแสงสว่างอ่อนๆ ถึงจะลุกขึ้น

 

 

ชิงหลวนและจูหลีก็ลุกตาม เดินออกจากห้องมา เห็นทุกคนตื่นกันแล้ว และนั่งรออยู่ในโถงใหญ่

 

 

เถ้าแก่ได้สั่งพนักงานทำอาหารเช้าให้เรียบร้อย พร้อมยกมาวางตรงหน้าของพวกเขา

 

 

ทุกคนรับประทานกันเสร็จ ก็ไปหลังเรือนนำรถม้าออกมา รออยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ออกจากโรงเตี๊ยมมาพร้อมกับเมิ่งฉีและครอบครัวเมิ่งอี้ ขึ้นนั่งบนรถม้า มุ่งตรงไปยังทางกลับบ้าน

 

 

ตลอดทางทุกคนผลัดกันบังคับรถม้า กลางวันไม่ได้หยุดพักกินข้าว เพียงแต่รับประทานอาหารแห้งเล็กน้อยอย่างง่ายๆ จนในที่สุดก็เดินทางมาถึงแคว้นชิงซีในเวลาประมาณบ่ายสามโมง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านของรถออก เห็นแคว้นที่คุ้นเคย ภาพในอดีตแต่ละภาพก็ปรากฏขึ้นบนหัว ในใจก็ยิ่งคิดถึงคนที่บ้าน จึงสั่งกัวเฟย “เร่งม้าให้เร็วหน่อย พยายามให้ถึงบ้านภายในหนึ่งชั่วโมงให้ได้”

 

 

ถนนจากแคว้นชิงซีจนถึงหวงจวงเส้นนี้ กัวเฟยขี่รถม้าไปมาหลายปี คุ้นเคยจนแม้แต่ปิดตาก็สามารถหาบ้านได้เจอ พอได้ยินนางแล้วก็ง้างแส้ม้าเพื่อเร่งให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น รถม้าด้านหลังทั้งหมดก็ตามมาติดๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวงจวงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

 

 

พอคิดว่าจะได้เจอกับคนในครอบครัวในอีกไม่ช้านี้แล้ว ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ตื่นเต้น และเร่งกัวเฟย “เร็วอีกหน่อย”

 

 

เขาก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายปี ในใจของกัวเฟยก็ย่อมตื่นเต้นเช่นกัน ม้าก็ถูกเร่งอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ชั่วพริบตาก็มาถึงหน้าประตูบ้าน

 

 

ยังไม่ทันรอให้รถม้าหยุดสนิท เมิ่งเชี่ยนโยวก็กระโดดลงมา รีบสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน ชิงหลวนและจูหลีตามหลังนางไปอย่างติดๆ

 

 

ทั้งสามคนยังเดินไม่ถึงประตูดี หญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาสละสลวย รูปร่างอ้อนแอ้น ดูอ่อนแอและเปราะบางเดินออกมาจากในบ้าน เห็นรถม้าหยุดอยู่ที่ประตูมากมาย ก็ตกตะลึงอย่างมาก และเมื่อเห็นพวกเมิ่งเชี่ยนโยวสามคนเดินมาที่ประตูอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยถามอย่างลนลาน “พวกเจ้าเป็นใคร คนมากมายเช่นนี้มาทำอะไรที่บ้านของข้า”

 

 

 

 

 

 

[1] กูกู ภาษาจีนคือ 姑姑 ใช้เรียกน้องสาวของพ่อ