ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****176: ข่าวคราวของครอบครัว

ฮั่นเห็นว่าเจ้าอ้วนกำลังสับสน เขารู้สึกดีใจมากพร้อมกับกล่าวอย่างช้าๆ “ฮี่ฮี่ คืออย่างนี้นะศิษย์น้องสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสายตาและช่างวุ่นวาย มันไม่เหมาะสมที่จะพูดคุย ข้ามองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ เราควรเปลี่ยนสถานที่เพื่อพูดคุยกัน!”

เจ้าอ้วนคิดอย่างระมัดระวังเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ‘แม้ว่าสถานที่ในนครเวหาจะปลอดภัย แต่จำนวนของผู้ที่ถูกลอบสังหารในที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่น้อย! ถ้าหากไม่ใช่การต่อสู้ที่รุนแรงต่อหน้าสาธารณะชน เหล่าผู้คุ้มกันก็ไม่อาจใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นได้ อีกทั้งบุคคลผู้นี้เพิ่งพบข้าในครั้งแรก เขาอาจจะพยายามวางแผนซุ่มโจมตีข้ารึเปล่า?’

ราวกับเขาล่วงรู้ความคิดของเจ้าอ้วนที่กำลังไม่ไว้ใจเขา ฮั่นเผยยิ้มออกมาพร้อมกับขว้างบางสิ่งบางอย่างไปที่เจ้าอ้วน

สิ่งของชิ้นนี้ไม่มีปราณจิตวิญญาณใดๆและพวกเขาอยู่ในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เจ้าอ้วนจึงไม่ได้เกรงกลัวที่จะถูกปล้น ดังนั้นเขาจึงคว้ารายการนี้ทันทีที่เขาสังเกตุเห็นมัน

ราวกับเรื่องโกหกในมือของเขาถือสร้อยหยกของแม่เขาอยู่ มันไม่ใช่อุปกรณ์วิเศษใดๆ มันเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ที่พ่อของเขาแกะสลักไว้และมอบมันให้กับแม่เท่านั้น โดยปกติแล้วแม่ของเขาจะใส่มันติดตัวไว้ตลอดและจะไม่ให้ผู้ใดเห็นมัน เจ้าอ้วนจับสร้อยเส้นนี้เล่นอยู่หลายครั้งเมื่อคราวที่เขายังอาศัยอยู่กับครอบครัวและมีเวลาใกล้ชิดกัน แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่รู้จักมัน?

ตอนนี้ผ่านมาแล้วสิบปี เด็กน้อยคนนั้นเติบโตกลายเป็นชายหนุ่มมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่น่าตกใจสำหรับโลกของผู้ฝึกตน แต่ว่าครอบครัวของเขาไม่มีวันกลับมาแล้ว สร้อยคอยังคงส่องแสงราวกับครอบครัวกำลังส่งยิ้มให้กับเขา แต่ตอนนี้เจ้าอ้วนและพวกเขาถูกแยกจากกันด้วยความตายและไม่อาจพบเจอกันได้อีกครั้ง

เมื่อคิดถึงเรื่องครอบครัว แม้ว่าเจ้าอ้วนจะเข้มแข็งมากเพียงใดก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ กล้ามเนื้อแขนของเขาตึงและเสื้อผ้าในส่วนนั้นฉีกขาด! เจตนาฆ่าถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงจากร่างกายของเขา แม้ว่าระดับของฮั่นจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าอ้วนแต่เขายังอดประหลาดใจไม่ได้กับความรุนแรงเช่นนี้ ใบหน้าของเขาซีดขาวพร้อมอธิบายอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้องซ่ง ครอบครัวของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้ามากนัก ข้าคงไม่อาจมีความสามารถไปข่มขู่พวกเขาได้! ข้าเพียงต้องการขายข้อมูลนี้ให้กับเจ้าเพราะต้องการเงิน แม้ว่าเจ้าจะไม่ตกลงกับข้อเสนอนี้ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องโกรธข้า ถูกต้องหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนหยุดคิดชั่วขณะหนึ่งและเข้าใจว่าเขาพูดความจริง จากนั้นเขาค่อยๆรวบรวมสติของตนเองและจัดการกับปราณจิตวิญญาณพร้อมกล่าวว่า “ไปยังสถานที่เงียบๆเพื่อคุยกันเถิด!”

พวกเขาไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆกับประตูเคลื่อนย้าย มันเป็นร้านอาหารที่เหมาะสมกับผู้ฝึกตน อาหารและไวน์ทุกสิ่งล้วนแต่มีปราณจิตวิญญาณอยู่ ภายใน ร้านค้าแห่งนี้มีแม้กระทั่งมัจฉาไร้เนตรพร้อมกับเห็ดจิตวิญญาณ แน่นอนว่าราคาของมันสูงมากและไม่ใช่สถานที่ที่ฮั่นจะสามารถเข้าได้บ่อยๆ เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาสดใสขึ้นทันทีพร้อมกล่าวอย่างร่าเริง “ยอดเยี่ยม งั้นข้าขอรบกวนศิษย์น้องด้วย!”

“ไม่ต้องกังวล!” เจ้าอ้วนอดทนที่จะไม่สังหารเขาและพาเขาไปยังร้านอาหารพร้อมกับร้องขอห้องส่วนตัวทันที

ราวกับว่าฮั่นนั้นรู้อยู่แล้วว่าเจ้าอ้วนมีฐานะร่ำรวย เขาไม่มีพิธีรีตองมากนัก เขาสั่งอาหารมาทันทีสิบจานแต่ละจานมีมูลค่านับร้อยหินจิตวิญญาณ! เห็นได้ชัดว่ามันมากเกินไปสำหรับสองคน แม้ว่าเจ้าอ้วนจะมีรูปร่างใหญ่ แต่เขาไม่สามารถกินทั้งหมดนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าวันนี้จะต้องมีของเหลือ

พนักงานเสิร์ฟอยู่ในระดับเซียนเทียนและมีไหวพริบอย่างมาก เขารู้ได้ทันว่าฮั่นมีฐานะยากจนและผู้ที่สามารถจ่ายได้จริงๆคือเจ้าอ้วน ดังนั้นแม้ว่าการคุยกับฮั่นเขาจะดูสุภาพ แต่สายตาของเขาไม่เคยละเลยเจ้าอ้วนเลยสักครั้ง หลังจากที่ฮั่นจัดการสั่งอาหารทุกอย่างแล้วเขามองไปที่เจ้าอ้วนพร้อมถามว่า “ศิษย์พี่ ท่านต้องการอาหารพวกนี้ทั้งหมดหรือไม่?”

“อืม เราจะรับมันไว้ทั้งหมด!” เจ้าอ้วนกล่าวออกไปอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับมองไปที่ฮั่นและกล่าวอย่างใจเย็น “ขอไวน์ด้วยสักสองสามขวด!”

“เป็นเช่นนั้น!” ฮั่นคิดว่าเจ้าอ้วนจะระงับการสั่งอาหารของเขาอีกทั้งยังไม่คาดคิดว่าเขาจะสั่งเพิ่มอีกด้วย เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับคิดในใจ ‘เยี่ยม เหมือนว่าตอนนี้ข้าได้พบกับเหยื่อที่ถูกใจเสียแล้ว!’

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเจ้าอ้วนกำลังคิดอะไรบางอย่างที่มันก่อให้เกิดอันตรายกับเขา ‘เจ้าบ้าที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตาย ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีมื้อสุดท้ายที่ดี! จงรับมันไปซะ!’

เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนยินยอม พนักงานไม่รีรอและรีบจัดการทุกอย่างทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮั่นอดไม่ได้ที่จะแปลกใจพร้อมกับเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นภายในใจเล็กน้อย ก่อนอื่นต้องรู้ว่าจานที่เขาสั่งไปทั้งหมดมูลค่าเป็นหินจิตวิญญาณนับหมื่นก้อน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะมีน้ำใจเช่นนี้ ถ้าหากเป็นผู้อื่นที่แต่งตัวเช่นเจ้าอ้วนและสั่งอาหารมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องถูกสงสัยว่าเขาสามารถจ่ายได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าพนักงานเสิร์ฟคนนี้จะไม่สงสัยอะไรในตัวเจ้าอ้วนเลย เป็นไปได้อย่างไร?

เมื่อคิดเช่นนั้น ฮั่นถามออกไป “ศิษย์น้องซ่งดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับร้านอาหารนี้มากนัก เจ้าเคยมาที่นี่บ่อยงั้นหรือ?”

“ข้าเพียงแวะมาดื่มบ้างเป็นครั้งคราว!” เจ้าอ้วนตอบอย่างใจเย็น ในความจริงเขากำลังกล่าวเท็จโดยสมบูรณ์ นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นห้า เขามาที่นี่บ่อยมากเพื่ออวดความมั่งคั่งของตนเอง ทุกมื้อที่เขามาจะเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศและไวน์ที่ดีที่สุด อีกทั้งก่อนจะกลับเขายังไม่ลืมที่จะสั่งอาหารบางอย่างกลับไปด้วย เมื่อก่อนหลังจากเขาสั่งอาหารเสร็จ เขาจะต้องจ่ายเงินทันที แต่พอนานวันเข้าพวกเขาต้องการจะรักษาอ้วนน้อยผู้นี้ไว้ราวกับสมบัติ แม้ว่าเจ้าอ้วนจะสั่งอาหารนับร้อยจาน แต่จะไม่มีพนักงานคนไหนกล้าตั้งคำถามเขาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ฮั่นจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ หลังจากผ่านช่วงเวลาสั้นๆไป ปรากฏอาหารมากมายบนโต๊ะ สำหรับผู้ฝึกตนนับว่าเป็นบริการที่อำนวยความสะดวกได้อย่างดี ถ้าหากอาหารเหล่านี้ใช้ไฟธรรมดาในการปรุงก็คงจะไม่มีรสชาติที่ดีเช่นนี้ แต่ทว่าพ่อครัวใช้ไฟต้นกำเนิดเพื่อปรุงแต่งมันพร้อมกับอุปกรณ์วิเศษประเภทกะทะต่างๆ ดังนั้นการปรุงอาหารของพวกเขานั้นรวดเร็วมากซึ่งอาหารสิบจานนั้นใช้เวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น

หลังจากที่เสิร์ฟอาหารทั้งหมดเสร็จแล้ว พนักงานเดินออกไปด้านนอกทันทีเพื่อมอบความเป็นส่วนตัวในการพูดคุย

ในหัวของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับครอบครัวตนเอง เขาจึงไม่ค่อยหิวเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามสำหรับฮั่นนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง กริยาของเขานั้นราวกับว่าเป็นบุคคลที่ไม่เคยพบเจอกับอาหารมานานนับสิบปี เขาใช้มือทั้งสองข้างคว้าอาหารอย่างมูมมาม กวาดผ่านอาหารทุกอย่างบนโต๊ะอย่างน่าเกลียด ภาพตรงหน้าทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกพะอืดพะอมและหมดอารมณ์ที่จะกินมันทันที เขานั่งจมอยู่ในความเสียใจพร้อมกับค่อยๆจิบไวน์อย่างเจ็บปวด

หลังจากผ่านไปสิบนาที ฮั่นได้หยุดมือลง จากนั้นเขาดื่มไวน์ปิดท้ายพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน เนิ่นนานมากแล้วที่ข้าไม่ได้กินอาหารดีๆเช่นนี้!”

เมื่อเห็นว่าเขากินเสร็จแล้ว เจ้าอ้วนวางแก้วไวน์อย่างใจเย็นพร้อมกล่าวว่า “เรียบร้อยแล้วงั้นหรือ?”

“เรียบร้อย!” ฮั่นตอบกลับ

“งั้นเรามาคุยเรื่องของเรากันเลย!”

“อ่า แน่นอน!” ขณะที่ฮั่นได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม “ศิษย์น้องซ่งมอบหินจิตวิญญาณให้กับข้าห้าแสนก้อนและข้าจะบอกตำแหน่งของครอบครัวเจ้า!”

“จำนวนห้าแสนนั้นไม่ใช่ปัญหา!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างใจเย็น “แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้โกหก?”

“ห้าแสนก้อนไม่ใช่ปัญหางั้นหรือ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกหดหู่ทันที ไม่มีคำพูดใดๆเขาตบหน้าตนเองพร้อมกล่าวอย่างไร้ยางอาย “ศิษย์น้องซ่ง ข้าคิดว่าข้าจะต้องเมาอย่างแน่นอน มันไม่ใช่ห้าแสน แต่เป็นหนึ่งล้านห้าแสนก้อน!”

“ข้าสามารถจ่ายให้เจ้าได้สองล้านห้าแสนก้อน!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเยือกเย็น

ในขณะที่ฮั่นได้ยินเช่นนั้นเขาตกลงทันที “สองล้านห้าแสนก้อน? สวรรค์! ข้าต้องของคุณศิษย์น้องซ่งจริงๆจากหัวใจ!”

“ผ่อนคลายเถิด!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมา “เจ้าต้องสามารถยืนยันคำพูดตนเองได้ว่าทุกอย่างคือความจริง ถูกต้องหรือไม่?”

“แน่นอนว่ามันคือความจริง สร้อยคอนั่นเป็นหลักฐานได้อย่างดี!” ฮั่นรีบกล่าวออกมา

“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้กล่าวเท็จใดๆ ทุกสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมาอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเยือกเย็น

“มันก็เป็นไปได้!” ฮั่นตอบกลับอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมอธิบาย “ข้าสาบานได้ว่ามันคือเรื่องจริง! ถ้าหากเจ้าสามารถยืนยันได้ว่าข้าโกหก เจ้าสามารถย้อนกลับมาชำระแค้นกับข้าได้เลย!”

“เหอะ! ภายในเทือกเขาใหญ่นี้ มีผู้ฝึกตนนับล้านอาศัยอยู่แล้วข้าจะไปค้นหาเจ้าได้ที่ไหน!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับกล่าวต่ออย่างเขร่งขรึม “หยุดกล่าวเรื่องไร้สาระ ถ้าหากเจ้าไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมข้าไม่สามารถมอบหินจิตวิญญาณให้กับเจ้าได้!”

“เรื่องนั้น…” เมื่อฮั่นได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกอึดอัดทันที ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ศิษย์น้องกำลังสร้างความยากลำบากให้ข้า ในตอนนี้ข้าไม่มีหลักฐานอื่นจริงๆ! แล้วข้าจะสามารถนำมันมาให้เจ้าได้อย่างไร?”

“เหอะเหอะ” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมา “เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ? ข้าเกรงว่าเจ้าเพียงต้องการจะล่อลวงข้าไปพบกับมือสังหารเพียงเพราะสมบัติวิเศษขั้นห้า ถูกต้องหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าเรื่องเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้น!” ฮั่นสัญญาออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง

“อย่างนั้นหรือ!” เจ้าอ้วนขี้เกียจจะเถียงกับเขาต่อพร้อมกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “ประการแรกเจ้าควรบอกข้าเกี่ยวกับเบาะแสของครอบครัวข้าก่อนดีหรือไม่?”

“ได้เลย!” ฮั่นกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ในเช้าวันหนึ่งเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ข้ากำลังค้นหาสมุนไพรวิญญาณอยู่บนเทือกเขา ในขณะนั้นข้าพบกลุ่มผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ ในตอนนั้นข้าอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นต้นเท่านั้นและข้าไม่อาจกล้าหาญเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้! ดังนั้นข้าจึงรีบซ่อนตันทันที ข้ากลัวว่าจะถูกลากเข้าไปด้วย ข้าหลบซ่อนได้เพียงครึ่งวันเท่านั้นพวกเขาก็จบการต่อสู้ลง”

ฮั่นกล่าวต่ออย่างจริงจัง “ในเวลานั้นข้าสงสัยว่าเหตุใดผู้ฝึกตนระดับจินตันจะต้องปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้ ข้าจึงเดินไปที่สนามรบพร้อมกับพบผู้ฝึกตนสองคน มีบุรุษหนึ่งคน สตรีหนึ่งคน ถูกตรึงไว้กับต้นไม้ บุรุษผู้ฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชอบธรรมและสวมเสื้อคลุมของสำนักเสวียนเทียนสถานะของเขาคือศิษย์ชั้นใน สตรีอีกหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความงดงามและเป็นศิษย์ชั้นในเช่นกัน จากที่มองดูเพียงครั้งเดียวข้าก็เข้าใจได้ทันทีว่าพวกเขาคือคู่รัก”