TQF:บทที่ 630 การรักษาลุล่วง (3)
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพอจะเดาได้ว่าเป็นอะไร รีบลุกขึ้น “ท่านปู่เล็ก ท่านต้องอดทนหน่อยนะ ข้ากับหยูเฮงน้อยจะออกไปดูหน่อย ช่วงไม่กี่วันนี้ท่านยังลุกไม่ได้ พยายามอย่าขยับจะดีที่สุด จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน”
“วาง วางใจเถอะ ข้า ข้ารู้”
ฟางหมิงเห้อปวดจนเส้นเลือดขึ้น แม้แต่พูดยังลำบาก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงลากหยูเฮงน้อยออกไปจะได้ไม่เป็นการรบกวนเขา
พอเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยปรากฏตัวคนเป็นฝูงก็รุมล้อมเข้าใส่ทันที โดยเฉพาะสามีภรรยาฟางเต๋อหยวนที่ตื่นเต้นมาก จูงพวกนางไว้พลางถาม “เสี่ยวเสี่ยว หยูเฮงน้อย อาการบาดเจ็บของหมิงเห้อเป็นอย่างไรบ้าง”
“เสี่ยวเสี่ยว สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง ขาเขารักษาได้มั้ย”
“น้องสาว อาการบาดเจ็บของท่านปู่ข้ารักษาได้มั้ย”
แต่ละคนแย่งกันพูดจนวุ่นวาย ทำให้พวกตาแก่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าใจในที่สุด
ที่แท้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไปรักษาฟางหมิงเห้อ
รักษา!
กระดูกขาแหลกละเอียดเมื่อตอนนั้นไม่ได้รักษาทันท่วงที นี่ก็หลายสิบปีผ่านไปแล้ว ยังรักษาได้อีกเหรอ
ที่สำคัญคือฟางหมิงเห้อไม่ใช่แค่ขาหักเท่านั้น ตันเถียนของเขาก็ถูกทำลาย หรือก็คือเขาสูญเสียวิทยายุทธทั้งร่างไป
และเจ้าพวกปีศาจเฒ่าพวกนี้ก็รู้ว่าในตัวฟางหมิงเห้อมีคำสาป นอกจากจะให้ผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษคลายแล้ว ยากจะหาวิธีอื่นมาแก้ไข
เรียกได้ว่าต่อให้มีคนอยากจะช่วยฟางหมิงเห้อ ก็ต้องรักษาทั้ง 3 อย่างพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เห็นผลเท่าไหร่ และเป็นเพราะแบบนี้ อาการบาดเจ็บของฟางหมิงเห้อถึงถูกยื้อมาหลายสิบปี คนจากบ้านใหญ่ตามหาคนไปทั่ว ก็หาคนที่เหมาะสมไม่ได้
บัดนี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งโผล่มากลับเป็นผู้ลงมือ
ในนาทีนี้ พวกตาแก่ก็อึ้งไปด้วยข่าวนี้อีกครั้ง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถูกทุกคนห้อมล้อมไว้ จึงเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านปู่ทวด ท่านย่าทวด ท่านน้าย่า วางใจเถอะ ท่านปู่เล็กไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ยังได้สติอยู่ เพียงแต่ต้องทรมานบ้างก็เท่านั้น ทุกคนจะไปเยี่ยมเข้าก็ได้ แต่อย่าอยู่นาน ให้ท่านน้าย่าเป็นคนอยู่ดูแลท่านปู่เล็กเถอะ”
“ดีๆๆๆ ดีจริงๆ”
ฟางเต๋อหยวนตื้นตันใจจนร้องชมไม่หยุดแล้วรีบตรงดิ่งไปยังห้องนอนด้านใน คนอื่นยังพึมพำทำนองว่าขอบคุณสวรรค์ สวรรค์เมตตา พลางก้าวเข้าห้องนอนด้านในอย่างเร่งรีบ
ไม่นานนักคนรอบกายเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็หายไปจนหมด แม้แต่ท่านย่าก็วิ่งไปดูท่านปู่เล็ก
1 คนโต 1 คนเล็กที่ถูกทิ้งไว้สบตากันก่อนจะหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้ไม่มีใครมาคุยกับพวกนาง แต่พวกตาแก่ที่นิ่งไม่ขยับกลับจ้องมองเด็กสาวทั้ง 2 ด้วยสายตาเร่าร้อน
พวกเขากำลังคิดหาข้ออ้างให้ได้คุยกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว หารู้ไม่ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้จุดมุ่งหมายของพวกเขาดี หันไปบอกกับอาเสียงที่ไม่ได้ไปไหน “ปู่เสียง ไม่ทราบว่ามีที่ไหนให้ข้ากับหยูเฮงน้อยพักผ่อนได้มั้ย พวกเราเหนื่อยแล้ว”
“คุณหนูเล็ก ห้องนอนมีเยอะเลย เพียงแต่เก่าไปหน่อย คุณหนูทั้ง 2 อย่าว่ากันนะ” อาเสียงตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ตาเฒ่าเสียง จะต้อนรับแขกสั่วๆแบบนี้ได้อย่างไร รีบไปบอกคนข้างนอกให้เตรียมตึกนอนไว้ให้แขกพิเศษของเราด้วย”
1 ในผู้อาวุโสตระกูลฟางได้ยินคำพูดพวกนางก็รีบตอบด้วยท่าทางใจกว้าง
เขาหวังดี แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รับ ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเขา แต่หยูเฮงน้อยไม่ได้ใจดีขนาดนั้น นางถลึงตาพลางเอ่ย “ท่านปู่ทวดของเราอยู่ที่นี่ ต่อให้ที่นี่เป็นบ้านไม้บ้านฟางพวกเราก็จะอยู่ เจ้าไม่ต้องมาแส่ไม่เข้าเรื่อง”
“…..” ผู้อาวุโสที่กำลังยิ้มแย้มถูกหักหน้า รอยยิ้มนั้นสงัดอยู่บนหน้า
อาเสียงกลั้นยิ้มไว้ พยักหน้าให้ผู้อาวุโสอย่างขออภัย ก่อนจะพาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยออกไป
พวกเขาที่ตั้งใจจะสานไมตรีกับพวกนางได้แต่มองพวกนางจากไป แต่ไม่กล้าห้ามไว้
ตอนนี้ตาแก่ทุกคนไม่อยากไปทำให้เด็กสาวทั้ง 2 ไม่พอใจ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยก็ไม่ได้เหนื่อยจริงๆหรอก แต่ขี้เกียจจะเผชิญกับตาแก่พวกนั้นมากกว่า มีแต่พวกหวังผล
พวกนางไม่ได้โง่และก็ไม่ได้เอ๋อ จะให้คนอื่นมาหลอกใช้ได้อย่างไร
ด้วยการนำทางของอาเสียง พวกนางก็มาถึงห้องนอนที่ค่อนข้างสงบ แม้ว่าของใช้ในบ้านต่างอยู่ในสภาพเก่าแก่ แต่โชคดีที่ยังใช้ได้อยู่ 2 สาวไม่ใช่คนช่างเลือก จึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
เมื่ออาเสียงออกไปแล้วในห้องจึงเหลือกันอยู่แค่ 2 คน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง หยูเฮงน้อยนั่งอยู่บนโต๊ะ แกว่งขาเล็กๆด้วยรอยยิ้มกว้าง “คุณหนู เราจะเก็บกวาดไอพวกสารเลวที่นี่เมื่อไหร่ดี”
“หืม เจ้าอยากลงมือแล้วเหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วเล็กน้อยชำเลืองมองนาง
หยูเฮงน้อยพยักหน้า “ใช่สิ มีเรื่องสนุกจะพลาดได้อย่างไร”
“รีบทำไม” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ สายตาทอดไปยังนอกหน้าต่าง มองดูดอกบัวงดงามที่ขึ้นอยู่ในบ่อ “พวกเราไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆเป็นค่อยๆไป พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเราจะเดินเล่นให้ทั่วชิงยางเลย”
“ทำไมล่ะ”
หยูเฮงน้อยกระพริบตาคู่ใสสกาวพลางเอ่ยถาม
“เพราะว่าถ้าเราลงมือเร็วไปก็ไม่สนุกน่ะสิ ในเมื่อเราจะเล่น ก็เล่นใหญ่ไปเลย ใช่มั้ยล่ะ”
รอยยิ้มบางๆที่มุมปากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นมีเลศนัย มีประกายเจ้าเล่ห์ในแววตาราวกับสุนัขจิ้งจอกที่วางแผนบางอย่างอยู่