ของขวัญจากเฉิงเทียนครั้งนี้นับว่าเป็นของขวัญที่มีมูลค่ามหาศาลแต่ที่หลิงหยุนรับไว้นั้นก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ.. เฉิงเม่ยเฟิง!
ในใจของหลิงหยุนนั้นอย่าว่าแต่สามหมื่นล้านเลย จะเป็นสามแสนล้าน หรือว่าสามล้านล้าน ก็ไม่อาจเทียบกับเฉิงเม่ยเฟิงได้..
“เม่ยเฟิง..เจ้ารอข้าอีกหน่อย ข้าต้องไปนำตัวเจ้ากลับมาแน่!”
หลิงหยุนเชื่อว่าการเข้าสู่ขั้นปฐมชี่(พลังชี่-1) นั้น จะทำให้เขาแข็งแกร่งมากพอที่จะออกไปตลุยในยุทธภพได้ และสามารถบุกอารามจิ้งซินได้ไม่ยาก..
หลิงหยุนกลับมาถึงบ้านเลขที่-1ในเวลาบ่ายสามโมง..
หลิงหยุนเรียกหวังเฟยฮู๋ให้ตามเข้าไปคุยกับเขาในห้องนั่งเล่นหลิงหยุนได้เริ่มอธิบายจุดสำคัญต่างๆ ให้หวังเฟยฮู๋ฟัง เพื่อให้รูปบแบบการฝึกฝนเป็นไปอย่างมีประโยชน์สูงสุด..
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าสู่ขั้นต่อไปแต่หลิงหยุนได้คิดไว้แล้วว่า หวังเฟยฮู๋ควรจะต้องเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ได้เป็นอย่างน้อย..
…..
และเมื่อถึงตอนเย็น..หวังเฟยฮู๋ก็พร้อมสำหรับการเข้าสู่ขั้นต่อไปแล้ว ส่วนหลิงหยุนเองก็เตรียมทั้งโอสถหลงหู่ โสมพันปี สมุนไพรเหอโชวู และน้ำเต้าวิเศษออกมา
จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งให้หวังเฟยฮู๋นั่งขัดสมาธิและรวมจิตเป็นหนึ่ง..
“เอาล่ะ..ก่อนอื่นเจ้ากินโสมพันปีกับสมุนไพรเหอโชวูเข้าไปก่อน จากนั้นเดินลมปราณให้ทั่วร่าง เดี๋ยวข้าจะคอยคุ้มครองให้เจ้าเอง!”
หวังเฟยฮู๋ทำตามคำสั่งของหลิงหยุนและเพียงไม่นานเขาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้แล้ว!
“ตอนนี้เจ้ากลืนโอสถหลงหู่ได้แล้ว..”
และหลังจากกลืนโอสถหลงหู่เข้าไปหวังเฟยฮู๋ก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ในทันที แต่กลับไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เวลานี้หวังเฟยฮู๋ได้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 แล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าโอสถหลงหู่จะมีอานุภาพอัศจรรย์เช่นนี้!
แต่หลังจากที่กลืนโอสถหลงหู่เข้าไปหวังเฟยฮู๋กลับไม่สามารถควบคุมพลังที่รุนแรงของโอสถหลงหู่ได้ ขั้นของเขาจึงไม่เสถียร และเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา จนกระทั่งตกลงมาอยู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 อีกครั้ง..
หลิงหยุนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่นั้นเห็นท่าไม่ดีจึงรีบนั่งลงขัดสมาธิ และแนบฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนแผ่นหลังของหวังเฟยฮู๋พร้อมกับร้องสั่งว่า..
“เดินลมปราณต่อไป..”
ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7!
“คราวนี้เจ้าดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปและเริ่มเดินลมปราณอีกครั้ง!”
ด้วยพลังของโสมพันปีโอสถหลงหู่ และน้ำลายมังกร อีกทั้งการช่วยเหลือของหลิงหยุน เวลานี้หวังเฟยฮู๋สามารถเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังคงไม่ถอนฝ่ามือของตนเองออกเขายังคงถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างของหวังเฟยฮู๋ต่อไป ไม่ใช่เป็นการช่วยให้หวังเฟยฮู๋เข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้น แต่เป็นการช่วยให้ขั้นของเขาเสถียรมากขึ้น และพ้นจากการเกิดธาตุไฟแตกซ่าน..
หลิงหยุนถอนฝ่ามือเมื่อพบว่าหวังเฟยฮู๋สามารถควบคุมลมปราณภายในร่างกายของตนเองได้อย่างราบรื่นแล้ว..
“ท่านหวัง..ข้าขอแสดงความยินดีด้วย!”
“ขอบคุณคุณชายหลิงมาก..”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาและคิดอยู่ในใจว่าด้วยขั้นของหวังเฟยฮู๋เวลานี้ จะสามารถคุ้มครองถังเมิ่งได้อย่างไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง..
หลิงหยุนใช้เวลาไปราวสี่ชั่วโมงกว่าในการช่วยหวังเฟยฮู๋พัฒนาขั้นในครั้งนี้..
“ท่านหวัง..หลังจากนี้ความปลอดภัยของถังเมิ่ง ข้าขอมอบให้กับท่าน หวังว่าท่านจะทำให้ข้าหมดห่วงได้..”
หลิงหยุนพูดกับหวังเฟยฮู๋ที่เวลานี้กำลังทำการคุกเข่าคาราวะเขาอยู่ที่พื้น..
“คุณชายหลิง..ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ข้าหวังเฟยฮู๋ขอสาบานว่า ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ ถังเมิ่งจะต้องปลอดภัย!”
……….
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ขับรถออกไปจากบ้านอีกครั้ง และไปถึงบ้านของหลินเมิ่งหานราวเที่ยงคืน..
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจและพบว่าหลินเมิ่งหานกำลังฝึกฝนวิชาอยู่ในบ้าน จึงร้องบอกนางผ่านกระแสจิต
-เมิ่งหาน..เปิดประตูให้ผมหน่อย-
ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลิงหยุนหลินเมิ่งหานซึ่งกำลังนั่งฝึกวิชาพลังเย็นอยู่บนเตียง ก็รีบลืมตา และวิ่งออกมาเปิดประตูให้หลิงหยุนด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“สามี!”
หลิงหยุนแสร้งทำใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับพูดเสียงห้วน“หึ.. ยังจะมาเรียกสามีอีกเหรอ ผมคิดว่าคุณลืมผมไปแล้วซะอีก!”
แต่จะไม่ให้หลิงหยุนโกรธได้อย่างไรกันเพราะตั้งแต่วันที่หลิงหยุนฟื้นคืนสติมาจนถึงวันนี้ หลินเมิ่งหานก็ไม่โผล่หน้ามาให้เขาเห็นอีกเลย..
“สามี..นี่โกรธฉันจริงๆเหรอ”
หลินเมิ่งหานเห็นหลิงหยุนนั่งกอดอกไม่พูดไม่จาก็เริ่มใจไม่ดี และรีบอธิบายต่อทันที
“อย่าโกรธเลยนะสามี..ที่ฉันไม่ไปหานายเพราะรู้สึกอาย”
“ตอนที่นายนอนหมดสติฉันได้เล่าเรื่องของเราให้น้าหญิงฟังหมดแล้ว..”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกเพราะเป็นเหตุผลเดียวกับเหยาลู่ และในบรรดาสาวงามของเขานั้น ดูเหมือนหลินเมิ่งหานจะเป็นคนที่หน้าบางที่สุด! novel-lucky
“ไม่ไปหา..แต่ทำไมถึงไม่โทรหาผมเลย”
หลินเมิ่งหานทำหน้าเศร้าพร้อมกับตอบไปว่า“สามี.. สองสามวันแรกฉันเป็นห่วงนายมาก แต่ก็ไม่กล้าโทรไป! หลังจากนั้น.. ฉันก็เอาแต่ฝึกวิชาจนลืม นายยกโทษให้ฉันเถอะนะ!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและพูดขึ้นว่า“คุณเอาแต่ฝึกวิชาทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ เพราะต้องการจะเข้าสู่ขั้นต่อไปงั้นเหรอ”
“ใช่..นายบอกว่าพรสวรรค์ของฉันดีกว่าเหยาลู่ แต่ตอนนี้เหยาลู่กลับเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 แล้ว แต่ฉันยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนเลยด้วยซ้ำ ฉันก็เลยรู้สึกกังวล!”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจและอธิบายว่า “เมิ่งหาน.. คุณต้องดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วย!”
“คุณอยากจะฝึกฝนเพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปแต่อย่าลืมว่าคุณฝึกวิชาพลังเย็น.. แต่ดูอากาศรอบตัวคุณสิ ร้อนระอุมาก และอุณหภูมิก็อยู่ที่ 37 องศาทุกวัน..”
“เหยาลู่ฝึกวิชาใต้พิภพ..บ้านของเธอมีภูเขาล้อมรอบเช่นนั้น นับว่าเหมาะสมยิ่งนัก!”
“ส่วนหลิงยู่ฝึกวิชาคลื่นคงคา..บ้านเลขที่-9 ก็มีทะเลล้อมรอบ”
“ตี้เสี่ยวอู๋ฝึกวิชานู่เตาที่ต้องใช้พลังรุนแรงของน้ำผมก็ให้เขาไปฝึกที่เขื่อน..”
หลิงหยุนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงย้ำกับหลินเมิ่งหานว่า “สำหรับคุณ.. สถานที่ที่เหมาะกับการฝึกวิชาพลังเย็น ก็คือที่ที่มีน้ำแข็งหรือหิมะ!”
“สภาพอากาศในจิงฉูตอนนี้ไม่เหมาะกับการฝึกวิชาพลังเย็นเลยเว้นแต่คุณจะสร้างห้องเย็นขึ้นมา..”
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องฝึกวิชาผมมีเรื่องอื่นที่ต้องคุยกับคุณ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นยืนและโน้มตัวลงไปอุ้มหลินเมิ่งหานขึ้นไปบนห้องนอน..
………
หลิงหยุนตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้าพรัอมกับหลินเมิ่งหานระหว่างนั้นทั้งคู่ก็คุยกันถึงเรื่องสถานที่สำหรับฝึกวิชาพลังเย็น
“ตอนนี้ผมนึกถึงประเทศหนึ่งที่เหมาะกับการฝึกวิชาพลังเย็นของคุณมากประเทศแคนาดา.. ทางตอนเหนือของที่นั่นจะมีหิมะตกตลอดทั้งปี อีกทั้งพอลกับเจสเตอร์ก็มาจากอเมริกาด้วย ถ้าคุณต้องการจะไปที่นั่น ผมจะให้พอลกับเจสเตอร์จัดหาคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลคุณให้ คุณว่ายังไง”
หลินเมิ่งหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“อืมม.. ตกลง! ฉันจะไปแคนาดาเหนือ!”
หลิงหยุนรู้ว่าหลินเมิ่งหานนั้นเป็นคนค่อนข้างดื้อรั้นหากตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนใจ เขาจึงเพียงแค่ทำหน้าที่สนับสนุนการตัดสินใจของหลินเมิ่งหานเท่านั้น
“ได้..แต่ต้องรอให้ผ่านพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นไปก่อน!”
“ขอบคุณสามี..”
………..
อีกไม่กี่วันสมุนไพรทั้งสามต้นก็จะโตเต็มวัยแล้วหลิงหยุนจึงไม่กล้านิ่งนอนใจ และต้องคอยอยู่บ้านเลขที่-1 เฝ้าดูแลพวกมันอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ดูแลสมุนไพรในสวนสำหรับใช้ล้างไขกระดูกให้กับเด็กหนุ่มทั้ง 72 คนไปด้วย
ระหว่างที่หลินเมิ่งหานเตรียมตัวทำเอกสารเดินทางไปประเทศแคนาดานั้นเขาก็ให้หลินเมิ่งหานมาอยู่บ้านเลขที่-1 ด้วย เพื่อที่จะคอยแนะนำจุดสำคัญ และจุดที่ควรระมัดระวังในระหว่างฝึกให้กับเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดธาตุไฟแตกซ่าน และกลายเป็นมาร!
เพราะการที่ธาตุไฟแตกจนกลายเป็นมารนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆและต่อให้เขาเป็นหมออมตะ แต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกลกันมาก ก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ทัน!
ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็มีเพื่อนฝูงที่ไว้ใจได้อยู่ในแคนาดาและพวกเขารับปากจะดูแลหลินเมิ่งหานให้เป็นอย่างดี
สองวันต่อมา..หญ้าหยิน หญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกรก็โตเต็มวัย หลิงหยุนดีใจอย่างมาก และค่อยๆ เก็บสมุนไพรโตเต็มวัยทั้งสามต้นเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่..
หลังจากนั้นอีกสองวันถังเมิ่งก็มารายงานว่าเขาได้จัดการเซ็นต์สัญญาซื้อกิจการบริษัทที่เหลือไปทั้งหมดหกบริษัทแล้ว..
เหลืออีกเพียงแค่บริษัทเดียวที่ยังไม่ยอมขาย..
และในเช้าวันที่6 สิงหาคม หลิงหยุนก็โทรเรียกถังเมิ่งให้มาหาที่บ้าน..
……
ถังเมิ่งมาถึงบ้านเลขที่-1ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจ..
ตอนนี้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นก็ได้จดทะเบียนเรียบร้อยอย่างเป็นทางการแล้วรอเพียงแค่พิธีเปิดและตัดริบบิ้นเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นบริษัทสุดท้ายก็ยังไม่ยอมเซ็นต์สัญญาขายอยู่ดีแต่นั่นก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆต่อการเปิดกิจการของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น
แต่อย่างไร..ในเมื่อหลิงหยุนตัดสินใจไปแล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะยอมถอย และทำอะไรครึ่งๆกลางๆ
หลิงหยุนกับถังเมิ่งนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกและหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“ถังเมิ่ง..ฉันมีอะไรจะบอกนาย นายฟังแล้วก็ไม่ต้องตื่นเต้นมากล่ะ!”
ถังเมิ่งได้ยินถึงกับตาโตเป็นประกายพร้อมกับถามขึ้นทันที“พี่หยุน.. มีข่าวดีอะไรงั้นเหรอ”
ถังเมิ่งรู้ดีว่าหากหลิงหยุนพูดแบบนี้ย่อมหมายความว่าต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
“นายโทรหาเฉียนหยูไห่..บอกเขาว่าวันนี้ไม่ต้องไปเจรจากับบริษัทสุดท้าย เพราะมีภารกิจที่สำคัญกว่านั้นต้องทำ!”
“นายสั่งให้เขาไปพบคุณเฉิงแห่งบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บที่บ้านในหมู่บ้านอ่าวจิงฉูให้เขาพาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายไปด้วย..”
“เมื่อสองวันก่อน..ลุงเฉิงตัดสินใจที่จะยกหุ้นของบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บ 51% ให้กับฉัน แล้วก็ให้ฉันจัดการรวมบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊บเข้าไปในบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของเราด้วย!”
ครั้งนี้ถังเมิ่งถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึงและนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะระล่ำระลักพูดออกมาได้
“จะ..จริงเหรอพี่หยุน! นี่พี่พูดจริงๆเหรอ ให้ทั้งหุ้น 51% แถมยังให้รวมบริษัทของเขาเข้ากับบริษัทเทียนตี้ของเราด้วย!”
“โอ๊ย..”ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาหลังจากใช้มือหยิกต้นขาตนเองอย่างแรงเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป..
“นายไม่ได้ฝันไปหรอกน่า!”
จากนั้นหลิงหยุนก็กำชับต่อว่า“นายอย่าลืมบอกเรื่องนี้ให้กับลุงหลี่รู้ด้วย แล้วก็ให้เขาช่วยส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปด้วย เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในหนึ่งวัน..”
แต่ถังเมิ่งกลับตอบไปว่า“พี่หยุน.. นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย คงต้องให้ลุงหลี่ไปจัดการด้วยตัวเองแล้วล่ะ!”
“มูลค่าธุรกิจของเฉิงเมดิคัลกรุ๊บในตลาดตอนนี้อยู่ที่หกหมื่นกว่าล้านนี่ไม่เท่ากับงูกำลังจะกินช้างเหรอพี่หยุน!”
“ฉันเชื่อว่าลุงเฉิงคงจะจัดการเตรียมเอกสารที่จำเป็นไว้พร้อมแล้ว..”
“พี่หยุน..แต่ทำไมจู่ๆ ลุงเฉิงถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ล่ะ”
“เรื่องนั้นฉันจะเล่าให้นายฟังทีหลังแต่ตอนนี้นายจัดการโทรบอกลุงหลี่กับเฉียนหยูไห่ก่อน..”
ถังเมิ่งกดโทรศัพท์หาหลี่ยี่เฟิงพร้อมกับอธิบายปากคอสั่นหลี่ยี่เฟิงตอบกลับมาอย่างดีใจ
“เยี่ยม..เยี่ยม.. เรื่องนี้ฉันจะไปจัดการด้วยตัวเอง อ่อ.. เจ้าเมิ่ง ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ให้รู้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นนะ!”
จากนั้นถังเมิ่งก็จัดการโทรหาเฉียนยู่ไห่และกำชับให้เขาปิดเรื่องนี้เป็นความลับ หลังจากวางสายจากถังเมิ่งไปแล้ว เฉียนหยูไห่ก็หันไปถามเฉินเจี้ยนเตาว่า
“นี้เฒ่าเฉิน..คุณฟังผมพูดให้ดีนะ แล้วเรื่องนี้ก็รู้เฉพาะเราสองคนห้ามแพร่งพราย!”
“ตอนนี้คุณมีเงินเก็บเท่าไหร่ให้เอาไปซื้อหุ้นของเฉิงเมดิคัลกรุ๊บเก็บไว้เลยท่านประธานถังเพิ่งจะโทรมาบอกฉันว่าเฉิงเมดิคัลกรุ๊บกำลังจะมารวมกับบริษัทเทียนตี้!”
“นี่ฉันก็กำลังจะไปพบท่านประธานเฉิงของบริษัทเฉิงเมดิคัลแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปด้วย เรื่องรวมบริษัทต้องทำให้เสร็จภายในวันสองวันนี้!”
เฉินเจี้ยนเตาได้แต่ยืนอ้าปากค้าง..
……….
จากนั้นหลิงหยุนก็ถามเรื่องบริษัทสุดท้ายที่ยังซื้อไม่ได้“บริษัทนั้นทำเกี่ยวกับอะไรเหรอ”
ถังเมิ่งขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปว่า“เป็นร้านขายยาขนาดใหญ่ มีสาขามากกว่าร้อยสาขาในเจียงหนาน และในจิงฉูมีมากกว่ายี่สิบสาขา แต่ละสาขาก็ผลกำไรดีมาก เจ้าของจึงไม่ต้องการขายธุรกิจ!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า“นายไปเจรจากับเขามากี่ครั้งแล้ว”
ถังเมิ่งส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย“เจ็ดแปดครั้งแล้ว เฉินเจี้ยนเตาไปที่นั่นแทบจะทุกวัน..”
“แล้วนายเสนอเงินให้เขาเท่าไหร่”
“ฉันคำนวณจากผลกำไรแต่ละสาขาสาขาละสองล้าน ก็เลยเสนอเงินให้สองร้อยล้านซึ่งก็สมเหตุสมผล ขนาดมีเจ้าหน้าที่ทางการไปด้วยเขายังไม่สนใจเลย”
หลิงหยุนถามต่อว่า“นายกำลังจะบอกให้ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองสินะ”
ถังเมิ่งยิ้มกว้าง“พี่หยุน.. ก็ถ้าหมออมตะไปด้วยตัวเอง ฉันว่ามันน่าจะได้ผลมากกว่า!”