บทที่ 1049 ร้านขายยาจี้ชี่ถัง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงหยุนต้องซื้อกิจการร้านขายยาจี้ชี่ถังนี้ให้ได้..
  เวลานี้เขามีทั้งบริษัทและโรงงานผลิตยามีโรงพยาบาล และมีศูนย์วิจัยยา ยังขาดอยู่ก็แต่ร้านขายยา..
  หลิงหยุนต้องการให้ธุรกิจเกี่ยวกับยาของเขานั้นครบวงจรเขาจึงตัดสินใจที่จะไปเจรจากับเจ้าของกิจการด้วยตัวเอง และยินดีที่จะจ่ายเงินให้อย่างเต็มที่..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปถามถึงโม่วู๋เตากับถังเมิ่ง..
  “หมอนั่นน่ะเหรอ”
  “อย่าให้พูดเลย..ฮวงจุ้ยก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังแต่งชุดนักพรตเดินร่อนอยู่ในออฟฟิศไม่ยอมกลับ ดูท่านักพรตคงอยากจะมีเมียแล้วล่ะ!”
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ..“ห๊ะ! อะไรนะ?”
  ถังเมิ่งพยักหน้า“จริงๆพี่หยุน! เวลานี้หมอนั่นกำลังป๊อบปูล่าในหมู่สาวๆมาก วันๆก็เอาแต่จับมือพนักงานสาวๆ แล้วก็คอยทำนายดวงชะตาให้..”
  หลิงหยุนรีบร้องบอกถังเมิ่งทันที“นายรีบโทรบอกเฉินเจี้ยนเตาเดี๋ยวนี้ สั่งให้เขาพาโมวู๋เตากลับมาที่บ้าน!”
  “หึ..ฉันว่าเฉินเจี้ยนเตาจะไม่กล้าน่ะสิ! ตอนนี้หมอนั่นกลายเป็นคนใหญ่คนโตในตึกหลิงหยุนไปแล้ว ฉันว่าหมอนั่นไม่ยอมกลับบ้านแน่!”
  หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปจากนั้นจึงสั่งถังเมิ่งว่า “นายบอกเฉินเจี้ยนเตา.. ถ้าโม่วู๋เตาไม่ยอมกลับ ก็ให้โทรเรียกตำรวจเลย! แล้วบอกเขาว่านี่เป็นคำสั่งของฉัน!”
  ถังเมิ่งรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเฉินเจี้ยนเตาทันที..และหลังจากวางสาย หลิงหยุนกับถังเมิ่งก็แอบส่งยิ้มให้กัน..
  จากนั้นถังเมิ่งก็ขอตัวไปหาหลี่ยี่เฟิงหลิงหยุนจึงสั่งให้หวังเฟยฮู๋ตามไปดูแลถังเมิ่งด้วย ส่วนตัวเขาก็นั่งทำสมาธิอยู่บนโซฟา และกำลังครุ่นคิดเรื่องธุรกิจของเฉิงเมดิคัลกรุ๊ป
  “เฉิงเทียนนี่สมกับเป็นเจ้าพ่อธุรกิจจริงๆจิ้งจอกอย่างไรก็ยังเป็นจิ้งจอกอยู่วันยังค่ำ ครั้งนี้อย่างไรเจ้ามีแต่ได้กับได้!”
  …..
  “คุณเฉิน..อย่าเอาแต่เล่นโทรศัพท์ เจ้าตั้งใจขับรถหน่อย!”
  ในเวลาเดียวกันนั้น..โม่วู๋เตาก็กำลังนั่งรถเฉินเจี้ยนเตากลับมายังบ้านเลขที่-1 ระหว่างทางโม่วู๋เตาเห็นเฉินเจี้ยนเตาเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ในมือ จึงได้ร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่เฉินเจี้ยนเตากลับตอบมาว่า
  “นี่ท่านนักพรต..มีใครบ้างที่จะไม่ตื่นเต้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะได้เงินล้านในอีกไม่กี่นาที”
  โม่วู๋เตาฟังแล้วได้แต่ถามขึ้นด้วยความงุนงง“ขับรถอยู่ก็สามารถหาเงินได้ด้วยหรือนี่”
  ไม่นานนักเฉินเจี้ยนเตาก็ขับรถพาโม่วู๋เตามาส่งยังบ้านเลขที่-1และทันทีที่เห็นหน้าโม่วู๋เตา หลิงหยุนก็ตะโกนถามออกไปทันที
  “นี่เจ้ากลับบ้านได้แล้วรึ!”
  โม่วู๋เตาร้องตะโกนตอบอย่างโมโห“หลิงหยุน.. เหตุใดเจ้าต้องสั่งให้คุณเฉินพาข้ากลับมาที่นี่ด้วย!”
  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาเขาเดินเข้าไปตบไหล่โม่วู๋เตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็เพราะวันนี้ข้ามีเรื่องต้องให้เจ้าช่วยน่ะสิ..”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงสั่งให้เฉินเจี้ยนเตาขับรถพาเขากับโม่วู๋เตาไปที่ร้านขายยาจี้ชี่ถังระหว่างทางเฉินเจี้ยนเตาก็พูดขึ้นว่า..
  “คุณหลิง..เจ้าของร้านขายยาจี้ชี่ถังมีชื่อว่าเหยียนเค่อหมิง อายุห้าสิบเจ็ดปี เป็นคนสมถะถ่อมเนื้อถ่อมตัว นอกจากร้านขายยาของเขาจะใหญ่ที่สุดในเมืองแล้ว ร้านของเขายังเป็นร้านขายยาจีนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว..”
  “นอกจากนี้เขาเองก็รู้จักคนใหญ่คนโตในจิงฉูหรือข้าราชการระดับสูงมากมาย นับว่าเป็นผู้ที่มีเส้นสายมากคนหนึ่ง”
  “อีกทั้งยังไม่ใช่คนขาดแคลนเงินทองและไม่ได้มีปัญหากับจำนวนเงินที่ทางเราเสนอให้ แต่ทุกครั้งที่ผมไปพบเหยียนเค่อหมิง ผมก็จะได้ยินคำพูดแค่สองคำคือ.. ไม่ขาย จนผมเองถึงกับปวดหัวมาก!”
  หลิงหยุนกับโม่วู๋เตาที่นั่งอยู่ด้านหลังทั้งคู่ต่างก็หันไปมองหน้ากัน และหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า
  “ดี..งั้นก็รีบไปพบเหยียนเค่อหมิงกัน!”
  ทั้งสามคนไปถึงร้านขายยาจี้ชี่ถังตอนสิบโมงตรงระหว่างทางที่เดินจากที่จอดรถไปยังร้านขายยานั้น หลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูภายในร้านที่กว้างใหญ่นั้นก่อนแล้ว
  เขาพบว่าภายในร้านมีพนักงานสวมชุดสีขาวอยู่ราวสิบกว่าคนด้านในสุดเป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ และมีชายชราอายุห้าสิบกว่า รูปร่างผอมสูง กำลังนั่งจิบน้ำชา และอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านใน..
  ทันทีที่ก้าวลงจากรถโม่วู๋เตาก็สำรวจไปรอบๆ บริเวณร้าน และพึมพำเบาๆ “เหตุใดจึงต้องเปิดร้านขายยาตรงข้ามกับโรงพยาบาลแบบนี้นะ”
  หลิงหยุนได้ยินจึงยกมือขึ้นตบบ่าโม่วู๋เตาพร้อมกับประชดว่า“ไม่ให้เปิดหน้าโรงพยาบาล หรือจะให้ไปเปิดที่สำนักเหมาซานของเจ้างั้นรึ”
  เมื่อทั้งสามคนเดินเข้าไปในร้านก็ตรงเข้าไปยังห้องทำงานของเหยียนเค่อหมิงทันที ส่วนโม่วู๋เตานั้นเดินช้าที่สุดเพราะมัวแต่สำรวจภายในร้านอยู่..
  เมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของเหยียนเค่อหมิงเฉินเจี้ยนเตาก็ยืนพูดหน้าประตู “เถ้าแก่เหยียนครับ.. ผมมารบกวนเวลาคุณอีกครั้ง!”
  แต่ก็มีเพียงน้ำเสียงเย็นชาของเหยียนเค่อหมิงดังออกมาจากห้อง“ไม่ขาย..”
  หลิงหยุนฟังคำพูดประโยคนั้นของเหยียนเค่อหมิงแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าและเดินตรงเข้าไปในห้องทำงานของเขาทันที พร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
  “เถ้าแก่เหยียน..ผมชื่อหลิงหยุน เป็นเจ้าของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น ผมมาพบคุณวันนี้เพื่อพูดคุยเรื่องการซื้อกิจการ!”
  เหยียนเค่อหมิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง“ไม่ขาย.. ไม่ขาย.. ไม่ว่าใครมาฉันก็ไม่ขาย..”
  ในเมื่อเหยียนเค่อหมิงไม่เชื้อเชิญให้นั่งหลิงหยุนก็ได้แต่ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเขา และเสนอราคาต่อทันที
  “เถ้าแก่เหยียน..สามร้อยล้าน! ไม่ทราบว่าคุณคิดเห็นเช่นไร”
  ในที่สุดเหยียนเค่อหมิงก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์เขาจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ขาย..”
  “สี่ร้อยล้าน..”หลิงหยุนมีเงินมากมายเวลานี้ เขาจึงทุ่มไม่อั้น..
  เหยียนเค่อหมิงจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่งนานก่อนจะตอบเช่นเดิม “ไม่ขาย..”
  “หกร้อยล้าน!”
  ครั้งนี้เหยียนเค่อหมิงถึงกับหายใจแรงเขาจ้องหน้าหลิงหยุนเนิ่นนานพร้อมกับพูดยาวกว่าเดิม
  “พ่อหนุ่ม..ดูเหมือนเธอคงจะร่ำรวยมากสินะ ถึงได้ต้องการจะซื้อกิจการร้านขายยาของฉันให้ได้! ขอบอกตามตรง.. ร้านนี้เป็นร้านที่สืบทอดกิจการมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ต่อให้เธอจะเสนอเงินมากมายแค่ใหน ฉันก็ขายให้ไม่ได้จริงๆ!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าจำนวนเงินคงจะไม่สามารถโน้มน้าวเถ้าแก่เหยียนได้ผลจริงๆไม่เช่นนั้นเขาขยับจากสองร้อยล้านมาเป็นหกร้อยล้านในเวลาชั่วพริบตาเดียว แต่เหยียนเค่อหมิงกลับยืนกรานเช่นเดิม..
  และในเมื่อเหยียนเค่อหมิงปิดประตูเจรจาเช่นนี้หลิงหยุนก็ได้แต่คิดว่าคงต้องใช้ไม้แข็ง..
  “เถ้าแก่เหยียน..เวลานี้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นมีบริษัทในเครืออยู่ถึง 42 บริษัทแล้ว คิดว่าเรื่องนี้เถ้าแก่คงจะทราบข่าวมาบ้างแล้ว..”
  หลิงหยุนพูดพร้อมกับเหลือบมองหนังสือพิมพ์ในมือของเหยียนเค่อหมิงที่ตีพิมพ์ข่าวของบริษัทเทียนตี้อยู่พอดี.. novel-lucky
  เหยียนเค่อหมิงวางหนังสือพิมพ์ในมือลงและตอบยิ้มๆ “หนังสือพิมพ์ตีข่าวเรื่องนี้ทุกวัน ฉันอ่านเจอทุกวัน..”
  หลิงหยุนกำมือแน่น“อาวุโสได้โปรดเห็นแก่หน้าผม..”
  เหยียนเค่อหมิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“บางอย่างขายได้ บางอย่างขายไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับให้หน้า หรือไม่ให้หน้า..”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เถ้าแก่เหยียน.. ผมขอบอกตามตรง คุณจะขายกิจการให้ผมหรือไม่นั้น ถึงอย่างไรพรุ่งนี้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นก็ยังสามารถเปิดกิจการได้อยู่ดี ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย..”
  หลิงหยุนพูดอย่างตรงไปตรงมาและไม่อ้อมค้อมอีก “ไม่ทราบเถ้าแก่รู้หรือไม่ว่าบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นทำธุรกิจอะไรบ้าง”
  เหยียนเค่อหมิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน“ฉันรู้แต่ว่าคุณเป็นพวกเศรษฐีมีเงินที่เที่ยวกว้านซื้อกิจการต่างๆ แทบทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ถูกต้อง.. บริษัทของผมมีกิจการแทบทุกอย่าง และเป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของผมก็คือ การทำธุรกิจเกี่ยวกับยา และการรักษาอย่างครบวงจร!”
  จากนั้น..หลิงหยุนก็ทำเป็นกระซิบเสียงเบา “ผมคิดว่าเถ้าแก่เหยียนคงจะไม่อยากให้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นเปิดร้านขายยา และกลายมาเป็นคู่แข่งยักษ์ใหญ่ของคุณหรอกนะ!”
  สายตาคมกริบของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเหยียนเค่อหมิงในขณะเดียวกันก็พูดต่อว่า
  “เถ้าแก่เหยียน..ตอนนี้ผมมีทั้งธุรกิจโรงพยาบาล โรงงานผลิตยา และศูนย์วิจัยยาอยู่ในมือ..”
  “และขอบอกตามตรงว่า..พรุ่งนี้บริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊ปก็จะรวมเข้ากับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นอย่างเป็นทางการแล้ว คุณเองก็น่าจะรู้ว่าบริษัทเฉิงเมดิคัลกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตยาที่ใหญ่โตมากเพียงใด! ถึงตอนนั้นคุณคิดว่าคุณจะสู้รบปรบมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนั้นได้เหรอครับ”
  เหยียนเค่อหมิงถึงกับหน้าเสียและพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. นี่เธอคิดจะข่มขู่ฉันเหรอ”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“เถ้าแก่เหยียน.. ผมแค่เตือน เพราะไม่ต้องการเห็นร้านขายยาของคุณต้องถูกบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นบีบ..”
  ระหว่างที่ให้เวลาเหยียนเค่อหมิงได้คิดหลิงหยุนก็หันไปถามโม่วู๋เตาผ่านกระแสจิต..
  -เจ้าเดินดูรอบร้านแล้วเป็นเช่นใดบ้าง–
  โม่วู่เต๋าตอบหลิงหยุนผ่านกระแสจิตเช่นกัน-ดูจากใบหน้าของชายชราผู้นี้แล้ว เขากำลังมีเรื่องทุกข์ใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้..-
  -หากข้าทำนายไม่ผิด..ภรรยาและลูกของเขากำลังมีปัญหา และหนึ่งในนั้นก็นอนอยู่ในโรงพยาบาลตรงข้ามนี้!–
  -ได้การ..เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!– หลิงหยุนตอบกลับทันที..
  หลิงหยุนนึกดีใจอย่างมากเพราะหากเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งง่ายมากขึ้น.. เขามองหน้าเหยียนเค่อหมิงที่เวลานี้กำลังเหงื่อตก เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นได้กดดันเขาอย่างมาก
  เมื่อเห็นเช่นนั้นหลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า“เถ้าแก่เหยียน.. ผมคิดว่าเรื่องเงินไม่ใช่ประเด็น ส่วนเรื่องร้านที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษก็เป็นเพียงข้ออ้าง ผมคิดว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นที่คุณปิดบังอยู่ใช่มั๊ยครับ”
  ระหว่างที่พูดหลิงหยุนก็สังเกตท่าทีของเหยียนเค่อหมิงไปด้วยและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เหยียนเค่อหมิงถึงกับเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักอกหนักใจ
  หลิงหยุนรีบรุกทันที“อาวุโส.. มีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรก็เล่าให้ผมฟังได้ ไม่แน่ว่าผมอาจจะช่วยคุณได้”
  เหยียนเค่อหมิงได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง“เฮ้อ.. เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินทอง!”
  “แต่เอาล่ะ..ในเมื่อเธอถามขึ้นมา ฉันก็จะเล่าให้ฟัง.. ”
  “กิจการร้านขายยานี้ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตสร้างมันขึ้นมาแต่เงินที่เธอเสนอซื้อสองร้อยล้านนั้น ก็นับว่ามากแล้ว แต่หากโลภหน่อย.. สามร้อยล้านก็นับว่าสูงมากทีเดียว แต่หกร้อยล้านนั้น.. ผมว่ามันมากเกินไป!”
  “แต่เหตุผลที่ฉันไม่สามารถขายให้เธอได้นั้นก็เพราะว่าหากฉันขายให้เธอไปแล้ว ในวันข้างหน้าฉันก็จะขาดรายได้ และจะไม่มีเงินมาดูแลภรรยากับลูกที่ป่วย!”
  “เวลานี้ภรรยาของฉันได้แต่นอนนิ่งเป็นผักมาหลายปีแล้ว..”
  “แต่ที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุดก็คือลูกชายวัยยี่สิบปีเขาได้รับอุบัติเหตุกระดูกสันหลังหัก และร่างกายท่อนร่างเป็นอัมพาตไม่สามารถเดินเหินได้มานานถึงเก้าปีแล้ว ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าหากตัวเองตายไป วันข้างหน้าใครจะเป็นผู้ดูแลพวกเขา..”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..‘เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกผิด และเสียใจต่อเจ้านัก!’
  ภรรยาของเหยียนเค่อหมิงนอนเป็นผักส่วนลูกชายก็เป็นอัมพาตครึ่งตัว.. ถังเมิ่งช่างมีทัศนวิสัยกว้างไกลนัก ถึงได้ส่งหมออมตะอย่างเขามาที่นี่..
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“อาวุโส.. อย่ากังวลใจไปเลย ผมสามารถรักษาพวกเขาให้หายได้!”
  “ห๊ะ!อะไรนะ?!”
  เหยียนเค่อหมิงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและหลังจากรู้สึกตัวก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
  “เมื่อครู่..เธอบอกว่าสามารถรักษาพวกเขาได้..”
  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“ใช่ครับ.. ผมรักษาพวกเขาทั้งคู่ให้หายได้ !”
  “ห๊ะ..รักษาให้หายได้ คุณ.. คุณหลิง.. คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั๊ย?” เหยียนเค่อหมิงร้องถามปากคอสั่น
  หลิงหยุนลุกยืนทันทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า“อาวุโส.. เราหยุดการเจรจาเรื่องธุรกิจไว้ก่อน ตอนนี้พาผมไปรักษาคนก่อนจะดีกว่า!”
  “ได้ๆงั้นไปกันเลย..”
  เหยียนเค่อหมิงเดินนำทุกคนไปที่โรงพยาบาลฝั่งตรงข้ามและตรงไปยังที่อาคารผู้ป่วยพิเศษ..
  ระหว่างที่มองดูหลิงหยุนรักษาภรรยาของตนเองนั้นเหยียนเค่อหมิงนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเมื่อเห็นหลิงหยุนนำศิลากลั่นวิญญาณออกมาใช้ในการรักษาภรรยาของตนเอง
  แต่เพียงแค่ยี่สิบนาทีภรรยาของเหยียนเค่อหมิงก็ฟื้นขึ้น และทั้งคู่ต่างก็โผเข้ากอดกันสะอื้นร่ำไห้ไม่หยุด
  และหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลิงหยุนก็ได้มาถึงที่บ้านของเหยียนเค่อหมิง และได้ใช้เก้าเข็มปลุกชีพรักษาอาการอัมพาตให้กับลูกชายของเขา จนสามารถกลับมาเดินได้ในทันที
  เหยียนเค่อหมิงภรรยา และลูกชาย ต่างก็คุกเข่าลงทำการคาราวะหลิงหยุน..
  และเหยียนเค่อหมิงก็ได้มอบกิจการร้านขายยาและสาขาต่างๆให้กับหลิงหยุนโดยไม่คิดเงินแม้แต่หยวนเดียว
  แต่แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ยอมรับแน่เขามอบเงินให้กับเหยียนเค่อหมิงเป็นค่าซื้อกิจการจำนวนสองร้อยล้านหยวน..