ตอนที่ 110-4 เมืองหลวงเกิดเรื่อง

จำนนรักชายาตัวร้าย

ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือออกไป นิ้วเรียวยาวเขาลูบไล้เส้นผมดำขลับของอวี้เฟยเยียน

 

 

“ศัตรูอยู่ที่ลับ เราอยู่ที่แจ้ง ในตอนนี้พวกเราควรจะเฉยเอาไว้ก่อนจะดีกว่า! พี่ได้สั่งให้เสวี่ยเยียนคอยคุ้มกันหลิงเอ๋อร์อย่างลับๆ แล้ว! ในเมื่อพวกมันมารนหาที่ตาย พี่จะส่งเสริมพวกมันเอง!”

 

 

ในเวลาเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนยังคิดถึงเป็นห่วงเป็นใยหนานกงจื่อหลิง จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเขารักน้องสาวคนนี้มากนัก!

 

 

แต่เขาและสกุลหนานกงถูกลิขิตให้ต้องตายกันไปข้างหนึ่งเสียแล้ว ถึงตอนนั้นหนานกงจื่อหลิงที่เป็นคนกลาง จะทำอย่างไรกันนะ

 

 

“ฉิงเทียน ข้าเอ็นดูหลิงเอ๋อร์ยิ่งนัก ไม่อยากให้นางต้องถูกทำร้าย!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีงามยิ่งนัก จึงไม่ควรที่จะต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้เลย!

 

 

ได้ยินอวี้เฟยเยียนกล่าวเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงยื่นมือออกไปกุมมือนางเอาไว้

 

 

“พี่จะปกป้องนางอย่างดี!”

 

 

มีประโยคนี้จากซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้อวี้เฟยเยียนคลายความกังวลใจไปได้มากทีเดียว

 

 

ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างซย่าโหวฉิงเทียนและสกุลหนานกง หนานกงจื่อหลิงคงจะลำบากใจไม่น้อย

 

 

ด้านหนึ่งคือน้องสาว อีกด้านคือศัตรู ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็ใช่ว่าจะทำใจได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

 

 

ลำบากเขาจริงๆ !

 

 

“ฉิงเทียน…”

 

 

อวี้เฟยเยียนโอบเอวของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา

 

 

“ข้าจะรักเจ้าให้มาก!”

 

 

จู่ๆ อวี้เฟยเยียนก็กล่าวเช่นนี้ออกมา ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับตัวแข็งทื่อหลังจากนั้นเขาก็พลิกกายขึ้นทาบทับร่างของอวี้เฟยเยียนเอาไว้

 

 

“แมวน้อย เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

 

 

เขาจ้องมองดวงตาของอวี้เฟยเยียนเขม็งราวกับจะไม่ยอมคลาดกับอารมณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดจากดวงตาของนางแม้สักวินาที

 

 

“คำพูดๆ จะไม่พูดซ้ำสอง”

 

 

อวี้เฟยเยียนยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า แล้วลอบมองชายที่อยู่ตรงหน้าผ่านช่องระหว่างนิ้วมือ

 

 

“แมวน้อยเด็กดี พูดอีกครั้งสิ! นะ เด็กดี!”

 

 

เพื่อที่จะเอาอกเอาใจให้อวี้เฟยเยียนกล่าวประโยคเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง ซย่าโหวฉิงเทียนจึงทั้งงับทั้งจักจี้ให้นางหัวเราะออกมา

 

 

สุดท้ายอวี้เฟยเยียนก็หัวเราะออกมาจนแทบขาดใจ จนต้องขอร้องให้เขายอมปล่อยนาง!

 

 

“ข้ายอมแพ้แล้ว ฉิงเทียน อย่าจักจี้ข้าอีกเลย!”

 

 

“กล่าวประโยคเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง แล้วพี่จะยอมปล่อยเจ้า!”

 

 

“ฉิงเทียน ข้ารักท่าน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนหัวเราะอย่างหนักแม้กระทั่งดวงตา นางจับคอเสื้อของซย่าโหวฉิงเทียนแล้วกระตุกเข้าหาตัว ประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากเขา

 

 

“ข้าจะตั้งใจรักท่านให้มาก!”

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่คำว่า ‘รัก’ ออกจากปากอวี้เฟยเยียน ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับตกตะลึงไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะได้สติกลับมา

 

 

“รักหรือ”

 

 

“แมวน้อยรักเขา!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่รู้ว่าสรรหาคำพูดใดมาใช้มาบรรยายความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามาในหัวใจเขาในตอนนี้ นางรักเขา ไม่ใช่แค่ชอบ แต่นางรักเขา! มันล้ำลึกเสียยิ่งกว่าแค่ชอบหลายเท่านัก!

 

 

คำพูดที่นางเปล่งออกมานั้น ได้กล่าวความคิดสิ่งที่อยู่ในใจของซย่าโหวฉิงเทียนออกมาเช่นกัน

 

 

เขารู้สึกมาตั้งนานแล้วว่าความรู้สึกเขาที่มีต่ออวี้เฟยเยียนไม่อาจใช้เพียงคำว่า ‘ชอบ’ คำนี้มาบรรยายได้

 

 

เพียงแต่ว่าเขาครุ่นคิดอยู่เป็นนานก็ไม่สามารถสรรหาคำที่เหมาะออกมาบรรยายความรู้สึกห่วงหาอาวรณ์เช่นนี้ได้

 

 

ตอนนี้อวี้เฟยเยียนกล่าวคำนั้นออกมา เขาก็เข้าใจในทันที

 

 

ที่แท้แล้ว เขารักนางมาตั้งนานแล้ว!

 

 

รักในทุกสิ่งที่เป็นของนาง!

 

 

“แมวน้อย…”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจุมพิตลึกซึ้งตอบกลับอวี้เฟยเยียน อวี้เฟยเยียนมาสารภาพรักกับเขา เขาไม่เคยดีใจมากเท่านี้มาก่อนเลย

 

 

ดีจริงๆ !

 

 

บังเอิญได้พบกับนาง

 

 

บังเอิญที่เขารักนาง และนางก็รักเขาเช่นกัน

 

 

พรหมลิขิตกำลังเบ่งบานระหว่างคนทั้งสอง ก่อกำเนิด ผลิดอก เติบโตขึ้น…

 

 

“พี่ก็รักเจ้า!”

 

 

พี่จะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป ไม่แยกจากกัน จะติดตามเจ้าทุกชาติไป!

 

 

หลังจากที่คนทั้งสองได้เผยความรู้สึกของกันและกันออกไปแล้ว ความรักของพวกเขาก็ยิ่งอบอุ่นสุกงอมมากยิ่งขึ้น

 

 

พี่ชายและพี่อวี้รักและผูกพันกันถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าหนานกงจื่อหลิงย่อมต้องดีใจเป็นอย่างมาก ถึงกระทั่งว่าวิ่งไปที่เบื้องหน้าซย่าโหวฉิงเทียน เพื่อเอ่ยความปรารถนาของอวี้เฟยเยียนให้เขาได้รับรู้

 

 

“ขอแต่งงาน”

 

 

ศัพท์คำนี้ถือเป็นคำแปลกใหม่สำหรับเขา เพียงแค่ได้ฟังก็รู้ในทันทีว่าอวี้เฟยเยียนเป็นคนพูดมันออกมาแน่

 

 

“ใช่นะสิ! พี่ใหญ่ พี่อวี้เคยกล่าวเอาไว้ด้วยนะ ว่าหากไม่มีการขอแต่งงานก็จะไม่แต่งงานกับใครเด็ดขาด! ดังนั้นท่านต้องพยายามให้มากแล้วละ!”

 

 

มีหนานกงจื่อหลิงเป็นสายลับตัวน้อยให้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนพอจะเข้าใจแล้วว่าขอแต่งงานคืออะไร

 

 

ในเมื่อแมวน้อยชื่นชอบ เขาก็จะจัดการขอแต่งงานให้สวยงามน่าให้นางประทับใจจนจดจำเอาไว้ไม่ลืมเลือนทีเดียว เขาจะทำให้อวี้เฟยเยียนยินยอมแต่งงานกับเขาด้วยความยินดีและเต็มใจ

 

 

ทว่า ยังไม่ทันที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะคิดออกว่าจะขอนางแต่งงานอย่างไรดี ก็มีข่าวไม่ค่อยจะสู้ดีรายงานมาเสียก่อน

 

 

“อะไรนะ เมืองหลวงเกิดเรื่อง”

 

 

หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ อวี้เฟยเยียนถึงกับลุกขึ้นยืนทีเดียว

 

 

ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ เมืองหลวงก็เกิดโรคประหลาดระบาดขึ้น ซึ่งติดต่อไปสู่ผู้คนมากมาย มีคนตายไปแล้วห้าคน ในตอนนี้หมอทั้งหมดในหอคืนชีพต่างก็ออกไปปฏิบัติหน้าที่ แม้กระทั่งหมอเทวดาฮั่วก็ถึงกับจนปัญญา

 

 

ตอนนี้ประชาชนชาวเมืองหลวงอกสั่นขวัญแขวน ฮ่องเต้จึงทรงเรียกซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกลับเมืองหลวงโดยด่วน

 

 

ยังมีเรื่องที่ทำให้อวี้เฟยเยียนรู้สึกว่าเรื่องมันยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก นั่นก็คือ ตี้อู่เฮ่ออีหายสาบสูญไป!

 

 

ทั้งมีโรคประหลาด ทั้งคนก็หายตัวไป ชักจะได้กลิ่นเค้าลางไม่ดีที่ชัดเจนออกมาเสียแล้ว

 

 

“เจ้าทึ่มหายสาบสูญไปได้อย่างไรกัน!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยได้รู้ก็ร้อนใจจนทนไม่ไหว แทบอยากที่จะควบม้ากลับเมืองหลวงเสียเดี๋ยวนั้น