SD:บทที่ 105 การเดินทางตอนดึก
เมื่อ ซูฉิวไป่ และกลุ่มของเขามาถึงเมืองชิงเหอท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว หลังจากที่ส่งจักรพรรดิ์ทั้งหมดกลับไปที่บ้านของ ซูฉิวไป่ พี่น้องแก๊งรถซิ่งก็แยกย้ายจากไปเช่นกัน
ในทางกลับกัน กู่เฉิงหยา และอาจารย์ตงฟางต้องการทำธุระบางอย่าง เธอจึงบอกกับ ซูฉิวไป่ ว่าจะติดต่อเขาในวันถัดไปและพวกเขาจะไปดูงานเขียนอักษรในเวลานั้นด้วย
ซูฉิวไป่ ไม่มีเวลาดูแลพวกเขาเพราะกำหนดเวลาสำหรับการทดสอบกำลังจะจบลง เขาคิดว่าเขาจะไปส่งจักรพรรดิ์ในคืนนี้เพื่อให้การทดสอบแรกเสร็จสิ้น
สุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถทำตัวเอื่อยเฉยได้เหมือนเมื่อก่อน เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อไม่มีความลังเลอีกต่อไปในตอนกลางคืนเขาเปิดช่องทางมิติและส่งจักรพรรดิ์ทั้งหมดกลับไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ตงฟางและ กู่เฉิงหยา ที่จะมาเยี่ยมเยียนในวันพรุ่งนี้ ซูฉิวไป่ จึงหยิบสิ่งของต่างๆมากมายจากพระราชวังก่อนที่จะกลับมา เขาหยิบหยกและสิ่งต่างๆใส่ในรถของเขาก่อนที่จะเดินทางกลับมา
จริงๆแล้วนี่เป็นความคิดของเหล่าจักรพรรดิ พวกเขารู้ว่าอันตรายชนิดใดที่ ซูฉิวไป่ ต้องเผชิญในสังคมยุคของเขา ดังนั้นพวกจักรพรรดิจึงมอบของเหล่านี้ให้กับ ซูฉิวไป่ เพื่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด
เมื่อได้รับความมีน้ำใจจากจักรพรรดิ ซูฉิวไป่ เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาจะระลึกถึงความเมตตาครั้งนี้ในใจของเขาและรอจนกว่าจะมีโอกาสตอบแทนพวกเขา
ดังนั้นเมื่อส่งจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นคนสุดท้าย ในห้องของ ซูฉิวไป่ ก็เต็มไปด้วยของเก่าจากราชวงศ์ต่างๆ หากจะพูดตามความจริงแล้วกล่าวได้ว่าตอนนี้ ซูฉิวไป่ เป็นผู้ร่ำรวยอย่างมาก
เขารวยเกินไปแล้ว!
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันเขา อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเก็บรักษาสิ่งเหล่านี้ หากจัดการไม่ดีผู้คนอาจคิดว่าเขาเป็นพวกขโมยสุสาน
ซูฉิวไป่ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและตรงไปที่บ้านของเพื่อนบ้าน ในตอนที่เขาไปตงไห่เขาได้ฝากวังไค่และสุนัขสีขาวตัวเล็กของ เซี่ยหรงหรง ไว้ที่นั่นดังนั้นเขาจึงต้องการพาสุนัขของเขากลับมา
สุนัขทั้ง 2 ตัวดีใจมาก ซูฉิวไป่ได้ขอบคุณ คุณป้าเพื่อนบ้านของเขา ตอนแรกเขาต้องการให้เงินกับเธอ แต่เธอปฏิเสธข้อเสนอและบอกว่าเธอไม่ต้องการเงินนั้น เธอเพียงบอกว่าให้เขาจ่ายเงินค่าเช่าให้ตรงเวลา
ซูฉิวไป่ อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานเขาจึงคุ้นเคยกับทัศนคติของป้าคนนี้ แม้เธอจะปากร้ายแต่ภายในของเธอนั้นเป็นคนใจดี ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงหัวเราะและไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อสุนัข 2 ตัวกลับมาที่บ้านของ ซูฉิวไป่ ซูฉิวไป่ ก็ไม่ได้สนใจพวกมันอีกเขานอนลงบนโซฟาและเริ่มศึกษาระบบนำทาง
หลังจากส่งจักรพรรดิเฉียนหลงกลับไประบบได้แจ้งให้เขาทราบว่าเขาเสร็จสิ้นการสอบส่วนแรก และส่วนที่ 2 จะเปิดการทดสอบหลังจากนี้ ตอนนี้เขาสามารถปลดล็อคคุณสมบัติเพิ่มเติมได้แล้ว
ซูฉิวไป่ คาดหวังมานานว่าเขาจะสามารถปลดล็อกคุณสมบัติใหม่ได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับคะแนนเติบโตจำนวนมากหลังจากที่ทำงานเสร็จ
งานแต่ละครั้งของ ซูฉิวไป่ ในอดีตจะได้เพียงไม่กี่ร้อยคะแนนเท่านั้น
แต่ในครั้งนี้เขาได้รับคะแนนเติบโตหลายพันคะแนน!
เมื่อ ซูฉิวไป่ เห็นคะแนนเติบโตเหล่านี้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากยิ่งกว่าเห็นโบราณวัตถุในห้องของเขาซะอีก เขาสามารถหาวิธีได้รับโบราณวัตถุเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายแต่คะแนนการเติบโตนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะหาได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ด้วยคะแนนการเติบโตของเขาเขาสามารถได้รับวัตถุโบราณอะไรก็ได้ที่เขาต้องการได้อย่างง่ายดาย
ซูฉิวไป่ ยังไม่ได้สนใจสิ่งอื่น เขานอนอยู่บนโซฟาและเริ่มค้นคว้าเพิ่มเติมพร้อมกับไตร่ตรองวิธีการใช้ประโยชน์จากค่าคะแนนการเติบโตให้มากที่สุด!
ตอนนี้เขาต้องทำทุกอย่างอย่างรอบคอบมิฉะนั้นทุกอย่างจะถูกทำลาย!
หลังจาก ซูฉิวไป่ ลุกขึ้นจากโซฟาเขาสังเกตเห็นสุนัข 2 ตัวลากโบราณวัตถุมาเล่น
วังไค่ สวมมงกุฎบนหัวของมัน
ซูฉิวไป่ พูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้
ให้ตายสิ….นายรู้บ้างไหมว่าสิ่งนี้มีค่าเท่าไหร่ ..นายเอามาเล่นแบบนี้ได้ยังไง!
หลังจากอธิบายให้สุนัขฟังระยะเวลาหนึ่ง ซูฉิวไป่ ก็ถอดมงกุฎออกจากหัวของวังไค่ สุนัขสีขาวตัวเล็กๆหัวเราะชอบใจ ซูฉิวไป่ ได้แต่ยืนอึ้งและพูดไม่ออก
แต่เดิมเขาคิดว่าจะโทรหา เซี่ยหรงหรง แต่กังวลว่าตอนนี้เธออาจนอนหลับไปแล้ว อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังลังเลโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อ ซูฉิวไป่ ดูโทรศัพท์ของเขา เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อมันเป็นสายจาก เซี่ยเซี่ยวมู่ เขารีบรับสายทันที
“พี่ไป่ในที่สุดพี่ก็กลับมา หากพี่ไม่กลับมาในเร็วๆนี้ผมคิดว่าพี่สาวของผมคงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง”
ก่อนที่ ซูฉิวไป่ จะพูดอะไรออกมา เซี่ยเซี่ยวมู่ ก็พูดออกมาก่อน
ในตอนแรก ซูฉิวไป่ ค่อนข้างผ่อนคลายแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ เซี่ยเซี่ยวมู่ พูดเขาเริ่มรู้สึกเป็นกังวลอีกครั้ง
หลังจากนั้น เซี่ยเซี่ยวมู่ ก็เริ่มอธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรวมถึงวิกฤตของเซี่ยกรุ๊บที่ต้องเผชิญหน้ากับการฉ้อโกง เซี่ยหรงหรง ต้องนอนดึกเป็นประจำเพราะเรื่องนี้
เขายังกล่าวอีกว่า เซี่ยหรงหรง ไม่ฟังคำแนะนำจากใครเธอกำลังคิดหาวิธีที่จะลดแรงกดดันของเซี่ยกรุ๊บที่กำลังเผชิญอยู่
เซี่ยเซี่ยวมู่ ยังกล่าวอีกว่าเขาต้องการโทรหา ซูฉิวไป่ ก่อนหน้านี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ซูฉิวไป่ ก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เซี่ยหรงหรง ไม่เห็นด้วยเธอบอกว่า ซูฉิวไป่ กำลังยุ่ง และเธอยังยืนยันว่าเธอสามารถจัดการเรื่องนี้ได้!
เซี่ยเซี่ยวมู่ ได้รับข่าวจากพี่น้องแก๊งรถซิ่ง ซูฉิวไป่ กลับมาในวันนี้นั่นคือเหตุผลที่เขาโทรมา
จริงๆแล้วความตั้งใจของเขาก็คือแค่อยากจะขอให้ ซูฉิวไป่ เกลี้ยกล่อมให้ เซี่ยหรงหรง พักบ้าง สุดท้ายแล้วในความคิดของ เซี่ยเซี่ยวมู่ เซี่ยกรู๊บ ไม่ได้สำคัญเท่ากับพี่สาวของเขา
หลังจากได้ฟังดังนั้น สีหน้าของ ซูฉิวไป่ เปลี่ยนเป็นจริงจัง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เซี่ยหรงหรง มีน้ำเสียงผิดปกติเมื่อพวกเขาโทรคุยกันเมื่อเร็วๆนี้ เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น
ก่อนที่เขาจะวางสาย ซูฉิวไป่ ได้บอก เซี่ยเซี่ยวมู่ ว่าเขาจะไปหา เซี่ยหรงหรง
หลังจากวางสาย ซูฉิวไป่ ออกจากบ้านและล็อคประตูทันที
ในระหว่างที่โทรคุยกับ เซี่ยเซี่ยวมู่ เซี่ยเซี่ยวมู่ ได้บอกว่า เซี่ยหรงหรง ยังคงอยู่ในอาคารของบริษัทดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงขับรถตรงไปที่เซี่ยกรุ๊บ
ได้ขนาดนั้นนอกสำนักงานผู้ช่วยของ เซี่ยหรงหรง ลั่วชิง กำลังมองหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่ในสำนักงาน เธอถอดหายใจและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เธอพยายามแนะนำให้เซี่ยหรงหรงกลับไปพักผ่อนแต่เซี่ยหรงหรงกลับไม่ฟัง
ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ลั่วชิง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เธอรู้สึกแปลกๆที่มีใครมาสำนักงานในเวลานี้ เมื่อเธอหันศีรษะกลับไปเธอก็เห็นชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเดินมา
ในขณะที่เธอกำลังจะชี้แจงกับผู้ชายคนนี้ ภาพลักษณ์ของเขาก็ประจวบเหมาะกับตัวตนของ ซูฉิวไป่ ที่อยู่ในจิตใจของเธอ
ลั่วชิง รู้สึกประหม่าทันทีเธอเข้าใจว่าชายคนนี้คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซูฉิวไป่ คนที่ เซี่ยหรงหรง ยกย่อง เป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุด
ลั่วชิง ก้าวไปด้านหน้า 2ก้าว ในขณะที่เธอจะพูดขึ้น ซูฉิวไป่ ก็ขัดจังหวะโดยการกระซิบว่า
“ เซี่ยหรงหรง ยังอยู่ในห้องทำงานหรือเปล่า?”หลังจากได้รับคำตอบ ซูฉิวไป่ รู้สึกเป็นทุกข์อย่างกะทันหันเขาส่ายหัวและค่อยๆเดินช้าๆเปิดประตูเบาๆ
เซี่ยหรงหรง คิดว่าเป็น ลั่วชิง ดังนั้นเธอจึงไม่เงยหน้าขึ้น เธอยังคงวิเคราะห์แผนในมือของเธอ เธอตั้งใจทำงานให้เร็วที่สุดในคืนนี้เพราะถ้าหากชักช้าบริษัทของเธออาจจะต้องสูญเสียมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น…
“คุณดื้อเกินไป หากคุณยังทำแบบนี้สุขภาพของคุณจะได้รับผลกระทบอีกครั้ง”
ในขณะเดียวกัน เซี่ยหรงหรง รู้สึกอธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกราวกับเพิ่งถูกฟ้าผ่า
เสียงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมาก
เธอเงยหน้าอย่างช้าๆและมองเข้าไปดวงตาของ ซูฉิวไป่ แก้มของเธอเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?คุณไม่เหนื่อยหลังจากกลับมาที่นี่อย่างนั้นหรอ”
อย่างไรก็ตาม เซี่ยหรงหรง ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาการแสดงออกและน้ำเสียงของเธอเป็นธรรมชาติมาก แต่ดวงตากลมโตของเธอยังคงจ้องใบหน้าธรรมดาของ ซูฉิวไป่
“ คุณชอบเก็บเรื่องต่างๆไว้กับตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเซี่ยวมู่ไม่โทรหาผม ผมคงไม่รู้เรื่องนี้! คุณไม่ควรที่จะทำงานดึกแบบนี้ตลอด”
ระหว่างทางที่ ซูฉิวไป่ มาที่นี่เขารู้สึกโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าทำไมทันทีที่เขาเห็นหน้าเธอความโกรธก็ได้ละลายหายไป เขารู้สึกเจ็บปวดบางอย่างในใจซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณเองก็มีหลายอย่างที่ต้องจัดการ”
เซี่ยหรงหรง ยังคงพูดราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอรู้สึกว่าภาระที่เธอกำลังแบกรับนั้นลดลง
“ไปกันเถอะ ได้เวลาพักผ่อนแล้ว..คุณควรพักผ่อน”
ซูฉิวไป่ ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงของเขาจึงเหมือนการออกคำสั่ง เขาจับมือของ เซี่ยหรงหรง หลังจากพูดเสร็จ
——————————————–