บทที่ 368 โอกาสที่จะได้พบเฟิงอู๋ซี

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 368

โอกาสที่จะได้พบเฟิงอู๋ซี

เธอไม่ได้หุนหัน เพียงแค่ว่าท่าทางขององค์จักรพรรดิและพระมเหสีที่มีต่อกันคืนนี้กระทบใจของเธออย่างมาก

เธอมั่นใจมากว่าองค์จักรพรรดิจะต้องรักพระมเหสีมากแน่ๆและเธอก็กลัวว่ามันจะมีความเป็นไปได้ที่องค์จักรพรรดิจะไม่แตะต้องพวกเธออีก

งั้นพวกเธอจะทำยังไงล่ะ?!

ยิ่งนานวันเข้า การที่พวกเธอจะได้เบ่งบานก็เป็นเรื่องยาก เธอทนไม่ได้หรอก เธอยอมที่จะเสี่ยงดีกว่า

ถ้าแผนนี้สำเร็จ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นเตียงกับพระองค์นอกจากพระมเหสีและก็จะสามารถทำลายบรรยากาศแห่งความรักที่องค์จักรพรรดิมีให้เพียงพระมเหสีอีกด้วย แต่ถ้าเธอแพ้ครั้งนี้เธอก็จะต้องตาย

เธอยอมที่จะตายดีกว่าที่จะต้องอยู่โดยไม่มีพระองค์ เธอคงจะบ้าแน่ๆถ้าไม่สามารถที่เข้าใกล้พระองค์ได้

“คุณหนู” แม่นมขมวดคิ้ว

หัวใจที่เจ็บปวดของคุณหนู ทำให้หัวใจของเธอเองก็เจ็บปวดไปด้วยเพราะความรักที่ไม่คำนึงถึงถึงอะไรเลย

สิ่งสุดท้ายที่ต้องการในฮาเร็มก็คือความรัก คืนนี้เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในสายตาของพระมเหสีไม่มีความรักอยู่เลย

พระมเหสีไม่ใช่คนที่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วยเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงมาอยู่ในตำแหน่งนี่ได้

อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านี้ก็คงไม่เหมาะที่จะพูดกับคุณหนูเท่าไรและนางก็อาจจะไม่ฟังด้วย

ยังไงซะเธอแก่เกินไปที่จะมาปลอบใจหัวใจที่บาดเจ็บนี้ด้วย

แม่นมค่อยๆกอดหลิวจือหลิงไว้ในอ้อมกอดและปล่อยให้นางร้องไห้โฮ

เธอเลี้ยงนางมาตั้งแต่เด็กๆ ใกล้ชิดมากกว่าลูกสาวตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่นานเฟิงอู๋ซีก็ได้ยินข่าว ในหัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญท่าทางของมู่หรงเสวี่ย

นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ทุกครั้งที่เธอแวะไป มู่หรงเสวี่ยก็จะหาเหตุผลมากมายมาไล่เธอกลับและไม่ยอมให้เธอได้เจอกับองค์จักรพรรดิ

เธอนี่โง่จริงๆที่หลงเชื่อนาง เธอคิดจริงๆได้ยังไงว่า มู่หรงเสวี่ยจะร่วมมือกับเธอได้

ตอนนี้ถึงขนาดยอมให้เด็กผู้หญิงคนนั้นได้เจอกับ องค์จักรพรรดิแต่กลับไม่ยอมให้เธอได้เจอ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เธออุตส่าห์คิดว่าถ้าเธอได้เจอกับนาง นางก็อาจจะช่วยได้งั้นเหรอ?!

เธอนี่โง่จริงๆที่คิดว่านางจะช่วยเธอ

ถ้างั้นในเมื่อนางไม่ยอมที่จะช่วยงั้นเธอก็คงจะต้องหาวิธีเองซะแล้ว

เสี่ยวหงยันตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง เมื่อกี้องค์หญิงเพิ่งจะทุบตีเธออีกแล้ว

ตอนแรกๆนางก็จะแค่ทุบตีเป็นบางโอกาส แต่เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนเป็นโดนแทบจะทุกวัน

ถึงแม้บาดแผลพวกนั้นจะไม่ได้ร้ายแรงแต่ก็เจ็บมากจริงๆ ทั่วทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยบาดแผล

เธอรู้สึกกลัวองค์หญิงมากขึ้นไปอีก ครั้งหนึ่งเธอเคยหนีไปแต่องค์หญิงก็ให้คนไปจับเธอกลับมาอีก

มันเลวร้ายมาก องค์หญิงบ้าไปแล้ว แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นนางกลับเป็นคนที่อ่อนหวาน มีเพียงแค่ตอนที่อยู่กับเธอเท่านั้นที่จะกลายเป็นจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันน่ากลัวมาก

เธอรู้สึกเสียใจมากที่ตามองค์หญิงกลับมา เธอน่าจะหนักแน่นกว่านี้ เธอน่าจะยืนกรานที่จะอยู่ต่อ ไม่งั้นทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้หรอก

“ลุกขึ้น” องค์หญิงมองมาที่เสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชาอย่างไร้ความปรานี

ในสายตาของเธอ ความเป็นเพื่อนมันจางหายไปหมดแล้ว

เธอมองไปที่เสี่ยวหงราวกับเป็นของเล่นที่น่าสนใจ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

ก่อนที่เสี่ยวหงจะลุกขึ้น เธอรู้สึกว่าขาตัวเองอ่อนแรงไปหมด เธอหวังอยากให้ตัวเองสลบไปซะ เธอไม่อยากที่จะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจอย่างองค์หญิงอีก

“องค์หญิง องค์หญิง อย่านะเจ้าคะ ไม่…” เสี่ยวหงร้องออกมา ทุกครั้งที่องค์หญิงเข้ามาใกล้เธอก็จะรู้สึกหวาดกลัว

องค์หญิงหยิบเข็มเงินที่ยาวประมาณออกมานิ้วออกมาจากกล่องผ้า

“เสี่ยวหง ที่รัก รีบมานี่เร็วเข้า” สีหน้าขององค์หญิงหัวเราะออกมาอย่างน่ากลัว

เมื่อเห็นเข็มเงินที่คุ้นเคย เสี่ยวหงก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน เธอผลักองค์หญิง เปิดประตูและวิ่งหนีออกไป

ในระหว่างที่วิ่งเธอก็ร้องตะโกนไปด้วย “ช่วยด้วย องค์หญิงบ้าไปแล้ว ช่วยด้วย องค์หญิงบ้าไปแล้ว”

เฟิงอู๋ซีเผยรอยยิ้มแสยะ แล้วจึงค่อยเก็บเข็มเงินกลับเข้าไปอย่างใจเย็น จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเริ่มที่จะเก็บซ่อนท่าทางเลือดเย็นและเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนโยนแทน

หลังจากนั้นสักพักก็เป็นอย่างที่คาดไว้ องครักษ์จับ เสี่ยวหงกลับมา

“พระสนม” เหล่าองครักษ์ทำความเคารพ

“เชิญลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงขององค์หญิงค่อนข้างที่จะเศร้า ไม่มีใครเชื่อได้เลยว่าองค์หญิงจะบ้าคลั่งไปแล้ว

“องค์หญิง สาวใช้คนนี้…” องครักษ์ถามด้วยความสงสัย

“ไม่ พวกเจ้าอย่าไปหลงเชื่อนางนะ

องค์หญิงบ้าไปแล้ว นางบ้าไปแล้วจริงๆ นางชอบทำร้ายร่างกายข้าบ่อยๆ ข้าจะต้องตาย ข้าจะต้องตายแน่ๆ…” เสี่ยวหงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

องค์หญิงยิ้มอย่างขมขื่น “ตั้งแต่นางถูกส่งมาที่นี่ นางก็เป็นแบบนี้ และข้าก็ปวดหัวไปหมดแล้ว”

“ทำไมท่านไม่ขังนางไว้ละ? ข้าเกรงว่านางจะทำร้ายพระสนมได้นะขอรับ” ทหารพูด

โดยปกติแล้วถ้าสาวใช้ป่วยเป็นอะไรแบบนี้นางจะต้องถูกฆ่าทันที

องค์หญิงถอนหายใจ “สาวใช้คนนี้โตมาด้วยกันกับข้าตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องมีความรัก ความผูกพันกันบ้าง ข้าทนที่จะขังนางไว้ไม่ได้หรอก” สุดท้ายองค์หญิงก็ทำเป็นเช็ดน้ำตา

“ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน” ทหารกล่าว

“ได้” องค์หญิงตอบกลับมา

หลังจากที่ทหารไปแล้ว เฟิงอู๋ซีก็ค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูพร้อมทั้งล็อกห้องจากข้างใน

ความตื่นตระหนกของเสี่ยวหงก่อนหน้านี้พุ่งกลับมาอีก

“องค์หญิง ไม่นะคะ อย่า”

“เจ้าชอบวิ่งหนีไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่หนีไปล่ะ?” องค์หญิงหยิบเข็มเงินออกมาจากกล่องผ้าอีกครั้งและสายตาของเธอก็แวบประกายบ้าคลั่งและตื่นเต้น

น้ำตาของสาวใช้ไหลออกมานองหน้าเต็มไปหมด

นี่มันแย่มาก นี่ไม่ใช่องค์หญิงที่เธอรู้จัก

“ไม่เอาน่า นี่ไม่เจ็บหรอกนะ” องค์หญิงค่อยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

“โอ๊ย” เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากห้องขององค์หญิง

องครักษ์ที่ยังเดินออกไปไม่ไกลมากนักถึงกับต้องส่ายหัวเบาๆ “องค์หญิงเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ สาวใช้แบบนั้นก็ยังจะให้อยู่ด้วยอีก”

เสี่ยวหงถูกเข็มทิ่มครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงกับสลบไป เธอพยายามที่จะสู้แล้ว แต่องค์หญิงได้รับการฝึกฝนเรื่องการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเล็กๆแล้วดังนั้นเธอจึงไม่ใช่คู่แข่งของนางเลยสักนิด

สุดท้ายองค์หญิงก็แสยะยิ้มพร้อมทั้งหยิบเข็มเงินในมือขึ้นมา มู่หรงเสวี่ย เจ้ากล้ามาหลอกข้างั้นเหรอ?! ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงามเลย

เฟิงอู๋ซีเจอเชือกและเอามามัดเสี่ยวหงไว้กับเสา แล้วเธอก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมทั้งแต่งหน้าอ่อนๆแล้วจึงเดินออกไปด้วยท่าทางที่สง่างามดูราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อกี้ไปเลย เธอเดินออกไปพร้อมด้วยเหล่าสาวใช้ที่รีบเดินตามไปทันที นี่มันก็บ่ายมากแล้ว เดาว่าอีกไม่นานองค์จักรพรรดิก็คงจะแวะไปที่ตำหนักของราชินีมู่หรงเสวี่ย

เฟิงอู๋ซีเผยรอยยิ้มเล็กน้อย องค์จักรพรรดิจะต้องเดินผ่านจุดที่เธอกำลังนั่งรออยู่นี่แน่ๆ ตรงนี้บังเอิญมีศาลาน้ำอยู่ด้วย ถ้าเธอไปนั่งชมวิวแล้วบังเอิญเจอเข้ากับองค์จักรพรรดิก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่ไหมล่ะ?!

องค์หญิงนั่งอยู่เงียบๆ พร้อมด้วยสายลมที่พัดผ่านช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

รออยู่ได้ไม่นานและก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เธอเห็นหลินหยางที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินพร้อมด้วยขบวนสาวใช้และขันทีกำลังเดินมาทางนี้พอดี

เฟิงอู๋ซีลุกขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “องค์จักรพรรดิ”

“อืม!” หลินหยางร้องทักออกมาเสียงเบา แม้แต่ฝีเท้าที่กำลังเดินไปยังห้องของมู่หรงก็ยังไม่ได้ช้าลงเลยด้วยซ้ำ สีหน้าของเฟิงอู๋ซีเปลี่ยนไปแล้วจึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตามเขาให้ทัน

“องค์จักรพรรดิ เราไม่ได้เจอหน้ากันนานเลยนะเพคะ ข้ายังคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่อยู่เลย” เธอพูดออกมาอย่างอ่อนหวาน

คิดถึงการถูกทำร้ายงั้นเหรอ?! หลินหยางมองมาที่เธอแปลกๆ

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงอู่ซีสะดุดไปเล็กน้อย ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหลินหยางอาจจะไม่ได้ชอบเธอ ก็เพราะท่าทางสูงศักดิ์ของเธอตอนที่อยู่ที่ดินแดนแห่งดำมืดแต่ว่าตอนนี้เธอยอมลดตัวลงมาเพื่อคุยกับเขาก่อนแล้ว นี่เขาไม่เห็นความงามของเธอบ้างเลยหรือไง?

“มีอะไร?” หลินหยางถาม

เขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอหัวเราะได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นศัตรูของเธอ ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ

เธอลดศักดิ์ศรีตัวเองลงและคิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง รอบๆตัวเขามีทหารลับกว่า 20 นาย เธอเกรงว่าตัวเองคงจะโดนจัดการก่อนที่จะได้เริ่มซะอีกแน่ๆ

เฟิงอู๋ซีก้มหัวอย่างไม่เต็มใจเท่าไร สีหน้าแสดงอาการแดงระเรื่อพร้อมเผยให้เห็นผิวคอที่ขาวนวล ซึ่งปกติแล้วจะทำให้คนที่ได้เห็นหัวใจเต้นรัว

“ข้าไม่เจอท่านมาตั้งนานแล้ว ข้าคิดถึงท่าน” น้ำเสียงที่ไพเราะของเธอพูดพึมพำออกมา

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีข่าวลือว่ามีผู้ชายมากมายที่ต้องมาตายด้วยน้ำมือของนาง ช่างเป็นการเอาความงามมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

สายตาของหลินหยางแวบประกายเย็นชา ยังไงซะเขาก็ต้องรีบจัดการผู้หญิงคนนี้ให้เร็วที่สุด นางเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาด, มีความสามารถ, เปี่ยมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและยังสามารถที่จะตีสองหน้าได้อีก ช่างเป็นภัยที่น่ากลัวจริงๆ

“ไปกันเถอะ ข้าต้องไปกินข้าวกับพระมเหสี” หลินหยางพูดออกมาเสียงเรียบ เพราะรู้ว่าต่อให้เขาออกปากไล่ นางก็คงจะไม่ไปอยู่ดีและคงจะมีเหตุผลร้อยแปดมากมาย งั้นรีบโยนให้ มู่หรงเสวี่ยจัดการดีกว่า ผู้หญิงคนนี้น่าเหนื่อยใจเกินไป

“เพคะ” เฟิงอู๋ซีตอบกลับเสียงอ่อนหวาน ในดวงตาแวบประกาย นี่เป็นก้าวแรกใช่ไหม?!

แล้วคนขบวนใหญ่ก็เดินตรงไปที่ตำหนักของมู่หรงเสวี่ย

เฟิงอู๋ซีไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ได้เห็นหน้ามู่หรงจึงไม่ได้แสดงความเคารพอะไร มู่หรงมองไปที่หลินหยาง เจ้าไปเจอเทพแห่งหายนะนี่ได้ยังไงเนี่ย?! ไม่มีทางอ่ะ นี่ต้องเป็นโชคร้ายชัดๆ!

“พระสนมเฟิงอู๋ซีดีใจจังที่ได้เจอ แต่มาถึงนี่แล้วจะไม่ทำความเคารพกันหน่อยเลยเหรอ?” มู่หรงเผยรอยยิ้มแสยะและพูดออกมาอย่างเย็นชา

เฟิงอู๋ซีมองไปที่หลินหยางแต่เขากลับไม่พูดอะไรเลยสักนิด เธอกัดริมฝีปากแน่นและย่อตัวลง “ถวายบังคมพระมเหสี ขอพระองค์ทรงอายุยืนเป็นหมื่นปีเพคะ”

มู่หรงเสวี่ยยืดขาออกมาแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าว่าอะไรนะ? ข้าไม่ได้ยินเลย”

เฟิงอู๋ซีไม่พูดอะไรเพราะองค์จักรพรรดิที่เป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้แต่เขากลับดูเหมือนว่าจะยอมปล่อยให้ มู่หรงเสวี่ยรังแกเธอ

“ถวายบังคมพระมเหสี” เฟิงอู่ซีรู้สึกเสียใจจึงเปล่งเสียงตะโกนออกมา

มู่หรงกินองุ่นแล้วจึงพูดออกมา “น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลย เจ้าคุกเข่าลงอีกหน่อยได้ไหม” กล้ามาทำอวดดีงั้นเหรอ

ถ้าคิดจะมาขัดขวางหลินหยาง คิดว่าจะทำได้ยังไง? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเฟิงอู๋ซีมีความกระหายอยู่ในใจ แล้วแบบนี้จะปล่อยให้นางมีโอกาสได้ชูคอขึ้นมาได้ยังไง

รอดูการลงโทษก่อนเถอะ

สายตาของหลินหยางแวบประกายรอยยิ้ม มู่หรงจ้องไปที่เขาด้วยสายตาดุดัน เขาชอบที่จะสร้างปัญหาให้เธอจริงๆ

ในสายตาของเฟิงอู๋ซีแวบประกายโหดเหี้ยม นัง มู่หรงเสวี่ย รอก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลาข้าจะตอบแทนเจ้าเป็นสิบเท่าเลย

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่านางกำลังคิดอะไร ผู้หญิงแบบนี้อ่านออกได้ไม่ยาก นางเหมือนกับว่าสูญเสียที่พึ่งทั้งหมดจึงอยากที่จะดึงทุกสิ่งทุกอย่างให้ลงนรกไปกับนางด้วย ช่างเป็นจิตใจที่บิดเบี้ยวจริงๆ

“องค์จักรพรรดิ…” เฟิงอู๋ซีเงยหน้าขึ้นมาและน้ำตาแห่งความน่าสงสารก็เอ่อล้นเต็มสองตาของเธอ

“เจ้าจะร้องทำไม?! มีปัญหากับคำสั่งของข้าหรือไง?” มู่หรงพูดออกมาอย่างเย็นชา