ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****178: ตามหาฉุ่ยจิ้ง

เจ้าอ้วนบอกให้ปีศาจเทวะปลดปล่อยฮั่นเพื่อให้เขาฟื้นคืนสติของตนเอง ในขณะที่ฮั่นตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดและไม่สามารถขยับร่างกายได้ ทันทีที่เข้าใจสถานการณ์เขาเริ่มทำการอ้อนวอนทันที “ศิษย์น้องซ่ง เราสามารถคุยกันดี ๆ ได้!”

“จะพูดถึงสิ่งใดหรือ เจ้าไม่ต้องการหินจิตวิญญาณสองล้านห้าแสนก้อนแล้วงั้นหรือ? ข้าจะตอบสนองความต้องการนั้นเอง!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มปีศาจ

“ไม่ ไม่แล้ว ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ศิษย์พี่ซ่ง ข้ายินดีที่จะมอบข่าวนี้ให้กับท่านฟรี ๆ ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป!” ฮั่นอ้อนวอน

“เหอะเหอะ ต้องขอโทษด้วย แต่ข้าได้ข่าวที่ข้าต้องการแล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องไร้สาระของเจ้า!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ท่านค้นพบแล้วงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” ฮั่นตกใจทันที จากนั้นเขาเริ่มมองไปที่หญิงสาวรอบตัวและเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที “ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า? ท่านใช้ปีศาจเทวะเพื่อควบคุมข้าและเข้าถึงความทรงจำงั้นหรือ?”

“ฉลาดมาก! แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เจ้าควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าเจ้านั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าอีกต่อไป เหอะ ประโยชน์เดียวที่เจ้าทำได้คือเป็นเครื่องมือระบายความโกรธให้ข้า!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขายื่นมือออกมาคว้าลำคอของฮั่นเอาไว้พร้อมกับคำรามออกมา “เจ้าตัวบัดซบ เจ้าไปเอาความกล้าหาญที่จะหลอกลวงข้ามาจากไหน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเบื่อหน่ายชีวิตนี้แล้ว!”

ฮั่นพยายามดิ้นรนแต่เขาไม่อาจต่อกรกับมือขนาดใหญ่ของเจ้าอ้วนได้และถูกบีบรัดจนตายในที่สุด

หลังจากที่สังหารเขาแล้ว เจ้าอ้วนรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที เขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับซากศพ ซึ่งมันคงไม่ดีแน่นอนถ้าหากมีซากศพอยู่ภายในมิติของเขา แต่อย่างไรเขาก็ไม่สามารถนำมันออกไปด้านนอกได้

ในขณะนั้นเจ้าอ้วนมองเห็นดินสีดำ จากนั้นเขาพลันคิดบางอย่างออก เขาคิดกับตนเองทันที ‘สิ่งนี้สามารถแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ มันจะสามารถแยกร่างกายคนได้หรือไม่?’

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาโยนร่างกายของฮั่นลงไปในดินสีดำทันที ผลที่ได้ก็คือร่างกายของเขาถูกย่อยสลายโดยดินสีดำอย่างรวดเร็ว ร่างกายของฮั่นค่อย ๆ หายไป ปราณจิตวิญญาณจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมาจากดินสีดำ

นอกเหนือจากปราณจิตวิญญาณ มีสารอื่นต่าง ๆ มากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นแก๊ส เจ้าอ้วนก็ไม่อาจเข้าใจว่ามันคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสามารถตรวจสอบได้ก็คือร่างกายที่แท้จริงอยู่ภายใต้ดินสีดำ นอกจากนี้ปราณจิตวิญญาณที่แผ่กระจายออกมายังมีปริมาณที่สูงมาก ส่วนแก๊สอื่น ๆ ที่แปลกประหลาด เจ้าอ้วนเฝ้ามองมันว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับเขาหรือไม่

ถ้าหากสารเหล่านี้ไม่มีผลต่อเขาและเป็นสิ่งที่ดี เจ้าอ้วนคงไม่อาจละทิ้งซากศพของเหล่าอสูรกายได้ในอนาคต เจ้าอ้วนไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงความโชคร้ายของตนเองได้ นับว่านี่เป็นพรที่เขาไม่ได้คาดหวัง

หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าอ้วนผ่อนคลายลงหลังจากที่ออกไปเล่นกับหงหยิงทุกวัน แม้ว่าทั้งสองคนจะเพลิดเพลินอย่างมากแต่ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มนั้นไม่ได้ออกมาจากหัวใจ เพราะพวกเขาทั้งสองกำลังจะต้องถูกแยกจากกัน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่กวนใจเขาอยู่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับซากศพของครอบครัวเขา!

ในอดีตที่ผ่านมาเจ้าอ้วนไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักและไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน แต่หลังจากที่พบกับฮั่นและได้รับข่าวบางอย่างของครอบครัว สิ่งเหล่านี้ได้กระตุ้นบางสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่สามารถกินนอนได้อย่างสบายใจ ทุกครั้งที่เขาหลับตา เขาจะนึกถึงศพของครอบครัวเสมอและอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ใด หรือกลายเป็นซากศพไร้ญาติในดินแดนที่ห่างไกลหรือไม่…

ความคิดเหล่านี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกทรมานใจทุกวัน ไม่มีวันไหนที่เขาสามารถคลายปริศนาเหล่านี้ได้เลย บ่ายวันหนึ่งในขณะที่เจ้าอ้วนและหงหยิงกำลังออกไปพักผ่อน หงหยิงรู้สึกได้ว่าเจ้าอ้วนนั้นใจลอยและทำมัจฉาไร้เนตรไหม้

หงหยิงรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนอื่นที่ต้องรู้ว่าเจ้าอ้วนนั้นรักการทำอาหารมาก และให้ความสำคัญกับมัจฉาไร้เนตรที่สุดซึ่งมันเปรียบได้กับสมบัติ แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาเผามัจฉาไร้เนตรทิ้งไปมากมาย พร้อมกับไม่ใส่ใจว่ามันจะเสียหายไปกี่ตัว

หงหยิงอดถามด้วยความห่วงใยไม่ได้ “พี่ชายอ้วนเป็นอะไรรึเปล่า?”

“ไม่มีอะไร” เจ้าอ้วนตอบกลับ

“ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งใด แล้วทำไมท่านต้องเผามัจฉาไร้เนตรทิ้งขว้างเช่นนี้!” หงหยิงตอบกลับอย่างไม่พอใจ

“อา มันไหม้อีกแล้วหรือ?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที จากนั้นเขาโยนมัจฉาไร้เนตรที่ไหม้ทิ้งไปพร้อมกับหยิบตัวใหม่ออกมาทันที

เมื่อหงหยิงเห็นเช่นนั้น นางส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างหมดหนทางและกล่าวกับเขาว่า “พี่ชายอ้วน ท่านสามารถบอกเรื่องราวในใจของท่านกับข้าได้ทุกเรื่องนะ ข้าไม่สามารถรับรู้มันได้เองถ้าหากท่านไม่กล่าวมันออกมา! ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปิดบังอะไรข้าในสองสามวันที่เหลือนี้!”

“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนพึมพำพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “เอาล่ะ ตกลง ข้าจะบอกเจ้า!”

“เรื่องราวมีอยู่ว่า….” เจ้าอ้วนกล่าวออกมา “เมื่อไม่กี่วันก่อนมีบุคคลผู้หนึ่งโกหกข้าเกี่ยวกับเรื่องศพของครอบครัวข้า!”

“ว่าอะไร?” เมื่อหงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางตกใจทันทีพร้อมกล่าวต่อว่า “สวรรค์ เจ้าสามารถช่วยพวกเขากลับมาได้!”

“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ข้ารู้ว่าบุรุษคนนี้กล่าวความเท็จ นอกเหนือจากสร้อยคอของแม่ข้า เขาไม่มีหลักฐานอื่น ข้าจึงสงสัยว่าเขาเป็นศิษย์ของสำนักพันปีศาจและต้องการซุ่มโจมตีข้าเพื่อล่าค่าหัว!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างหดหู่

“เขากระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเกินไป! ถ้าหากเป็นเช่นนี้พี่ชายอ้วนจงมีสติและอย่าหลงไปติดกับดักนั่น!” หงหยิงรีบแนะนำ

“เป็นเช่นนั้น ข้าไม่เชื่อคำพูดของมันและไม่ได้ไปยังสถานที่ดังกล่าว แต่ปัญหาก็คือในขณะที่เขากล่าวถึงศพของครอบครัวข้า มันทำให้ส่วนลึกของหัวใจข้าสั่นไหว ข้ารู้สึกกระวนกระวายใจในทุกคืนวันและไม่สามารถหลับนอนดั่งคนปกติได้!”

“พี่ชายอ้วน ข้าเข้าใจอารมณ์ของท่าน แต่ปัญหาก็คือเรื่องราวมันเกิดมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ภายในเทือกเขาใหญ่เช่นนี้ท่านไม่สามารถที่จะค้นหาได้ ถ้าหากท่านคิดจะค้นหาด้วยตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร!” หงหยิงกล่าวอย่างหมดหนทาง

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น มันไม่เหมือนกัน!” เจ้าอ้วนส่ายศีรษะพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากข้าต้องการค้นหา ข้ามีหนทางที่จะทำแล้ว แต่ในตอนนี้ข้าเพียงแค่ลังเลว่าข้าจะไปหรือไม่ไป!”

“โอ้?” เมื่อหงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางรีบถามออกมาทันที “พี่ชายอ้วน วิธีการใดกันที่ทำให้ท่านได้พบกับพวกเขา?”

“มันง่ายมาก ประการแรกข้าจะไปถามคนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของข้า จากนั้นข้าจะค้นหาที่อยู่พวกมันพร้อมทั้งซื้ออุปกรณ์วิเศษบางอย่างที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวจากเลือดได้” เจ้าอ้วนกล่าวเสริม “อุปกรณ์วิเศษเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ค้นหาได้ยาก ถ้าหากข้ารู้ตำแหน่งจึงค่อยใช้อุปกรณ์วิเศษเพื่อติดตามต่อไป แน่นอนว่าจะต้องค้นพบเบาะแสบางอย่างได้ แต่ถ้าข้าไม่สามารถค้นหาสิ่งใดได้เลย ข้าควรจะไปพบฉุ่ยจิ้งเพื่อถามว่านางสามารถช่วยเหลือข้าได้หรือไม่!”

“พี่ชายอ้วนท่านช่างฉลาดจริง ๆ ทำไมข้าคิดถึงอะไรเช่นนี้ไม่ได้นะ?” หงหยิงกล่าวเสริม “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านจึงไม่ลงมือเสียที?”

“เฮ้อ ก็เพราะเหตุการณ์ที่เกิดภายในการล่าผลไม้วิญญาณไม่ใช่หรือที่ทำให้ข้าไม่สามารถลงมือได้?” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างหดหู่ “ตอนนี้ข้าคือผู้ที่มีค่าหัวจากสำนักพันปีศาจ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากข้าเดินออกไปจากสำนัก แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการที่จะพาตนเองเข้าไปติดกับดัก!”

“ใช่แล้ว พี่ชายอ้วนกล่าวได้ถูกต้อง ดีที่สุดถ้าหากท่านไม่ออกไปด้านนอก!” หงหยิงตอบกลับ

“แต่ถ้าหากข้าไม่ออกไปแล้วข้าจะจัดการปมในหัวใจได้อย่างไร? ในฐานะบุตรชาย ข้าไม่สามารถให้อภัยตนเองได้ถ้าหากไม่ได้พบกับร่างศพของบุพการีที่หายไปยาวนานกว่ายี่สิบปี ถูกไหม?” เจ้าอ้วนตอบอย่างโศกเศร้า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อื่นคงจะมองว่าข้านั้นเกรงกลัวต่อความตายจึงไม่ออกค้นหาความจริง!”

“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกัน!” หงหยิงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าท่านจะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากจริง!”

“ใช่ ข้าหนักใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก! มากจนกระทั่งข้ารู้สึกว่าร่างกายจะแตกสลายไป!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างหดหู่

เมื่อได้ยินว่าเขาหดหู่มากเพียงใด หงหยิงหยุดคิดชั่วขณะพร้อมกล่าวต่อว่า “พี่ชายอ้วนไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจมากถึงเพียงนั้น แม่ของข้าเคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากข้าเจอสิ่งใดที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ ข้าควรค้นหาฉุ่ยจิ้งเพื่อให้นางช่วยเหลือ แน่นอนว่านางสามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งที่ดีทีสุดในตอนนี้ก็คือค้นหานาง!”

“ฉุ่ยจิ้ง?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตบหน้าตนเองด้วยความเสียใจ “ทำไมข้าจึงไม่คิดถึงนางกันนะ? นางเป็นเทพธิดาแห่งความโชคดี ดังนั้นนางจะต้องมีข้อสรุปให้ข้าได้อย่างแน่นอน เหตุใดข้าจึงไม่ค้นหานางและมัวมานั่งทำเรื่องไร้สาระอยู่ตรงนี้?”

“ฮี่ฮี่ พี่ชายอ้วนเพียงแค่ตาบอดเพราะสถานการณ์มันบีบคั้น!” หงหยิงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“อือ เจ้าพูดถูก!” เจ้าอ้วนพยักหน้า จากนั้นเขาหยิบเครื่องเทศออกมาพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้องหงหยิง ข้าจะย่างมัจฉาไร้เนตรอยู่ที่นี่ เจ้าช่วยไปตามฉุ่ยจิ้งมาพบข้าได้หรือไม่? กล่าวกับนางว่าข้าต้องการเชิญนางมาดื่มชาด้วยกัน!”

“ได้เลย!” หงหยิงตอบรับทันทีจากนั้นนางออกไปทันทีด้วยแสงสีทอง เพียงระยะเวลาสั้นๆหงหยิงกลับมาพร้อมกับฉุ่ยจิ้ง

เมื่อเห็นฉุ่ยจิ้ง เจ้าอ้วนต้อนรับนางทันทีพร้อมกับขอโทษนาง “เป็นเกียรติของข้าที่ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งสละเวลามาในวันนี้!”

“ตั้งแต่ที่ศิษย์พี่อาวุโสเชิญข้าด้วยตนเอง เหตุใดน้องสาวผู้นี้จะปฏิเสธ!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำเชิญเหล่านี้!”

“เหอะเหอะ!” เจ้าอ้วนรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่สามารถปกปิดสิ่งใดได้เมื่ออยู่ต่อหน้าของฉุ่ยจิ้ง จากนั้นเขากล่าวอย่างยอมแพ้ “ที่จริงแล้วนอกเหนือจากการเชิญศิษย์น้องมาดื่มชาในวันนี้แล้ว ข้ามีบางอย่างที่อยากจะขอคำแนะนำจากเจ้า!”

“ข้าไม่กล้าที่จะแนะนำท่าน ศิษย์พี่สามารถกล่าวทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมาได้อย่างอิสระ!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับ

“ไม่ต้องรีบร้อน มานั่งก่อน ข้าต้องการนั่งคุยพร้อมรับประทานอาหาร!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาเชิญฉุ่ยจิ้งอย่างเป็นกันเอง

“ตกลงตามนี้!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับพร้อมนั่งลงข้างหงหยิง

จากนั้นทั้งสามคนเริ่มดื่มและกินมัจฉาไร้เนตร ชาที่ดื่มกันคือชาคุณภาพสูงที่หงหยิงนำมา แม้ว่าเขาจะมีชาวิถีเต๋าอยู่ แต่เจ้าอ้วนไม่อาจนำมันออกมาดื่มพร่ำเพื่อได้

หลังจากที่พูดคุยและกินดื่มกันมาสักพักหนึ่ง เจ้าอ้วนเปิดประเด็นที่เขาต้องการทันที เขาเล่าให้ฉุ่ยจิ้งฟังถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เขาได้พบและเรื่องที่เขากังวลเกี่ยวกับศพของครอบครัว จากนั้นเขาจึงถามว่า “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ข้าทุกข์ทรมานจากเรื่องราวเหล่านี้มากและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ข้าอยากให้เจ้าช่วยเหลือและดูว่าข้าจะสามารถผ่านพ้นปัญหาได้หรือไม่ถ้าหากข้าเดินออกจากสำนักเพื่อไปค้นหาปมปริศนาเหล่านี้”

“ศิษย์พี่ได้โปรดรอสักครู่” ฉุ่ยจิ้งวางมัจฉาไร้เนตรในมือลง จากนั้นนางหยิบเอากระดองเต่าดำพร้อมกับเหรียญชะตาฟ้าดินออกมาเพื่อทำนายอนาคตของเจ้าอ้วน

หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปฉุ่ยจิ้งลืมตาขึ้น นางหยีตาพร้อมกล่าวกับเจ้าอ้วนว่า “ศิษย์พี่ซ่งท่านจะพบเจอแต่โชคร้ายถ้าหากท่านออกไปด้านนอก!”

“เจ้าจะบอกว่าข้าจะตายแน่นอนถ้าเดินออกไปใช่หรือไม่?” เจ้าอ้วนถามด้วยความตกใจ

“ไม่เสมอไป แต่ก็สาหัสอยู่มาก!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างหมดหนทาง “แม้ว่าจะมีความหวังอยู่บ้างแต่มันน้อยมาก!”

“ในเมื่อศิษย์พี่ฉุ่ยจิ้งกล่าวเช่นนี้ ท่านก็ไม่ควรจะก้าวขาออกไป!” หงหยิงกล่าวอย่างเป็นกังวล “มันจะปลอดภัยกว่าถ้าหากท่านอยู่ในสำนักเสวียนเทียน!”

“ไม่จำเป็น!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวแทรกขึ้นมา “ไม่ว่าศิษย์พี่จะอยู่แห่งหนใด ความทุกข์ยากจะถาโถมเข้าหาท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าโอกาสที่จะรอดในสำนักเสวียนเทียนมีมากกว่า ถ้าหากท่านก้าวขาออกไปแน่นอนว่าโอกาสรอดก็น้อยลงตามไปด้วย! ดังนั้นมันก็ดีที่ศิษย์พี่ซ่งจะอยู่ในสำนักเสวียนเทียนก่อน!”

“เป็นเช่นนั้น?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาก้าวขาออกมาพร้อมถามว่า “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่ข้าอยากรู้ว่าเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรของเจ้านั้นมีความแม่นยำมากเพียงใด? มันถูกต้องอยู่ตลอดงั้นหรือ?”

“แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกต้องเสมอไป มันเป็นความสามารถในการควบคุมของข้า และข้าไม่เคยผิดพลาด แต่บางสิ่งบางอย่างที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่อาจคาดเดามันก็มีอยู่บ้าง และมันทำให้การทำนายของข้าผิดพลาด!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

“แล้วอะไรกันที่ไม่สามารถคาดเดาได้?” เจ้าอ้วนรีบถาม

“ตัวอย่างเช่นผู้ฝึกตนที่อยู่เหนือระดับเฟินเสิน ทัณฑ์สวรรค์ และเหล่าปีศาจเทวะ สิ่งพวกนี้ข้าไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นแม้ว่าข้าจะสามารถทำนายโชคชะตาของบุคคลได้ แต่มันจะผิดพลาดทันทีถ้าหากบุคคลผู้นั้นพบกับหนึ่งในสามที่ข้ากล่าว!” ฉุ่ยจิ้งกล่าว “แม้ว่าการคาดการณ์ของข้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่ก็เกิดขึ้นได้ยากมาก ดังนั้นท่านจึงไม่ควรที่จะสงสัยผลการทำนายของข้า!”

“เป็นเช่นนั้น ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าแค่ไม่ต้องการให้ข้าไป!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างผิดหวัง “แล้วข้าจะทำอย่างไรกับส่วนลึกในหัวใจของข้า? ตราบใดที่ข้าไม่สามารถค้นหาศพของครอบครัวได้ ข้าไม่สามารถกินอิ่มหรือนอนหลับได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงจะตายตกไปเพราะเหตุนี้มากกว่าที่จะโดนศัตรูค้นพบ!”

“เรื่องนั้น…” เมื่อมองเห็นดวงตาสีเลือดของเจ้าอ้วน ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างปวดหัว “ข้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่ควรจะทำเช่นไร สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับโชคชะตาของท่าน ดังนั้นท่านจึงต้องตัดสินใจด้วยตนเองเท่านั้น!”

“ข้าน่ะหรือต้องตัดสินใจ?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าจะต้องจัดการกับโชคชะตานี้ด้วยตนเอง! ถ้าหากเป็นเช่นนั้นข้าขอตัดสินใจว่าข้าจะออกไปค้นหาศพของครอบครัว!”

“ว่าอะไร?” ในขณะที่หงหยิงได้ยินเช่นนั้น นางอุทานออกมาด้วยความตกใจ “พี่ชายอ้วน! ไม่ได้! ด้านนอกอันตรายเกินไป มีผู้คนมากมายเฝ้ารอที่จะสังหารท่านอยู่!”