ตอนที่ 689 หุบเขาโอสถถูกโจมตี

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“พวกเจ้าไสหัวออกไปจากหุบเขาโอสถเดี๋ยวนี้!” เดิมหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินนั้นอารมณ์ดีมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกคนไร้ยางอายอย่างหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้แล้ว เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น

ไป๋เวิงกล่าว “พวกเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควรซะแล้ว!”

พลังของไป๋เวิงนั้นแข็งแกร่งมาก แรงกดดันของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่แผ่ซ่านออกมาทำให้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “นี่หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าคิดจะเปิดศึกกับหุบเขาโอสถงั้นรึ พวกเจ้าคิดให้ดีนะ หากหุบเขาโอสถข้ารอดไปได้สักคน เจ้าก็รอวันที่จะตกเป็นเป้าของเหล่ายอดฝีมือ กองกำลัง และนักปรุงยาของแดนใต้ได้เลย!”

“หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าคำนึงถึงชื่อเสียงมากนักไม่ใช่เหรอ เมื่อถึงตอนนั้นชื่อเสียงของหุบเขาหมอเทวดาพวกเจ้าก็คงจะฉาวโฉ่”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะระเบิด หุบเขาหมอเทวดารังแกกันเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าหุบเขาโอสถของพวกเขาจะรังแกกันได้ง่าย ๆ เช่นนั้น

ชื่อเสียงของหุบเขาโอสถในแดนใต้นั้นดีมาก ไม่เหมือนกับหุบเขาหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ เสแสร้ง จอมปลอม

ชื่อเสียงอันดีงามของหุบเขาโอสถนั้นเป็นเรื่องที่แท้จริง และพวกเขาก็มีความยุติธรรมมาก นับตั้งแต่หุบเขาโอสถได้ก่อตั้งขึ้นมา ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประโยชน์จากหุบเขาโอสถ

บัดนี้ คนเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงมาก บ้างก็ได้กลายเป็นผู้ที่มีอำนาจในสำนักระดับสอง เป็นต้น

เพราะเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าหุบเขาโอสถจะไม่ได้เป็นสำนักที่มีระดับใด แต่ทั่วทั้งแดนใต้ ก็ไม่มีสำนักใดที่กล้าหาเรื่องหุบเขาโอสถ

“เจ้า!” เมื่อหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าไป๋เวิงจะโกรธถึงขั้นสุด แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือจริง ๆ

“แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ เมื่อถึงตอนนั้น หุบเขาโอสถของพวกเจ้าก็อย่าได้มาคุกเข่าขอร้องหุบเขาหมอเทวดาก็แล้วกัน!”

สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเขียวคล้ำด้วยความโกรธ “เด็ก ๆ ส่งแขก!”

หุบเขาโอสถบีบบังคับให้ส่งแขก ในปีนี้หุบเขาหมอเทวดาถูกหุบเขาโอสถขับไล่ถึงสองครั้งสองคราแล้ว

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “หลายปีที่ผ่านมานี้ คนของหุบเขาหมอเทวดาเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ อันที่จริงตาเฒ่านั่นก็ได้หม้อพิษสามอสูรไปแล้ว แต่ยังอยากจะได้หอโอสถของพวกเราอีก ยังไงพวกเขาก็คงต้องชั่งน้ำหนักดูให้ดี”

“ถ้าหากในหม้อพิษสามอสูรมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่จริง…”

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินอย่าได้กังวลใจเรื่องหอโอสถเลย จากการที่ข้าศึกษามาหลายวันนี้ ข้าคิดวิธีได้แล้ว เพียงแต่ว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบก็เท่านั้นเอง”

เดิมทีคิดจะทำให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยบอกพวกเขา แต่ตอนนี้คนเลวทรามต่ำช้าอย่างหุบเขาหมอเทวดามาทำให้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกังวลใจอย่างไม่เป็นท่าเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงจำเป็นต้องบอกกับพวกเขาล่วงหน้า

“ว่ายังไงนะ มีวิธีแล้วอย่างนั้นเหรอ ?” พวกเขากล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “ดังนั้น ตอนนี้หัวหน้าหุบเขาไม่ต้องคิดสิ่งใดทั้งนั้น ตั้งใจรอข่าวดีจากข้า ดีหรือไม่ ?”

“ไม่ได้!” นึกไม่ถึงว่าหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินจะปฏิเสธ

มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง นึกเช่นไรก็นึกไม่ออกว่าเหตุใดหัวหน้าหุบเขาโอสถถึงได้ปฏิเสธ ผลสุดท้ายชายชราสองสามคนจึงมาลากตัวมู่เฉียนซีไป

“เจ้าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ในเมื่อวันนี้เจ้าวางมือลงแล้วก็พักผ่อนก่อนเถอะ!”

ปัง! ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็ถูกขังเอาไว้ในห้อง

“เด็ก ๆ เตรียมอาหารตุ๋นยาจีนให้พร้อม ให้เสี่ยวซีบำรุงร่างกาย”

หลังจากที่มู่เฉียนซีถูกบังคับให้พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน นางก็กลับไปศึกษาการปรุงยาสวรรค์ว่านหลิงที่ห้องปรุงยาต่อ

ตอนนี้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินได้รับข่าวร้ายมากข่าวหนึ่ง “ว่ายังไงนะ พวกหุบเขาหมอเทวดาสารเลวเหล่านั้นเฝ้าอยู่ด้านนอกหุบเขาตลอด ไม่คิดที่จะกลับไปอย่างนั้นเหรอ”

“พวกมันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ต่อให้พวกมันรู้ว่าหอโอสถอยู่ในหุบเขาโอสถ ก็ไม่มีทางหาหอโอสถเจอ คิดจะแย่งชิงไป ไม่มีทาง!”

“……”

ทว่า ตอนนี้ตาข้างซ้ายของหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกระตุกขึ้น ต้องมีลางสังหรณ์ไม่ดีแน่!

หุบเขาหมอเทวดากำลังวางแผนทำสิ่งใดอยู่กันแน่

มู่เฉียนซียังคงขะมักเขม้นตั้งใจปรุงยาต่อไป ประกอบกับพลังธาตุวารีของนาง นางค้นพบว่าสามารถปรุงยาออกมาได้สมบูรณ์แบบเพื่อช่วยหอโอสถได้แน่

ยังต้องผ่านการทดลองอีกหลาย ๆ ครั้งถึงจะได้ สองสามวันนี้พยายามอีกสักหน่อยก็คงปรุงออกมาได้

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินคิดจะไปจับคนอีกครั้ง เมื่อฟ้ามืดก็เตรียมพร้อมที่จะไปจับตัวมู่เฉียนซีให้พักผ่อน แต่ผลลัพธ์คือ…

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของหุบเขาหมอเทวดาแผ่ซ่านออกมา จิตสังหารนั้นเข้ามาในหุบเขาโอสถแล้ว หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หุบเขาโอสถทุกคนระวังตัวด้วย มีศัตรูแอบลอบโจมตี”

ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ! ยอดฝีมือของหุบเขาโอสถก็ได้พรวดออกไปแล้ว

ปัง! เมื่อตะวันได้ตกดิน พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากันแล้ว

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินมองไปที่ผู้ที่เป็นผู้นำผู้นั้น และกล่าวว่า “ไป๋เวิง เจ้าไม่ฟังคำเตือนของข้าจริง ๆ คิดจะเป็นศัตรูอย่างสมบูรณ์กับหุบเขาโอสถงั้นรึ เจ้าคิดว่าหุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าจะชดใช้ไหวรึ ?”

ไป๋เวิงกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดว่า “หุบเขาโอสถของพวกเจ้ามีชื่อเสียงเช่นนี้ก็เพราะว่ามีหอโอสถไม่ใช่หรอกรึ ขอเพียงแค่พวกข้าได้หอโอสถมาครอบครอง เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะมีชื่อเสียงมากกว่าหุบเขาโอสถของพวกเจ้าแน่ และคงไม่มีผู้ใดจดจำหุบเขาโอสถของพวกเจ้าได้”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “คนของหุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเจ้าช่างเป็นคนที่ฝันกลางวันเก่งเสียจริง หอโอสถของพวกข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะหามันเจองั้นเหรอ ?”

“หากพวกเจ้ามีความสามารถที่จะหาเจอ เกรงว่าหอโอสถก็คงเป็นของหุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าไปตั้งนานแล้วล่ะ!”

ไป๋เวิงกล่าว “ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ท่านผู้เฒ่าของพวกข้าได้เปิดผนึกชั้นที่สามของหม้อพิษสามอสูรได้แล้ว จะต้องมีวิธีเอาหอโอสถของพวกเจ้ามาได้แน่นอน มิเช่นนั้นพวกข้าก็คงไม่เสียเวลามาถึงที่นี่หรอก!”

“บัดนี้ หอโอสถเพิ่งจะดำเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้น อีกทั้งร่างกายของมันกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอมาก มันเป็นโอกาสเหมาะมากที่พวกข้าจะลงมือ!”

อวี้เหลียนชิงกล่าว “อีกอย่าง ข้ายังทิ้งบางอย่างเอาไว้ในหอโอสถแล้ว ครั้งนี้พวกเราต้องหาหอโอสถเจอแน่นอน ไม่ว่าพวกเจ้าจะซ่อนเอาไว้ลึกลับเพียงใด มันก็ไม่อาจหนีได้”

จากที่อวี้เหลียนชิงได้เข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถ อีกทั้งการเจรจาต่อรองถึงสองครั้งสองครา และการลงมือในครั้งนี้ พวกเขานั้นได้วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้ายอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ!”

ไป๋เวิงกล่าว “ข้าเคยบอกตาเฒ่าอย่างเจ้าแล้ว ว่าเจ้าจะต้องเสียใจ แต่เจ้าก็ไม่เชื่อ คิดตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกข้า พวกข้าก็จะสนองให้ถึงที่สุด!”

ตอนนี้อวี้เหลียนชิงได้เอาหม้อพิษสามอสูรออกมาแล้ว หม้อพิษสามอสูรก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น และปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือหุบเขาโอสถ

ตูม ตูม ตูม!

ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งหุบเขาโอสถก็เริ่มมีเสียงสั่นสะเทือนขึ้น แสงสีขาวแสงหนึ่งได้ส่องสว่างขึ้นอยู่บนท้องฟ้าที่กำลังจะมืด

หอโอสถออกมาแล้ว!

มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับหุบเขาโอสถ นางรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหอโอสถ และกลิ่นอายที่น่าขยะแขยงกลิ่นอายหนึ่ง

“เสี่ยวหง อู๋ตี้!” มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ออกมาแล้ว

“เฝ้าที่นี่เอาไว้ให้ดี ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ต้องสำเร็จให้ได้” มู่เฉียนซีกล่าว

“นายท่านปรุงยาอย่างวางใจได้เลย เรื่องอื่นนั้นมอบให้เป็นหน้าที่ของพวกข้า”

อู๋ตี๋กับเสี่ยวหงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู และดูเหมือนว่าพวกมันก็รับรู้ได้ว่าหุบเขาโอสถนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้นายท่านกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการปรุงยา

มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่นว่า “สู้สุดใจ!”

นางเริ่มลงมือแล้ว เริ่มเอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ปรุงเป็นยา

“หอโอสถ!” เมื่อหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเห็นหอโอสถถูกพลังของหม้อพิษสามอสูรดึงดูดออกมาสีหน้าก็ซีดเผือดลงทันที!

ไป๋เวิงกล่าว “เอาหอโอสถไป!”

“เจ้ากล้า!” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว และรีบเข้าไปขวางไว้!

ตูม! หุบเขาโอสถกับหุบเขาหมอเทวดาก็ได้ลงมือปะทะกันแล้ว

การต่อสู้เช่นนี้ อวี้เหลียนชิงไม่อาจเข้าไปต่อสู้ด้วยได้ เขาเก็บหม้อพิษสามอสูรและได้สำรวจบริเวณรอบ ๆ ที่มู่เฉียนซีอยู่

“มู่เฉียนซียังไม่ได้ออกไปจากหุบเขาโอสถ นางต้องอยู่ในหุบเขาโอสถเป็นแน่ ข้าจะต้องหานางให้เจอ จับตัวนางมาให้ได้ แล้วค่อย ๆ ทรมานนางจนตาย นังผู้หญิงบัดซบ!” อวี้เหลียนชิงกล่าวอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็นำคนพุ่งเข้าไปด้านในของหุบเขาโอสถ