บทที่ 135 การใช้ผลึกวิญญาณ
บนเนินลาดชันแห่งหนึ่งในป่า
กองทัพกำลังสวรรค์ได้ตั้งค่ายอยู่ในพื้นที่ที่แปลกประหลาดนี้ นอกจากทหารบางส่วนที่รับหน้าที่คุ้มกัน ทหารส่วนใหญ่นั้นได้ผล็อยหลับไปเรียบร้อยแล้ว
ซูเฉินเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ยังไม่หลับ พลังจิตของเขาในตอนนี้ทำให้เขาแทบจะไม่จำเป็นต้องนอน และหากจำเป็นจริง ๆ เขาสามารถอยู่โดยไม่ต้องนอนหลับได้ถึง 10 วัน 10 คืนได้สบาย ๆ
ชายหนุ่มกำลังตรวจสอบดูผลึกวิญญาณอย่างระมัดระวังอยู่ในกระโจมของเขา
ขณะที่เขาทำเช่นนั้น ผลึกวิญญาณในมือของเขาก็เปล่งแสงสว่างขึ้น และเริ่มสะท้อนภาพแปลก ๆ ออกมา
“ช่างน่าสนใจจริง ๆ! สามารถสะท้อนเจตจำนงของข้าและแสดงมันออกมาได้”
“มันคือผลึกวิญญาณ มันสามารถถ่ายทอดพลังงานจิตออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ หากเจ้าให้ข้าเข้าไป ข้าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อก่อร่างวิญญาณได้ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อกล่าว ใบหน้าชราของเขาสะท้อนขึ้นบนใบดาบหั่นภูผา
“นั่นเป็นการใช้งานผลึกนี้อย่างไร้ความหมายที่สุด การสูญเสียสิ่งล้ำค่าเช่นนี้กับทาสเผ่าวิญญาณ ?” ซูเฉินหัวเราะพลางส่ายหัว “ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น”
“แต่เจ้าก็จะได้รับความจงรักภักดีสุดชีวิตจากข้า !” ผ้าเท่อลั่วเค่อรีบร้อนพูดต่อ
“ข้าไม่ต้องการความภักดีของเจ้าผ้าเท่อลั่วเค่อ ข้าต้องการแค่ความรู้ของเจ้า แต่ดูเหมือนว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความรู้ที่เจ้าให้ข้าได้จะเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ นะ” คำตอบอย่างไม่อ้อมค้อมของซูเฉิน ได้ทำลายความหวังของผ้าเท่อลั่วเค่อทิ้ง
“เจ้าคนขี้เหนียว ! ผลึกวิญญาณช่วยให้พลังจิตของเจ้าเพิ่มขึ้นก็จริง แต่เจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนพลังจิตเลยแม้แต่น้อย ! ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาจิตแท้ที่ข้ามอบให้อย่างขยันหมั่นเพียร มันก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พลังจิตของเจ้ามากพอแล้ว”
ซูเฉินส่ายหัวปฏิเสธ “ข้าไม่ได้จะใช้มันเพื่อเพิ่มพลังจิต”
“แล้วเจ้าจะใช้ทำอะไร ? เอาไว้รับมือกับการโจมตีจากคนที่พลังจิตแข็งแกร่งกว่าเจ้า ? มีเพียงพวกคนเถื่อนเท่านั้นที่จะต้องใช้มันเช่นนั้น พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งจนเหลือแค่คนแค่ไม่กี่คนแล้วที่จะใช้วิธีนี้ควบคุมเจ้าได้”
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้จะใช้มันทำอะไรแบบนั้นเช่นกัน มันมีประโยชน์ได้มากกว่านั้น” ซูเฉินตอบ
“ยังไง ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูเฉินก็พูดขึ้น “ผ้าเท่อลั่วเค่อ ท่านจำได้ไหมว่าเพราะเหตุใดในตอนนั้นท่านถึงจมดิ่งลงไปในห้วงความสิ้นหวังชั่วนิรันดร์นั่น”
ผ้าเท่อลั่วเค่อชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “แน่นอน เพราะข้าต้องการตระหนักถึงความทะเยอทะยานอันรุ่งโรจน์ในใจของข้า”
“พูดตรง ๆ ก็คือการไล่ตามสิ่งที่ปรารถนา หากข้าจำไม่ผิด ท่านกำลังพยายามหาวิธีบิดเบือนความทรงจำอยู่ใช่ไหม ?” ซูเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจ
การควบคุมความทรงจำ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผ้าเท่อลั่วเค่อพยายามศึกษาในตอนที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญโบราณอาร์คาน่าอยู่
เขาต้องการหาวิธีถ่ายทอดความทรงจำ เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญประการแรกในการควบคุมเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ
แม้ว่าท้ายที่สุดเขาจะล้มเหลวก็ตาม แต่งานของเขาก็ไม่ได้นับว่าไร้ประโยชน์ ผู้ควบคุมวิญญาณสัตว์อสูรเป็นผลพลอยได้จากการวิจัยของเขา
มันคืออดีตที่ผ่านมานานแล้ว ความทะเยอทะยานของผ้าเท่อลั่วเค่อถูกฝังอยู่ใต้เศษซากกาลเวลาที่โหดร้าย ไปพร้อม ๆ กับแผนการที่ล้มเหลวของเขาและการล่มสลายของอาณาจักรอาร์คาน่า
แต่ยามนี้ซูเฉินได้หยิบยกมันขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผ้าเท่อลั่วเค่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงได้ถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน ?”
“ก่อนหน้านี้ข้าได้อ่านบันทึกเกี่ยวกับการควบคุมความทรงจำของท่านมาแล้ว และข้าต้องยอมรับว่ามันเขียนได้ดีทีเดียว น่าเสียดายที่ข้ามุ่งเน้นความสนใจไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองเสียมาก ทำให้ข้าไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะหันมาดูเรื่องนี้ แม้ว่าข้าจะสืบทอดความรู้ของท่านมา แต่ข้าก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากนัก”
“โอ้… ไม่เป็นไร” ผ้าเท่อลั่วเค่อถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็พูดต่อ “ทว่าในบางครั้งความรู้นี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับข้า แม้ว่าเหตุผลต่าง ๆ จะทำให้ข้าไม่สามารถศึกษาทุกสิ่งได้ แต่ข้าก็ยังลองทดลองเรื่องบางอย่างไปบ้าง อย่างเช่นเมื่อตอนที่ข้าอยู่ที่เมืองธารน้ำใส ข้าพยายามเปลี่ยนโฉมทะเลความรู้ โดยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับความรู้บางอย่างที่อยู่ในนั้น แล้วมันก็จะฝังลึกอยู่ในความทรงจำตลอดไป หลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องคำนวณซ้ำ ๆ ก็จะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วในหัวของข้า แล้วข้าก็จะไม่จำเป็นต้องทำการทดลองเพิ่มเติมอีก แบบนี้ … ”
ซูเฉินดีดนิ้วและเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นกลางอากาศ แล้วก่อตัวขึ้นเป็นโต๊ะทำงานวิจัย ตามด้วยเครื่องมือทดลองสองสามชิ้น หลังจากดูดซับผลึกต้นกำเนิดไฟไปแล้ว การควบคุมไฟของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก การควบแน่นเปลวไฟเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เขาพูดต่อ “ด้วยวิธีนี้ ข้าสามารถทำงานหลายอย่างที่ปกติแล้วต้องใช้การคำนวณหลายขั้นได้อย่างรวดเร็ว”
ผ้าเท่อลั่วเค่อเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
การวิจัยและการทดลองทั้งหมดเกิดจากพื้นฐานของความรู้จำนวนมาก การใช้ความรู้ที่รู้จักมากมายในการอนุมานและตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้จัก นี่เป็นหลักการพื้นฐานของการทำวิจัย
ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ซูเฉินจะหลีกเลี่ยงการคำนวณหรือทดลองการวิจัยส่วนใหญ่ของตนซ้ำ ๆ
ซูเฉินพยายามใช้วิธีนี้เพื่อตัดส่วนที่ซ้ำซากที่สุดของงานของเขา ถ้าเขาประสบความสำเร็จ ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาอาจเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าหรือ 100 เท่าเลยก็เป็นได้
ต้องยอมรับว่าความคิดนี้ช่างสร้างสรรค์มากจริง ๆ
“เจ้าทำสำเร็จ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถาม
“ไม่ ข้าล้มเหลว” ซูเฉินถอนหายใจ
“การรังสรรค์สิ่งต่าง ๆ ในทะเลแห่งความรู้ของข้านั้นกินพลังจิตกับพลังงานจิตมากเกินไป แค่การสร้างโต๊ะงานวิจัยขึ้นก็ใช้พลังจิตของข้าไปมากแล้ว ทะเลแห่งความรู้ของข้าไม่สามารถทนต่อการคำนวณจำนวนมากได้เว้นเสียแต่ว่าข้าจะมีพลังจิตในระดับที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเจ้าแห่งแดนฝันลวงตา …ไม่สิ บางทีแม้แต่เจ้าแห่งแดนฝันลวงตาเองก็คงไม่อาจทำได้ แดนฝันของเขานั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยตัวเขาเพียงคนเดียว แต่เป็นความพยายามร่วมกันของเขาและลูกหลานกับภูติแดนฝัน หากข้ามีดินแดนที่กว้างใหญ่ดั่งแดนฝัน ข้าคงสามารถทำการคำนวณได้นับไม่ถ้วน แต่ข้าไม่มีมัน ดังนั้นหลังจากนั้นไม่นานนักข้าจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป”
“แล้วเหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงได้ยกมันมาพูด …นี่เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะ… !?” ผ้าเท่อลั่วเค่อตะโกนด้วยความตกใจ
“ถูกต้อง” ซูเฉินหยิบผลึกวิญญาณขึ้นมา ดวงตาของเขาทอประกายวาววับ
“ท่านไม่คิดว่ามันเป็นตัวช่วยคำนวณที่ยอดเยี่ยมไปเลยหรือ? ผลึกนี้คือพลังงานจิตที่เป็นรูปธรรมและยังเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ และคำนวณการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันนับหมื่น การทดลองทั้งหมดที่ได้รับการยืนยันและตรวจสอบผลลัพธ์แล้วสามารถบันทึกลงเอาไว้ที่นี่ได้ แล้วเมื่อรวมเข้ากับทะเลความรู้ของข้า ก็เท่ากับข้ามีสมองถึงสอง หนึ่งในนั้นสามารถอุทิศให้กับการคำนวณได้ จิตใจที่สงบ เยือกเย็น ไร้อารมณ์ และเชี่ยวชาญในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน …มันคงจะวิเศษอย่างมาก”
“นั่นมันเหลือเชื่อมาก” ผ้าเท่อลั่วเค่อพึมพำ
ผ้าเท่อลั่วเค่อไม่เคยคิดว่าซูเฉินจะมีความคิดที่สร้างสรรค์เช่นนี้ และจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูด มีความเป็นไปได้สูงอย่างมากที่เขาจะประสบความสำเร็จ
เนื่องจากผลึกนี้คือพลังงานจิตที่เป็นรูปธรรมในตัวมันเองอยู่แล้ว ซูเฉินจึงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังงานของเขาเพื่อพยายามปรับแต่งหรือปรับแก้มัน
“ข้าแค่ต้องวางมันเอาไว้ในทะเลความรู้ของข้า แล้วก่อร่างมันให้เป็นแบบที่ข้าต้องการ”
“ระวังด้วยซูเฉิน หากเจ้าล้มเหลว มันอาจทำให้สมองของเจ้าแตกได้”
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย “ข้าจะไม่ล้มเหลว มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการอนุมานและคำนวณการเปลี่ยนแปลงพลังงานต้นกำเนิด !”
หลังกล่าวจบซูเฉินก็วางผลึกสีเขียวนั้นลงบนหน้าผากของเขา ผลึกวิญญาณหายไปจากสายตาและปรากฏขึ้นอีกครั้งภายในทะเลความรู้ของชายหนุ่ม
พริบตาต่อมา คลื่นพลังงานจิตที่แข็งแกร่งก็ทะลักท่วมเข้าสู่ทะเลความรู้ของซูเฉิน
พลังงานจิตกวาดพัดผ่านทุกหนทุกแห่งอย่างรุนแรง ราวกับพายุเฮอริเคนลูกใหญ่