TQF:บทที่ 631 การรักษาลุล่วง (4)
หยูเฮงน้อยไม่ได้แอบดูความคิดนาง คิดไปคิดมาก็ถามขึ้นอีก “คุณหนู แล้วจะเล่นใหญ่ยังไงล่ะ ถ้าตอนนี้พวกเราเมินพวกเขา แล้วพวกเขาจะเล่นใหญ่กับพวกเราเหรอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจ”
หยูเฮงน้อยส่ายหัว เบ้ปากอย่างน่ารักพลางออดอ้อน “คุณหนู บอกข้าหน่อย ต้องทำยังไงถึงจะได้เล่นใหญ่”
“ก็ได้ งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย ถ้าเจ้าเป็นพวกตระกูลฟางพวกนั้น ตอนนี้จะรู้สึกอย่างไร”
“ก็ต้องกลัวว่าพวกเราจะไปหาเรื่องน่ะสิ ไปแย่งตำแหน่งเจ้าบ้านของพวกเขา แล้วทำลายไอ้พวกสารเลวที่ทำร้ายฮูหยินฟางและท่านปู่เล็กซะ”
“ใช่ พวกเราต้องไปคิดบัญชีกับพวกเขาอยู่แล้ว พวกเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ว่า เรายังไม่ไปหาเขาในตอนนี้ เจ้าว่าพวกเขาจะเป็นยังไง”
“พวกเขาก็ต้องร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข แล้วก็หาทางปกป้องตำแหน่งเจ้าบ้านและชีวิตน้อยๆของพวกเขาไว้ พวกเขาลำพองมาหลายสิบปี ไม่ยอมโดนพวกเรากระทำง่ายๆหรอก”
หยูเฮงน้อยบอกคำตอบในใจออกไปโดยไม่ต้องคิด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ เจ้าพูดถูก และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ข้าอยากได้พอดี ข้าต้องการให้พวกเขาหวาดระแวงและอยู่ไม่เป็นสุข ใช้ชีวิตด้วยความกลัว ทรมานด้วยความร้อนรน ยิ่งพวกเขาใจไม่ดี พวกเขาก็จะยิ่งเลือกทางเดินที่น่าสนุก ถึงเวลาก็มีอะไรให้พวกเราสนุกแล้ว”
“คุณหนู ที่ท่านบอกว่าเล่นใหญ่นี่ต้องทำยังไงถึงจะได้เล่นใหญ่ หรือว่าพวกเขาจะตั้งใจเล่นใหญ่กับพวกเราโดยเฉพาะ”
“เหอะๆ จะพูดอย่างนี้ก็ได้”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะ นัยน์ตาลึกล้ำเป็นประกายอย่างแปลกประหลาด มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มร้ายๆ “หยูเฮงน้อย เจ้าคงไม่ลืมใช่มั้ยว่าในตระกูลใหญ่ๆมักจะเกี่ยวดองกัน เจ้าว่าตอนนี้คนพวกนี้รู้สึกกลัวจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นมั้ย”
“หา คุณหนูหมายความว่าจะให้เวลาพวกเขา แล้วโค่นหมดทีเดียวใช่มั้ย”
ในที่สุดหยูเฮงน้อยก็เข้าใจแผนการทั้งหมด ปรบมือเล็กๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แผนนี้เยี่ยมจริงๆ ข้าชอบ คนมายิ่งเยอะยิ่งดี แบบนี้เวลาเล่นสนุกกันถึงจะสะใจ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขสะท้อนอยู่ในห้องนอนเล็กๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะตาม มุมปากมีรอยยิ้มสดใส ตาคู่สวยมีแววตาเฝ้ารอ
เฝ้ารอว่าไอเจ้าพวกนั้นจะทำให้นางได้เห็นละครสนุกๆ
อย่างไรซะครอบครัวท่านย่าถูกรังแกจนถึงขั้นนี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เชื่อว่าญาติที่ว่านั่นจะไม่ลงมือเลย ในเมื่อรู้เห็นเป็นใจกัน ก็จะไม่ปล่อยให้รอดพ้นไปได้เด็ดขาด
วันรุ่งขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไปเยี่ยมท่านปู่เล็ก อาการบาดเจ็บของเขาหายตามความคาดหมายของนาง ที่สำคัญคือน้ำจากใบไม้ของหยูเฮงน้อยและเจ้าต้นหลิวน้อยคลายคำสาปได้จริงๆ บัดนี้ฟางหมิงเห้อที่กินยาเม็ดเข้าไป ตันเถียนก็เริ่มฟื้นฟูกลับมา
เมื่อไม่มีอะไรแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ตัดสินใจออกไปเที่ยวเล่น และได้รับการสนับสนุนจกพี่ชายและพี่สาวลูกพี่ลูกน้องทันที พวกเขา 2 พี่น้องพาพวกนางออกไปอย่างใจดี
เรื่องที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยากจะออกไปเที่ยวเล่นถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว คนทั้งตระกูลฟางทราบข่าวทันที
คุณหนูเล็กคนนี้ของตระกูลฟาง แม้จะมีคนไม่ยอมรับนาง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่นางทำเป็นที่จับตาดูของคนในตระกูล
ไม่ทันที่พวกนางจะออกจากประตูไป ก็มีผู้เฒ่าคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาหาและขวางพวกนางไว้ 2 มือมอบแผ่นคริสตัลประจำตัวสีฟ้าไปให้
“แม่นางเสี่ยวเสี่ยว แม่นางหยูเฮง พวกท่านเป็นแขกพิเศษของตระกูลฟาง และก็เป็นคนของตระกูลฟางด้วย ในเมื่อจะออกไปเที่ยวเล่นพกสิ่งนี้ไปจะสะดวกกว่า ถ้าหากไปเจอพวกตาไม่มีแวว มีเจ้าสิ่งนี้อย่างน้อยก็ทำให้พวกมันขยาดได้บ้าง แม่นางทั้ง 2 โปรดรับไว้”
ผู้เฒ่าพูดด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วยังยื่นให้ด้วยรอยยิ้ม ถ้าไม่รับดูเหมือนว่าจะไม่มีมนุษยสัมพันธ์ไปหน่อย
ดังนั้นหยูเฮงน้อยจึงรับไว้อย่างไม่เกรงใจ ดูไปดูมาก็พูดขึ้นด้วยความไม่ชอบ “สีฟ้าสวยสู้สีชมพูไม่ได้เลย”
ก็นางได้รับแผ่นคริสตัลสีชมพูตั้งแต่แรกนี่นา ย่อมชินกับสีนี้ไปแล้ว เปลี่ยนเป็นสีอื่นก็รู้สึกต่อต้านนิดหน่อย ไม่รู้สึกว่าสวยขนาดนั้น ไม่ได้มุ่งร้ายกับผู้เฒ่า
โชคดีที่คนที่ได้ยินเป็นคนตระกูลฟางทั้งหมด ไม่อย่างนั้นหากคนนอกได้ยินต้องมีกระอักเลือดกันบ้าง
ผู้เฒ่ายิ้มเก้อๆ ไม่มีทีท่าจะโต้ตอบ แต่พี่น้องตระกูลฟางเม้มปากแอบหัวเราะ รู้สึกสะใจไม่น้อย ในที่สุดก็มีวันที่พวกเขาได้เชิดหน้าชูตาบ้างแล้ว
“พี่ชาย พี่สาว พวกเราไปกันเถอะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวบอกกับคนข้างกายแล้วเดินออกจากประตูบ้านตระกูลฟางไปทันที
เมื่อทหารยามเห็นการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ก็รีบก้มหัวด้วยความนอบน้อม ไม่กล้าเสียมารยาท
เรียกได้ว่าเป็นการเคารพที่บ้านใหญ่ในเมื่อก่อนไม่มีทางได้รับ
เมื่อเห็นเด็กๆเหล่านี้ขึ้นรถสัตว์วิญญาณออกไป ผู้เฒ่าก็ส่ายหัวถอนหายใจแล้วจึงจากไป
ร้านค้าข้างทางตั้งอยู่ระรานตาไปหมด บนถนนที่ปูด้วยหินดำ ผู้คนและรถราคับคั่ง มีเสียงตะโกนขายของสุดแรงจากที่ไม่ไกล บางครั้งก็มีเสียงม้าร้องบ้าง ทำให้คนที่อยู่ที่นี่รู้สึกเหมือนอยู่ในภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีสันภาพหนึ่ง
เปิดม่านรถออก หยูเฮงน้อยเหมือนเด็กคนหนึ่งที่เฝ้าดูโลกภายนอกอย่างสนอกสนใจ
แม้ว่าที่นี่เป็นเมืองชิงยาง สำหรับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแล้วก็แค่รู้สึกว่าที่นี่ใหญ่กว่าเมืองอื่นหน่อยก็เท่านั้น ถนนก็กว้างกว่าเมืองอื่นน้อย ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากนัก
คนที่นั่งอยู่บนรถลากสัตว์วิญญาณมีฟางถงยวี่ด้วย พี่สาวคนนี้มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยสายตาชื่นชมคลั่งใคล้ตลอด เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกเหมือนพวกคลั่งดาราที่เคยเจอเมื่อชาติก่อน สายตาร้อนแรงจนแทบจะพุ่งเข้ามากอด
เมื่อถูกนางมองแบบนี้ ต่อให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะสมาธิแน่วแน่ขนาดไหนก็ทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากขึ้น “พี่สาว มีอะไรเหรอ”
———————–