เยี่ยโยวเหยาออกแรงโอบกอดซูจิ่นซีให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และผ่อนลมหายใจออกช้าๆ
ภายในห้องที่เงียบงันอยู่แล้ว ยิ่งเงียบสงัดจนรู้สึกถึงความวังเวง ได้ยินเพียงเสียสะเก็ดไฟจากเชิงเทียนภายในห้อง กับเสียงหัวใจเต้น และเสียงลมหายใจของคนทั้งสอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาล้อเล่นหรือจริงจัง ทันใดนั้น เขาก็พูดตอบรับ “ตกลง! ”
ดวงตาของซูจิ่นซีพลันแดงก่ำ
นางเงยหน้า หลับตาลง และยื่นมือออกไปโอบรอบศีรษะของเยี่ยโยวเหยา
“พระชายางามล่มเมืองยั่วยวนพระสวามี หรืออันใดทำนองนั้น เป็นเพียงบันทึกในประวัติศาสตร์ แม้ท่านอ๋องจะเต็มใจยอมรับ ทว่าถ้อยคำที่น่าอับอายเช่นนี้ หม่อมฉันคงรับไม่ไหวเพคะ”
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง จิ่นซีเคยพูดไว้แล้วว่า ไม่ว่าอนาคตจะดีหรือร้าย ไม่ว่าทางเดินจะงดงามโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือเป็นเส้นทางในเหวลึกดั่งขุมนรก จิ่นซีก็ยินยอมแบกรับไปพร้อมกับท่านอ๋อง”
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบ ไม่พูดอันใด
ทั้งสองกอดกันอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็พูดทำลายความเงียบ “ท่านอ๋อง เกี่ยวกับเรื่องที่เมืองเจียงหลิงในปีนั้น มีเรื่องอันใดที่ท่านทราบและยังไม่ได้บอกจิ่นซีอีกหรือไม่? ”
“…”
ซูจิ่นซีผละมือออกและผลักเยี่ยโยวเหยาหนึ่งครั้ง พยายามบังคับให้เยี่ยโยวเหยาหันมามองนาง
“ท่านอ๋อง จิ่นซีเคยบอกท่านหลายครั้งแล้ว หม่อมฉันยอมให้ท่านปกปิดเรื่องบางอย่างกับหม่อมฉันได้ ทว่าไม่ยอมให้ท่านโกหกหม่อมฉัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องที่ปกปิดมีมากขึ้น มันจะกลายเป็นการโกหก ดังนั้น คำว่าปกปิดกับโกหก มีเพียงเส้นบางๆ คั่นไว้เท่านั้น”
แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความนิ่งขรึม ดวงตาดำขลับลุ่มลึกจ้องมองดวงตาของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีร้อนใจยิ่งนัก นางผลักเยี่ยโยวเหยาอย่างแรงหนึ่งครั้ง “ท่านอ๋อง นี่หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันจริงใจและซื่อสัตย์กับท่านถึงเพียงนี้ หรือว่าท่านยังไม่เชื่อใจหม่อมฉัน? ยังคิดจะปกปิดหม่อมฉันอีกหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไปเสียเถิด ไปเสียตอนนี้! ต่อไปพวกเราอย่าได้พบเจอกันอีกเลย! ”
ซูจิ่นซีในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นางเริ่มเรียนรู้วิทยายุทธ์ เพียงนางใช้พลังภายในไม่กี่ส่วนผลักเยี่ยโยวเหยาหนึ่งครั้ง เขาต้องกระเด็นไปชนกำแพงอย่างแรงแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว เขาไม่เพียงไม่โกรธเคือง แต่กลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มเช่นนี้แฝงไว้ด้วยความอันตราย เขาคลานไปยังข้างกายซูจิ่นซี ใช้เท้ากดร่างของนางไว้เพื่อให้แน่ใจวางนางไม่สามารถหลบหนีไปที่ใดได้ จากนั้นจึงใช้นิ้วมือเรียวยาวเชยคางของนางขึ้นมา
“ชายาที่รักได้เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนานหลีแล้ว คิดจะทอดทิ้งพระสวามีคนนี้หรือ? ”
นางหาได้มีความคิดเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น จะเป็นองค์หญิงหรือไม่ นางเองไม่เคยยอมรับมัน
ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้หลบสายตา นางจ้องเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาจริงจัง
“เยี่ยโยวเหยา ระหว่างเราสองคน มีความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อกัน เป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกันได้หรือไม่? ”
“แน่นอนว่าย่อมได้”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางโน้มตัวเข้าไป ริมฝีปากเย็นเฉียบซุกไซ้ลำคอของซูจิ่นซีอย่างดูดดื่ม มือที่จับปลายคางของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนตำแหน่ง เลื้อยเข้าไปใต้เสื้อผ้าของนาง
“ข้าจะซื่อสัตย์และจริงใจกับชายารักให้มากกว่านี้ และจะเป็นพระสวามีที่ดีของชายารัก”
หากก่อนหน้านี้เยี่ยโยวเหยาไม่เคยบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน นับประสาอันใดกับเรื่องนางสนมรับใช้ส่วนพระองค์ ที่พระโอรสในเชื้อพระวงศ์ต้องมีเมื่อพระชันษาครบกำหนด ซูจิ่นซีต้องสงสัยเป็นแน่ว่า เยี่ยโยวเหยาช่ำชองเรื่องในมุ้งกับสตรีนางอื่นมาก่อน
ซูจิ่นซีจับมือของเยี่ยโยวเหยาเพื่อหยุดเขา
“ท่านอ๋อง ตกลงท่านจะพูดหรือไม่? เรื่องเมืองเจียงหลิงในปีนั้น ท่านทราบมากน้อยเพียงใดกันแน่? ”
เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้น ไฟปรารถนาในดวงตายิ่งทวีความเร่าร้อน
“ข้ายังไม่อิ่มหนำสำราญใจเลย จะให้ข้าพูดได้อย่างไร”
ซูจิ่นซีกัดฟันแน่น พลางกำหมัดทุบไปที่หน้าอกของเยี่ยโยวเหยา
“ไร้ยางอาย! ”
“อืม ข้าไร้ยางอาย! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง ท่านจริงจังบ้างได้หรือไม่เพคะ? ”
ริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาซุกไซ้บริเวณซอกหูของซูจิ่นซี “เมื่ออยู่ต่อหน้าชายารัก ข้าพยายามจะไม่จริงจัง”
เขาพูดพลางสะบัดมือซูจิ่นซีออก ฝ่ามือร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความกำหนัด ล้วงเข้าไปในร่มผ้าของซูจิ่นซี และค่อยๆ เคลื่อนลงต่ำ
แก้มและลำคอของซูจิ่นซีพลันแดงระเรื่อ ทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่านไปด้วยไฟราคะ ทว่านางเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นไม่ให้ตนเองส่งเสียงร้องออกมา
อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาสูญเสียการควบคุมไปแล้ว เขาจะสนใจเรื่องอื่นได้อย่างไร? เมื่อริมฝีปากค่อยๆ พรมจูบไปบนเนื้อขาวนวลจนถึงหัวไหล่ของนาง เยี่ยโยวเหยาก็กัดอย่างแรง
ซูจิ่นซีอ้าปากร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าเมื่อมือของเยี่ยโยวเหยาสัมผัสบนเนินอกของนาง เสียงแผ่วเบาที่ออกมาจากปากก็กลายเป็นเสียงหอบกระสัน
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิ การกระทำยิ่งเร่าร้อนมากขึ้น
“เยี่ยโยวเหยา ท่านพอได้แล้ว”
“ยังไม่พอ! ”
“ยังไม่พอ! ”
หลังจากนั้น ทั้งสองต่างร่วมบรรเลงบทเพลงแห่งความสุข ที่สุดแสนหฤหรรษ์
……
หลังจากเยี่ยโยวเหยาสำเร็จภารกิจและอิ่มหนำสำราญใจแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายความจริงเกี่ยวกับเรื่องเมืองเจียงหลิงที่เขาปกปิดมาตลอด
ทว่าน่าเสียดาย ซูจิ่นซีนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนระทวย
“ในปีนั้น โรคระบาดที่เมืองเจียงหลิง แท้จริงแล้วไม่ใช่โรคระบาด อีกทั้งชนเผ่าไป๋ที่ซ่อนตัวอยู่ที่เมืองเจียงหลิงเพื่อพิทักษ์อั้นหรานเซียวหุน พวกเขาไม่ได้อยู่เพื่อพิทักษ์อั้นหรานเซียวหุน ทว่าพวกเขามีเป้าหมายอื่น”
ซูจิ่นซียื่นมือออกไปคว้าลำคอเยี่ยโยวเหยา พลางพยุงตัวขึ้น นางพยายามตั้งสติ ไม่ผล็อยหลับ เพื่อฟังคำพูดของเยี่ยโยวเหยาอย่างตั้งใจ
“ลือกันว่า โรคระบาดในปีนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากยาพิษ สาเหตุที่ชนเผ่าไป๋หลบซ่อนตัวที่เมืองเจียงหลิง ก็เพื่อปรุงยาพิษ โรคระบาดที่เกิดขึ้นในเมืองเจียงหลิง เป็นเพราะยาพิษที่ชนเผ่าไป๋พัฒนาเกิดรั่วไหลออกมา ทำให้ชาวบ้านเมืองเจียงหลิงได้รับพิษ อาการของผู้ที่ได้รับพิษกับโรคระบาดคล้ายกันมาก ดังนั้นชาวบ้าจึงเข้าใจผิดว่าเป็นโรคระบาด”
“พิษ? ปีนั้น ท่านอ๋องตรวจพบหรือไม่ว่าเป็นพิษชนิดใด? ” ซูจิ่นซีถามสวนขึ้นมาทันที
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบครู่หนึ่ง พลางเหลือบมองซูจิ่นซีที่นอนอยู่ในอ้อมกอด “น่าเสียดาย ตอนที่ข้าไปถึงเมืองเจียงหลิงมารดาของเจ้าได้ถอนพิษชาวบ้านจนหมดแล้ว อีกทั้งสารพิษที่ชนเผ่าไป๋ปรุงไว้ทั้งหมด ราวกับถูกคนเก็บกวาดจนไม่ทิ้งเบาะแสอันใดไว้เลย”
“ดังนั้น ผู้ที่ท่านอ๋องสังหารทั้งหมดคือ ชนเผ่าไป๋ที่ปรุงยาพิษทำร้ายชาวบ้านใช่หรือไม่? ”
“อืม! ” เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า “นอกจากนั้น ข้าหาได้รับอั้นหรานเซียวหุนมาจากมือของชนเผ่าไป๋ ตอนนั้น ชนเผ่าไป๋ไม่มีอั้นหรานเซียวหุนอยู่แล้ว”
ดังนั้น ที่เว่ยเหม่ยเจียพูดว่า เยี่ยโยวเหยาได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ไปชิงอั้นหรานเซียวหุนจากชนเผ่าไป๋
และคำพูดที่ลือกันว่า เป็นเพราะชนเผ่าไป๋ทำอั้นหรานเซียวหุนสูญหาย จึงถูกคำสาปอันใดจำพวกนั้น ก็ไม่ใช่ความจริง
ซูจิ่นซีราวกับแมวน้อย นางใช้ศีรษะถูไถไปมาที่ปลายคางของเยี่ยโยวเหยา น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรักใคร่และเย้ายวน “ตำนานเล่าว่า ชนเผ่าไป๋ได้รับบัญชาจากเทพเจ้าให้ซ่อนตัวอยู่ที่เมืองเจียงหลิง เพื่อพิทักษ์อั้นหรานเซียวหุน นั่นเป็นเพียงคำโกหกหรือเพคะ? ”
ซูจิ่นซีเพียงต้องการนอนในจุดที่ตนเองผ่อนคลายที่สุดเท่านั้น ไม่คิดว่าท่วงท่าเย้ายวนของนางเช่นนี้จะปลุกไฟราคะของเขาให้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง