บทที่ 1047 ยากจะปฏิเสธ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

เวลาเก้าโมงครึ่ง..
  รถของหลิงหยุนมาจอดอยู่หน้าประตูคลินิกสามัญชนเวลานี้ภายในคลินิกมีทีมช่างกำลังทำการตกแต่งภายในอยู่ และเป็นกลุ่มของผู้รับเหมาคนเดิมที่เคยมาตกแต่งคลินิกให้กับหลิงหยุนเมื่อครั้งก่อน..
  นอกจากเหยาลู่ที่แวะเวียนมาดูบ่อยๆแล้ว ก็ยังมีพยาบาลสาวอีกสามคนคือซันยู่วเจียว หลี่จินเหลียน และชางเสี่ยวเหมิง ซึ่งเวลานี้ทั้งหมดก็อยู่ในคลินิกด้วย..
  และยังไม่ทันที่เหยาลู่จะเอ่ยปากพูดอะไรเสียงของหลี่จินเหลียนก็ดังขึ้นพร้อมกับเดินส่ายสะโพกเข้าไปหาหลิงหยุนทันที..
  “โอ้โห..เจ้านายนี่ยากจะเจอหน้าจริงๆเลยนะคะ!”
  ส่วนเหยาลู่เมื่อเห็นหลิงหยุนมาก็รีบทิ้งงานและพุ่งเข้าไปหาทันทีเช่นกัน “หลิงหยุน.. เป็นยังไงบ้าง”
  -ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้วผลจากการเก็บตัวทำให้ความแข็งแกร่งของผมฟื้นคืนมาถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว อีกสองสามวันก็น่าจะกลับสู่สภาพปกติเหมือนเดิม..-
  หลิงหยุนใช้กระแสจิตบอกเหยาลู่..
  “คุณหมอหลิง..มาตรวจดูความเรียบร้อยเหรอครับ” ซือกงซึ่งเป็นหัวหน้าช่างเอ่ยถามหลิงหยุน
  หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมตอบกลับไปว่า“ซือกง.. หลายวันมานี้คงเหนื่อยมากเลยสินะ! ดูแล้วงานคืบหน้าไปเร็วมากเลยทีเดียว..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินสำรวจดูรอบๆแล้วจึงหันไปพูดกับเหยาลู่ “เหยาลู่.. ดูเหมือนครั้งนี้กการตกแต่งภายในจะเหมือนกับครั้งก่อนมากเลย!”
  “หลักๆก็เหมือนเดิมจะมีก็เปลี่ยนบ้างนิดหน่อยให้เหมาะกับการใช้งาน..”
  “เอาล่ะ..ไว้คลินิกตกแต่งเสร็จเมื่อไหร่ผมจะให้คนมาดูฮวงจุ้ยให้ และพยายามจะให้เปิดพร้อมกับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอรเรชั่นให้ได้!”
  ที่ผ่านมาคลินิกสามัญชนของหลิงหยุนต้องเผชิญกับชะตากรรมค่อนข้างหนักเขาจึงต้องการให้โม่วู๋เตามาดูฮวงจุ้ยให้..
  “บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นอะไรงั้นหรอ!”
  พยาบาลสาวทั้งสามคนต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันหลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับตอบไปว่า “รอให้ถึงวันที่ 8 เดือน 8 พวกคุณก็จะรู้เอง..”
  หลิงหยุนไม่เสียเวลาอยู่ที่คลินิกนานนักหลังจากพูดคุยกับเหยาลู่ต่ออีกสองสามคำ เขาก็หันหลังเดินออกนอกประตูไป แต่ในระหว่างนั้นก็พูดกับซันยู่วเจียวผ่านกระแสจิตว่า..
  -ถ้าคิดถึงผม..ก็บอกผมได้นะครับ ผมไม่ถือ!–
  ซันยู่วเจียวถึงกับตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงของหลิงหยุนดังขึ้นที่ข้างหูของตนเอง..
  ………….
  หลังจากขับรถออกมาจากคลินิกสามัญชนแล้วหลิงหยุนก็ขับตรงไปยังหมู่บ้านในอ่าวจิงฉู เพื่อไปหาคนผู้หนึ่งซึ่งหลิงหยุนไม่ได้พบเจอมานานมากแล้ว..
  หลิงหยุนกำลังจะไปพบเฉิงเทียนที่บ้านหลังนั้น..
  เฉิงเม่ยเฟิงถูกพาตัวไปจากบ้านหลังนี้และหลังจากนั้นอุปนิสัยของเฉิงเมี่ยนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก และนั่นทำให้ความรู้สึกของหลิงหยุนที่มีต่อตระกูลเฉิงก็ได้เปลี่ยนไปด้วย..
  แม้ว่าหลิงหยุนจะห่างเหินกับตระกูลเฉิงแต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉิงเม่ยเฟิง หลิงหยุนจึงไม่สามารถเมินเฉยต่อตระกูลเฉิงได้ และอย่างน้อยก็ต้องมาเชิญเฉิงเทียนไปร่วมงานเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นด้วยตัวเอง..
  รถของหลิงหยุนแล่นมาถึงหน้าประตูบ้านเฉิงเทียนเวลาสิบโมงครึ่งและทันทีที่เสียงกริ่งดังขึ้น ก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นดีใจดังออกมาจากด้านใน..
  “หลิงหยุน..นายมาที่นี่ได้ยังไง”
  ทันทีที่เห็นหลิงหยุนยืนอยู่หน้าประตูบ้านเฉิงเมี่ยนก็รีบวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ หลิงหยุนเห็นเฉิงเมี่ยนวิ่งออกมาโดยที่ไม่ใส่แม้แต่ร้องเท้า ก็ได้แต่ยืนยิ้ม..
  จากนั้นก็มีเสียงของเฉิงเทียนร้องตะโกนตามมา“เมี่ยน.. วิ่งช้าๆก็ได้! ดูสิรองเท้าก็ไม่ใส่!”
  ทั้งเฉิงเมี่ยนและเฉิงเทียนต่างก็รีบเชื้อเชิญหลิงหยุนให้เข้าไปนั่งในบ้าน..
  และทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูรั้วเข้าไปหลิงหยุนก็อดที่จะคิดถึงเฉิงเม่ยเฟิงไม่ได้ และภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ หลิงหยุนเองก็ยังไม่เคยได้พบเฉิงเม่ยเฟิงอีกเลย..
  หลิงหยุนตามเฉิงเทียนกับเฉิงเมี่ยนเข้าไปนั่งในห้องรับแขกและสังเกตเห็นว่าเฉิงเทียนนั้นไม่ค่อยพูดค่อยจา และดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า‘ดูท่าเจ้าคงได้แต่นึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปสินะ!’
  หลิงหยุนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นว่า“ลุงเฉิง.. วันนี้ป้าจ้าวไม่อยู่เหรอครับ”
  หลิงหยุนเริ่มบทสนทนาด้วยการถามถึงจ้าวฝัวหมี่ซึ่งเป็นแม่ของเฉิงเม่ยเฟิง..
  “อ่อ..วันนี้ฝัวหมี่ไปวัดหลิงเจี๋วยเพื่อจุดธูปขอพร ปกติเธอก็จะไปอาทิตย์ละสามครั้งอยู่แล้ว..”
  เฉิงเทียนถอนหายใจออกมาก่อนจะถามถึงเหตุผลในการมาของหลิงหยุน “หลิงหยุน.. ว่าแต่วันนี้เธอมาที่นี่มีอะไรงั้นรึ”
  หลิงหยุนตอบเสียงเบา“ลุงเฉิงครับ.. วันที่ 8 เดือน 8 นี้จะเป็นวันเปิดกิจการของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น ผมตั้งใจมาเชิญคุณลุงไปร่วมงานพิธีเปิดครับ!”
  “อ่อ..ที่แท้ก็เรื่องนี้เองหรอกรึ ความจริงเรื่องนี้ต่างก็ลือกันทั่วจิงฉูแล้วล่ะ ไม่เพียงแค่จิงฉูนะ แม้แต่นักธุรกิจในเจียงหนานต่างก็รู้เรื่องที่เธอกว้านซื้อบริษัทต่างๆ มากมายในจิงฉู ข่าวนี้ทำให้พวกเขาตกใจไม่น้อยทีเดียว!”
  เฉินเทียนเอ่ยชื่นชมหลิงหยุนต่อ“หลิงหยุน.. เธอเป็นคนเก่ง เห็นเธอเจริญก้าวหน้าแบบนี้ฉันเองก็ดีใจด้วยจริงๆ! แล้วก็ขอบใจมากที่ยังนึกถึงฉัน..”
  “ลุงเฉิงครับ..ลุงเป็นผู้มีหน้ามีตาอย่างมากในเจียงหนาน ยังไงผมก็ต้องมาเชิญคุณลุงด้วยตัวเองอยู่แล้ว!” หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
  เฉิงเทียนเองก็ยิ้มให้หลิงหยุนก่อนจะพูดต่อว่า “รับรองว่าฉันต้องไปร่วมยินดีกับเธออย่างแน่นอน! แต่ฉันยังมีของขวัญชิ้นใหญ่จะมอบให้กับเธอด้วย ไม่รู้ว่าเธอจะยินดีรับไว้มั๊ย”
  และคำพูดประโยคต่อมาของเฉิงเทียนก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจจนต้องลุกขึ้นยืน..
  เฉิงเทียนนิ่งไปครู่หนึ่งเขาจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันคิดเรื่องนี้มานานหลายวันแล้ว..”
  “หลิงหยุน..เธอคงจะไม่รังเกียจใช่มั๊ย หากฉันเสนอให้รวมบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บเข้ากับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอร์เรชั่นของเธอ และจะมอบหุ้นของบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บให้เธอ 51%”
  หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าเฉิงเทียนจะตัดสินใจเช่นนี้เขาจึงได้แต่ตกใจ และยังคงนิ่งไม่พูดไม่จา เพราะของขวัญจากเฉิงเทียนนั้นนับว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่มากสำหรับเขาจริงๆ!
  จะไม่ให้หลิงหยุนตกใจจนแทบช็อคได้อย่างไรกันในเมื่อเขามาที่นี่เพื่อเชิญเฉิงเทียนไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดบริษัทเท่านั้น..
  “ลุงเฉิง..ข้อเสนอนี้มันมากเกินไป ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ!”
  หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธแต่ถึงกระนั้นสีหน้าท่าทางของเขากลับดูสงบเยือกเย็น..
  เฉิงเมี่ยนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆอดรนทนไม่ได้ และกำลังจะเอ่ยปากพูดออกมา แต่เฉิงเทียนกลับขยิบตาให้ลูกสาวของตนเองนั่งนิ่งๆ
  “หลิงหยุน..อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังฉันพูดให้จบก่อน..”
  หลังจากที่ได้ตัดสินใจไปแล้วเฉิงเทียนกลับมีท่าทีที่ดูเหมือนโล่งอกโล่งใจมากขึ้นกว่าเดิม เขายิ้มเล็กน้อย แล้วจึงถามขึ้นว่า
  “หลิงหยุน..เธอยังจำได้มั๊ยว่าฉันให้อะไรเธอเป็นของขวัญในวันเปิดคลินิก”
  หลิงหยุนตอบไปทันที“ลุงเฉิงครับ.. ผมจำได้ดี! คุณลุงให้เช็คเงินสดเกือบหนึ่งพันล้าน และหุ้นบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บมูลค่ากว่าห้าร้อยล้าน..”
  เฉิงเทียนตอบยิ้มๆ“แล้วเธอรู้มั๊ยว่าเวลานี้หุ้นของเฉิงเมดิคัลกรุ๊บเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นับจากวันนั้น”
  “เท่าไหร่เหรอครับ”
  “ห้าเท่าตัว..จากหกหยวน เป็นสามสิบหกหยวน..”
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ“โอ้โห.. ราคาพุ่งขนาดนี้เลยเหรอครับ”
  เฉิงเทียนยิ้มและพูดต่อว่า “ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเรื่องหุ้นนัก แต่เธอรู้มั๊ยว่าเพราะอะไรหุ้นของบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บถึงได้พุ่งสูงขนาดนั้น”
  หลิงหยุนส่ายหน้า..
  “เป็นเพราะเธอไงล่ะ!” ไอลีนโนเวล
  เฉิงเทียนอธิบายต่อด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย“ในวันเปิดคลินิก.. เธอได้รักษาผู้ป่วยอาการโคม่าทั้งยี่สิบสองรายหายในพริบตา! ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นหลายคนต่างก็ได้เห็นกับตาตัวเอง ฉายาหมออมตะของเธอนั้น แม้ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะไม่รู้จักมากมายนัก แต่ในวงสังคมชั้นสูงของจิงฉูกับเจียงหนาน ทุกคนต่างก็รู้กันทั่วไปหมด! เรียกได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จะดีกว่า..”
  “ทุกคนต่างก็รู้ว่าเธอถือหุ้นบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บอยู่ด้วย..ด้วยเหตุนี้คนที่รู้ และนักธุรกิจต่างก็พากันมาช้อนซื้อหุ้นของบริษัทจนราคาพุ่งสูงแบบนี้..”
  “ขอบอกตามตรง..ตั้งแต่วันเปิดคลินิกสามัญชนมาจนถึงวันนี้ หุ้นของบริษัทเฉิงเมดิคัลยังไม่เคยตกเลย..”
  “แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงตลาดหุ้นขาลงแต่หุ้นของบริษัทเฉิงเมดิคัลก็ยังคงพุ่งขึ้นมาสูงได้ถึงเพียงนี้!’
  “เดิมทีบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บมีมูลค่าในตลาดเพียงแค่หนึ่งหมื่นล้านแต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นถึงหกหมื่นล้าน ต่อให้ฉันยกหุ้นให้เธอครึ่งหนึ่ง ฉันก็ยังมีเหลืออีกตั้งสามหมื่นล้าน..”
  “มากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า!”
  เฉิงเทียนพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริงเขาพูดไปก็ยิ้มไป..
  “และหากเธอรวมบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บเข้าไปในกลุ่มบริษัทเทียนตี้ด้วยแล้วเธอลองคิดดูสิว่าราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นอีกเท่าไหร่”
  “พูดตรงๆก็คือ..ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอะไรเลย กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียด้วยซ้ำไป!”
  แต่หลิงหยุนยังคงส่ายหน้าและกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ก็ถูกเฉิงเทียนขัดขึ้นเสียก่อน…
  “นั่นเป็นเพียงเหตุผลข้อที่หนึ่งเท่านั้น..”
  “ยังมีเหตุผลอื่นอีก..”
  “หลิงหยุน..เธอรู้ใช่มั๊ยว่าก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะให้บริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บได้ส่วนแบ่งในตลาดทางด้านเหนือของแม่น้ำฮวงโห ฉันได้ตกลงกับตระกูลซันว่าจะยกเม่ยเฟิงให้แต่งงานกับซันจิ้ง แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์..”
  เฉิงเทียนยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างตรงไปตรงมาและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสำนึกผิดจริงๆ..
  “แต่ครั้งนั้น..นอกจากจะต้องให้เม่ยเฟิงแต่งงานกับซันจิ้งแล้ว ฉันยังตกยกหุ้นบริษัทให้พวกเขาอีก 49% แทนสินสอดทองหมั้นด้วย.. ”
  “ครั้งนั้น..ฉันเองก็ไม่รู้ว่าถูกผีตนใหนสิง ถึงได้ยอมตกลงกับเงื่อนไขบ้าบอแบบนั้นได้!”
  เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เฉิงเทียนก็ถึงกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าและพูดต่อว่า “หลิงหยุน.. ซันจิ้งก็ตายไปแล้ว ตระกูลซันก็ถูกเธอจัดการจนสิ้นซากแล้ว และฉันเชื่อว่าหากเธอช่วยเม่ยเฟิงกลับมาได้ เม่ยเฟิงจะต้องแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน..”
  “เวลานี้..ความหวังของฉันก็มีเพียงแค่ว่า ขอให้เธอช่วยเม่ยเฟิงกลับมาให้ได้ และขอให้ฉันได้เห็นหน้าลูกสาวคนโตอีกสักครั้งก็พอ!”
  “หุ้นบริษัทจำนวนนี้..ในเมื่อฉันเคยจะมอบให้ตระกูลซันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะมอบให้เธอไม่ได้ล่ะ”
  “อีกอย่าง..ต่อไปสมบัติเหล่านี้ก็ต้องเป็นของเม่ยเฟิงครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ฉันจะมอบให้กับเธอไม่ได้”
  “เธอรับของขวัญที่ฉันจะมอบให้นี้ไว้เถอะนะ..!”
  “อีกอย่าง..ฉันก็รู้มาว่าเธอได้รวมบริษัทยาอีกหกบริษัทของตระกูลเสี่ยวเข้าไปในบริษัทเทียนตี้ด้วย ยังมีศูนย์วิจัยยาที่ทางรัฐบาลเป็นผู้มอบทุนให้กับเธออีก”
  “หลิงหยุน..เสือสองตัวไม่ควรอยู่ถ้ำเดียวกัน!”
  “อีกอย่าง..ในเมื่อเธอกับเฉิงเม่ยเฟิงก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว หากฉันไม่ยกหุ้นให้เธอตอนนี้ จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่”
  เหตุผลของเฉิงเทียนนั้นทำให้หลิงหยุนนึกหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้จึงได้แต่อ้ำอึ้ง..
  “เอ่อ..ลุงเฉิงครับ..”
  “ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน..”
  แม้แต่เฉิงเมี่ยนเองยังถึงกับตกใจและได้แต่คิดว่าพ่อของเธอที่เห็นแก่เงินคนนั้นหายไปใหน
  “ส่วนวันเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นนั้นฉันต้องไปร่วมยินดีด้วยอย่างแน่นอน และก่อนหน้าวันเปิดบริษัทสองวัน ฉันจะให้คนไปจัดเตรียมเอกสารเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”
  จากนั้นเฉิงเทียนก็ยกมือขึ้นซับน้ำตาและได้แต่พึมพำอยู่ในใจ ‘เม่ยเฟิง.. พ่อเคยทำผิดต่อแก พ่อขอโทษจริงๆ ขอโทษที่พ่อตัดสินใจผิดไป!’
  เฉิงเทียนยกมือขึ้นปาดน้ำตาและหันไปพูดกับเฉิงเมียน “เมี่ยน.. นี่ก็บ่ายแล้วให้ป้าหลี่ไปเตรียมอาหารได้แล้ว..”
  หลิงหยุนไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ท่านอาหารเที่ยงกับเฉิงเทียนแต่ในเมื่อเขามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เช่นนี้ หลิงหยุนจึงต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับสองพ่อลูกด้วย..
  และหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จหลิงหยุนก็ร่ำลาเฉิงเมี่ยนกับเฉิงเทียน และขอตัวกลับ
  เฉิงเทียนกับลูกสาวเดินไปส่งหลิงหยุนที่หน้าประตูพร้อมกับย้ำว่า“หลิงหยุน.. ช่วยเม่ยเฟิงให้ได้นะ!”
  “คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ..อีกไม่นานเกินรอผมจะต้องไปช่วยเม่ยเฟิงแน่!”