ร้านแป้งมันฝรั่งของเมืองก็ปิดแล้ว ครอบครัวของเหวินเปียวอยู่ที่นี่ทั้งหมด เมื่อได้เห็นพี่น้ององครักษ์ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเองอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งดีใจและตื่นเต้น เหวินเป้าและเหวินจงคิดไม่ถึงเลยว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะให้พวกเขาได้กลับมาฉลองตรุษจีนกับครอบรัว จึงดีใจเป็นอย่างมาก
อีกด้านของจวน เหล่าองครักษ์เมื่อเห็นกัวเฟยกลับมาก็ดีใจกันยกใหญ่ ต่างพากันรุมล้อมเค้า เพื่อถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองหลวง
เวลาล่วงเลยไปจนพลบค่ำ เมื่อคิดว่าสองสามวันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวต้องเดินทางจนไม่ได้กินอย่างเต็มอิ่ม เมิ่งซื่อจึงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ห้องของเจ้าแม่ได้หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ พร้อมเข้าอยู่ตลอดเวลา เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด แม่ทำอาหารเสร็จแล้วจะเรียกเจ้า”
“ข้าไม่เหนื่อย ข้าไปทำอาหารกับท่านดีกว่า จะได้เล่าเรื่องอี้เซวียนให้ท่านฟังด้วย”
เมื่อกล่าวถึงหวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งซื่อก็คิดถึงเรื่องงานแต่งของเขาทันที จึงถามว่า “เรื่องหมั้นหมายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง จดหมายที่เจ้าส่งมามิได้กล่าวถึง งานแต่งของเขายังไม่ได้ยกเลิกอย่างนั้นหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพลางกอดแขนของเมิ่งซื่อ พลางยิ้มและพูดว่า “เรื่องงานแต่งของเขาและคุณหนูจวนราชเลขาได้ยกเลิกไปนานแล้วเจ้าค่ะ แต่เรื่องงานแต่งของพวกเรา อี้เซวียนยังเด็กอยู่ พวกเราจึงรออีกสองปีค่อยว่ากันเจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อหยุดฝีเท้าลง มองนางอย่างไม่เห็นด้วย พูดเสียงแข็งว่า “ไม่ได้ รออีกสองปีเจ้าก็อายุครบยี่สิบปีแล้ว เจ้าบอกเขาว่า อย่างช้าที่สุดคือปลายปีหน้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับอย่างยิ้มๆ ว่า “ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะกลับไปบอกเขา หากภายในปลายปีหน้าไม่มาสู่ขอข้า ท่านพ่อและท่านแม่ก็จะไม่ยอมรับเขาอีก”
เมื่อเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของนาง เมิ่งซื่อทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างระอา
เมื่อดูวัตถุดิบในครัวแล้ว เมิ่งซื่อก็คิดได้ว่าจะทำอาหารอะไรออกมาบ้าง เริ่มลงมือทำทันที เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงเริ่มลงมือช่วย
เพิ่งเริ่มลงมือได้ไม่ทันไร ในลานจวนมีเสียงเล็กๆ ที่สดใสของเมิ่งเส้าดังขึ้นมา “ท่านย่า ข้ากลับมาแล้ว”
เมิ่งซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นพร้อมกัน เมิ่งเชี่ยนโยวเดินนำไปที่หน้าประตู เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือให้เมิ่งเส้า “เส้าเอ๋อร์ มาหาอามา”
เมิ่งเส้าได้ยินเสียงของนาง จึงตะโกนร้องด้วยความดีใจ “ท่านอา!” ก้าวขาสั้นๆ วิ่งเข้ามาหานาง
เมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนเดินตามมาด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดีใจมาก พร้อมพูดว่า “น้องเล็ก เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเมิ่งเส้าขึ้นมา จูบหน้าผากของหลานด้วยความรัก แล้วจึงค่อยมองไปทางทั้งสอง
ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่เดือน เมิ่งเสียนดูแก่ลงไปหลายปี ไร้ซึ่งสีหน้าท่าทางน่าเกรงขาม แผ่เอาความรู้สึกอิดโรยไปรอบตัว
แม้ว่าเมิ่งเสียนจะดีใจที่เห็นนางกลับมา บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่นานรอบยิ้มนั้นก็หายไป ส่วนซุนเชี่ยนไม่เพียงแต่อิดโรยจนดูไม่ได้ แต่ร่างกายยังดูซูบผอมไปมาก กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ยังดูหละหลวมไปมาก
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก พยักหน้าให้พวกเขา พูดว่า “ข้าเพิ่งจะมาถึง ท่านแม่บอกว่าจะทำอาหารให้ข้า ข้าเลยจะไปช่วยนาง”
ซุนเชี่ยนรีบสั่งคนใช้ที่มาด้วย “เอาของไปเก็บให้เรียบร้อย และตามข้าไปทำอาหาร”
สาวใช้ทั้งสองตอบรับ แต่เมื่อหาที่เก็บข้าวของที่ได้มาจากบ้านตระกูลซุน ก็ได้เห็นเข้ากับรั่วหลานที่อยู่ในช่องลม จึงร้องออกมาอย่างตกใจ “แม่ แม่นาง นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมิ่งเสียนขมวดคิ้ว
ซุนเชี่ยนไม่เข้าใจสถานการณ์ กำลังจะเดินไปที่ช่องลมเพื่อดูให้แน่ชัด แต่เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนห้ามนางไว้ “อย่าไปเลยค่ะซ้อ”
ซุนเชี่ยนจึงไม่ได้เดินต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งสาวใช้ทั้งสองว่า “เอาร่างนางไปโยนไว้จวนของนาง ให้ข้าวให้น้ำนางก็พอ ตั้งแต่วันพรุ่งเป็นต้นไป พวกเจ้าผลัดกันไปเฝ้ายามนางเอาไว้ หากไม่มีคำสั่งของข้าก็ห้ามนางออกมาเด็ดขาด”
สาวใช้ทั้งสองอยู่กับซุนเชี่ยนมาตั้งแต่เด็ก เข้าใจความรู้สึกของนางดี การปรากฏตัวของรั่วหลานก็ทำเอาพวกนางรู้สึกคันไม้คันมือไม่น้อย เมื่อได้ยินคำของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงตอบรับอยากยินดี และรีบไปลากร่างของรั่วหลานกลับจวนของนาง
รั่วหลานถูกกดจุดประสาท ร่างของจึงนางแข็งทื่อ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงสั่งชิงหลวนว่า “เจ้าไปส่งนางกลับจวน”
ชิงหลวนตอบรับ ให้สาวใช้ทั้งสองนำทาง ตัวเองก็ยกร่างก็รั่วหลานและเดินตามไป
เมิ่งเสียนเห็นชัดว่าเป็นรั่วหลาน จึงเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ แต่สีหน้าของซุนเชี่ยนกลับอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นขอบตาก็เริ่มแดงขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ทุกอย่างตรงหน้า จึงวางเมิ่งเส้าลง เดินไปตรงหน้าของซุนเชี่ยน ยิ้มพร้อมโอบไหล่ของนาง พูดปลอบใจว่า “ซ้อใหญ่เจ้าคะ วางใจเถิด ยังมีข้าอยู่ตรงนี้นะ”
น้ำตาของซุนเชี่ยนก็เริ่มหยดลงมาทันที
เมิ่งเสียนเห็นภาพทั้งหมด สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บปวดใจ เขาอ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเส้าที่แสนฉลาดพยายามจะเขย่งเท้า ใช้แขนเสื้อของตนเช็ดน้ำตาให้กับซุนเชี่ยน เสียงน้อยๆ พูดว่า “ท่านแม่ ไม่ร้องนะ”
น้ำตาของซุนเชี่ยนไหลออกมามากกว่าเดิม นางกุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาแบบลวกๆ พูดเสียงอู้อี้ว่า “เส้าเอ๋อร์ แม่ไม่เป็นไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวโอบไหล่นางไว้แน่น มองค้อนให้เมิ่งเสียนหลายที
เมื่อเห็นซุนเชี่ยนทนเจ็บทรมานเช่นนี้ เมิ่งเสียนปรากฏสีหน้าเจ็บปวดออกมา
เมิ่งซื่อเห็นซุนเชี่ยนเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน จึงเดินไปหานาง พูดว่า “เด็กดี แม่รู้ว่าเจ้าเสียความรู้สึกมาก อยากร้องก็ร้องออกมาเถิด ตั้งแต่ที่เสียนเอ๋อร์ก่อเรื่องขึ้นจนบัดนี้ เจ้าอดกลั้นมาตลอด ระวังจะป่วยเอาได้นะ”
ซุนเชี่ยนอดทนไม่ไหวอีกแล้ว นางซบลงในอ้อมกอดของเมิ่งเชี่ยนโยวและร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ระบายความเจ็บปวดเสียใจของช่วงเวลาที่ผ่านมาออกมาจนสิ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวตบหลังของนางเบาๆ ปล่อยให้นางร้องไห้ระบายออกมา
เมิ่งเส้าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงเม้มปาก มองซุนเชี่ยนอย่างหวาดกลัว
ดวงตาของเมิ่งเสียนแดงขึ้น คุกเข่าลงบนพื้น ขยำผมของตนเองอย่างเจ็บปวด
ร้องไห้อยู่ราวๆ สิบห้านาที เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดปลอบขึ้นว่า “ซ้อคะ หากร้องไห้ต่อไปจะไม่ดีกับร่างกายนะเจ้าคะ”
ซุนเชี่ยนค่อยๆ หยุดเสียงร้องลง แต่ยังสะอื้นไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวพยุงนางไปยังห้องของเมิ่งซื่อ ให้นางนั่งลงบนเก้าอี้
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปที่อ่างล้างหน้าที่อยู่อีกด้าน นำผ้าชุบน้ำ ส่งให้นาง “ซ้อใหญ่ เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนเถิด”
ซุนเชี่ยนรับมา นำผ้ามาทาบไว้กับใบหน้าของตัวเอง สะอื้นไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ข้างกายนางเงียบๆ ผ่านไปชั่วครู่ ซุนเชี่ยนวางผ้าลง พูดด้วยเสียงของคนร้องไห้ว่า “ได้ร้องให้ออกมาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับพี่ใหญ่ พวกท่านก็ควรจะเขียนจดหมายไปบอกข้า ข้าจะได้กลับมาจัดการ ท่านจะได้ไม่ต้องทรมานใจนานถึงเพียงนี้ ดูท่านสิ ซูบผอมลงไปถึงเพียงนี้”
ซุนเชี่ยนสะอื้นเล็กน้อย พูดว่า “เจ้ายุ่งเรื่องการค้าในเมืองหลวงมากพอแล้ว เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไม่ต้องให้เจ้าลำบากหรอก ข้าจัดการเองได้”
“จัดการอย่างไรหรือคะ รับนางเข้ามาเป็นเมียน้อย นี่เป็นวิธีการแก้ปัญหาของพวกท่านหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างไม่เห็นด้วย
“ข้าไปถามมาแล้ว รั่วหลานคนนี้แต่ก่อนเป็นสาวบริสุทธิ์ พี่ใหญ่ของเข้าไปสร้างมลทินให้ตระกูลนาง อย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ ต่อให้รับเข้าบ้านก็ยังดีกว่าให้คนมาจับพี่ของเจ้าไปส่งทางการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความหมายโดยนัยที่นางสื่อ จึงย่นคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวอะไร คว้าเอาผ้าในมือของนางมา วางไว้ในอ่างน้ำ จากนั้นก็เทน้ำร้อนมาแก้วหนึ่งส่งให้นาง ให้นางถือเอาไว้ร่างกายจะได้อบอุ่น จากนั้นจึงค่อยถามว่า “เรื่องราวเป็นมาเช่นไร พี่ใหญ่บอกท่านชัดเจนแล้วหรือไม่”