ตอนที่ 23 โดย ProjectZyphon
เผ่าสิงโตทองยังคงดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกกลับไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงโต้แย้งทีละข้อทีละประเด็นไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นปฏิกิริยาอะไรจากพวกเขานอกเสียจากบางเรื่องที่สำคัญจริง ๆ เท่านั้น
แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าผมเอาแต่รับฟังเพียงอย่างเดียว
สงครามครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย ด้วยความที่เป็นสงครามที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จึงไม่มีการเตรียมพร้อม สถานการณ์ภายในก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน เราต่างต้องการเวลาในการฟื้นฟูปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
เป็นสิ่งที่จะต้องเผชิญดังเช่นในกณีของเบธ, โดโรธี และโดยเฉพาะฮาโล ในเวลานั้นเป็นที่รู้กันว่าเผ่าสิงโตทองเองก็ได้ยื่นข้อเสนอให้กับทาง SSUN ข้อหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนี้เหตุใดกลับมาบอกว่าไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น
วาร์ปเกตมีกำหนดปิดตามวันที่เราได้ประกาศออกไป ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ผมได้แต่รอคอยให้เหล่าผู้เล่นของบาร์บาร่ารวมไปถึงเผ่าสิงโตทองตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
เหล่าผู้เล่นมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป บางคนก็วิพากษ์วิจารณ์การรายงานสถานการณ์ครั้งนี้ต่างมุมมองความคิดของตน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่แสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่าเราจะมีอำนาจเหนือทวีปทางเหนือได้ผ่านสงครามในครั้งนี้
แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิพากษ์วิจารณ์เผ่าสิงโตทองและเผ่าพันธมิตรด้วยเช่นกัน
สถานการณ์นี้เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะขอกำลังเสริมหรือไม่ก็ตาม แต่การอยู่เงียบๆ แล้วพอมาตอนนี้กลับมาขอกำลังเสริมนั้นก็กลับน่าขันสิ้นดี ไหนจะบอกให้ควบคุมวาร์ปเกตก่อนเป็นอันดับแรก แล้วก็กลับเปลี่ยนคำพูดจากหน้ามือเป็นหลังมือ และอื่นๆ พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ในรายละเอียดต่างๆ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเช่นนั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้ได้โดยปริยายว่าในแต่ละเผ่าต่างมีพวกผู้ปลุกปั่นแฝงอยู่
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน สี่วัน
ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าไร ก็ยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้นทุกที
โดยที่เผ่าสิงโตทองเองมีการรายงานสถานการณ์ที่มีความน่าสนใจ(?)อย่างเอาเป็นเอาตายติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน แต่ระบบวาร์ปเกตของเมืองทางตะวันออกและทางใต้นั้นเกือบจะใช้การไม่ได้แล้ว จนกระทั่งมาถึงฮาโลที่เหล่าผู้เล่นมองเห็นแสงไฟค่อยๆ ดับลง พวกเขาก็เริ่มเดินทางออกจากบาร์บาร่าในที่สุด
ในขณะที่ทางภาคกลางยังคงอึกทึกครึกโครม และทางเหนือที่ยังคงรักษาความเงียบ ทางตะวันออกและทางใต้เองก็มุ่งทำงานของตนไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน
สถานการณ์ภายในจากการรายงานสถานการณ์อย่างเป็นทางการนั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดนอกจากต้องการหาตัวสายลับเท่านั้น
ขั้นตอนนั้นไม่ได้เปิดเผยสู่ภายนอกโดยไม่คาดคิด ราวกับว่ากำลังจะมาถึงตอนจบแล้วดังเช่นคำพูดของโกยอนจูที่ออกไปทำงานข้างนอกบ้างเป็นครั้งคราว ชื่อของคนใหญ่คนโตต่างๆ จะถูกวางไว้เป็นอันดับแรก และหล่อนได้บอกว่าพวกเขาจะต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการประเมินต้นเรื่องที่แบ่งออกเป็นหลายประเด็นโดยมีพวกเขาเป็นตัวยืนพื้น
ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ผลักดันให้เกิดการรับสมัครผู้เล่นที่อาศัยอยู่ภายในเมืองอย่างสม่ำเสมอ
การแก้ไขปรับปรุงต่างๆ ยังคงเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามที่ได้พูดไป และยิ่งเราเตรียมพร้อมกันไปมากเท่าไร วันเวลาก็ดูเหมือนจะหมุนเร็วขึ้นมาเท่านั้น วันที่สิบที่จะทำการตัดการเชื่อมต่อวาร์ปเกตค่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
และเมื่อหนึ่งวันที่แล้วซึ่งก็คือวันที่เก้าหลังจากการรายงานสถานการณ์ ผมก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
นั่นคือข่าวว่าวาร์ปเกตถูกตัดการเชื่อมต่อแล้ว ไม่ใช่จากฝั่งตะวันออกและใต้ แต่กลับเป็นเผ่าสิงโตทองเองที่ทำ
นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบแรก
* * *
“ฉันอยากลองแสวงหาโชคชะตาของตัวเองค่ะ”
คำที่พูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าอยากออกไปแสวงหาโชคชะตาของตนเองนั้น ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจและได้สบตากับอิมฮันนาที่มองลงมาพอดี
“เป็นความปรารถนาส่วนตัวของฉันเองค่ะ ความปรารถนาเล็กๆ ของฉันก็คือฉันอยากจะปกป้องใครสักคนบ้าง ส่วนข้อที่ใหญ่กว่านั้นก็คืออยากจะทดสอบโชคชะตาของตัวเองดูสักครั้งน่ะค่ะ”
อิมฮันนาพูดเสริมขึ้นมาอย่างสุภาพเพราะเห็นสีหน้าแปลกใจของผม
“…หืม”
ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองขณะที่เคาะนิ้วชี้ลงกับโต๊ะไปด้วยตามนิสัย
เดิมทีแล้วผมตั้งใจจะผลัดเรื่องหญิงร่างทรงยามอัสดงกับหล่อนไปก่อน แต่ตอนนี้อย่างน้อยที่สุด ผมคิดว่าจะลองฟังสถานการณ์ของหล่อนดูเสียหน่อย ไม่ใช่เพราะผมคิดจะข้ามหล่อนไปง่ายๆ แน่นอน แต่เพราะคิดว่าบางทีหล่อนอาจจะมีเรื่องด่วนบางอย่างต่างหาก แต่…
คำอธิบายมันน้อยไปหน่อยนะ
ผมกำลังคาดเดาว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับหล่อนกันแน่
แต่ถ้าจะให้คิดอย่างเป็นกลาง ทุกอย่างก็ล้วนเป็นไปในแบบของมัน ตอนนี้ผมได้แต่ปิดปากเงียบ เพราะดูเหมือนตั้งแต่นี้ไปผมจะต้องพูดให้น้อยที่สุดแล้ว
หลังจากคิดพินิจพิจารณาอยู่สักพัก ผมก็สามารถตัดสินใจภายใต้บรรทัดฐานที่ว่า ‘แคลนลอร์ดต้จะต้องมีความยุติธรรมในการจัดการงานส่วนรวม’ ได้ในที่สุด
“อิมฮันนา ผมว่ามันจะดีกว่านะถ้าหากจะเลื่อนหญิงร่างทรงยามอัสดงออกไปก่อน”
มีแววแห่งความผิดหวังแวบขึ้นมาบนใบหน้าของอิมฮันนา แต่เจ้าตัวก็ดูจะรู้ว่าหล่อนขอในสิ่งที่มากเกินไป เห็นได้จากสีหน้าของหล่อนที่เปลี่ยนไปเป็นเก้อเขินหลังจากนั้นทันที
“อย่างที่ผมได้พูดไปที่ห้องประชุมเมื่อสักครู่นี้ ว่าเราอาจจะต้องเข้าร่วมในสงคราม เทียบเท่ากันนั้นมันอาจจะกลายเป็นโทษได้หากเราเก็บหญิงร่างทรงยามอัสดงเอาไว้ในเวลานี้”
“จริงด้วยสิคะ เพราะฉันอาจจะไม่คุ้นเคยกับคลาสใหม่ได้ ฉันคิดผิดไปจริงๆ ค่ะ”
“ใช่ และผมเองก็กังวลกับสายตาของสมาชิกคนอื่นๆ ด้วย สมาชิกหลายคนในช่วงนั้นได้รับคลาสหายากและคลาสลับ แต่ทุกคนต่างก็เจอเรื่องลำบากมามากพอแล้วเช่นกัน คุณรู้ใช่ไหมครับว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร”
“ค่ะ ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ เพราะฉันเลยทำให้คุณต้องมานั่งกลุ้มใจถึงเพียงนี้… ฉันเอาแต่ความคิดและความโลภของตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไปจริงๆ ค่ะ”
โชคดีจริงๆ ที่อิมฮันนาประพฤติตัวดีสมกับหน้าตา ถ้าหากว่าหล่อนเป็นคนใจแคบแล้วล่ะก็ หล่อนคงแสดงความไม่พอใจออกมาก่อนแล้ว แต่หล่อนกลับรับฟังแล้วทำความเข้าใจตามความเป็นจริง
“โดยส่วนตัวแล้วผมว่าการมีความโลภอย่างพอดีมันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ยังไงก็ตาม ผมไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้หรอกนะ เพียงแต่ว่าผมจะอนุมัติอุปกรณ์ที่ยังเหลืออยู่ให้หมดเสียก่อน”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วก็…ผมจะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุดเกี่ยวกับการแจกจ่ายอุปกรณ์ในอนาคต”
เมื่อมองดูหน้าอกที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปของอิมฮันนาแล้วผมก็…ไม่สิ นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่กัน
อย่างไรก็ตามผมหยุดความคิดนั้นพลางดึงสติตัวเองสักพักก่อนจะพูดต่อ ผมตั้งใจเหลือบสายตาขึ้นเพื่อมองหล่อน และพูดทั้งๆ ที่มองแต่หน้าหล่อนเท่านั้น
“หากในสงครามครั้งนี้คุณแสดงผลงานได้ดีพอจนทำให้ทุกคนยอมรับได้ หญิงร่างทรงยามอัสดงจะเป็นของคุณครับ”
“หึๆ ถึงแม้ว่าสงครามจะน่ากลัว แต่ฉันจะขอทำให้เต็มที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ”
อิมฮันนาเผยรอยยิ้มที่แสดงถึงอากัปกิริยาที่สง่างามของหล่อนแล้วยกแขนสองข้างมากอดอก นั่นทำให้หน้าอกของหล่อนดูใหญ่ขึ้นยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
หรือหล่อนจะตั้งใจ?
บ้าน่า มันอาจจะเป็นนิสัยของหล่อนเฉยๆ ก็ได้
ผมเคาะนิ้วกับโต๊ะเหมือนทุกครั้งที่ผมกำลังจมอยู่กับความคิดตัวเอง ผมที่คิดแบบนั้นก็ได้แต่กระแอมไอครั้งสองครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ก่อนอื่นผมคิดว่าจะไปที่คลังเก็บอุปกรณ์เสียก่อน
* * *
วาร์ปเกตของเผ่าสิงโตทองถูกตัดขาดแล้ว ไม่ใช่เพราะถูกฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ตัด แต่เป็นเพราะพวกเขาเป็นผู้ลงมือตัดเองต่างหาก
เหล่าผู้เล่นต่างมีปฏิกิริยาที่หลากหลายเกี่ยวกับการจัดการของเผ่าสิงโตทอง
“เจ้าพวกบ้า! นี่กำลังคิดจะขัดขวางไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ออกไปยังเมืองอื่นได้เลยอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันว่ามันยังดูคลุมเครือเกินกว่าจะพูดได้แบบนั้นนะ เพราะถ้าแบบนั้นก็คงจะตัดให้เร็วกว่านี้แล้ว”
“เพราะมีเหล่าผู้เล่นที่คิดจะย้ายออก ถ้าหากว่าครบสิบวันแล้วยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกเพียบน่ะสิ นี่มันคิดจะกันไม่ให้พวกเขาย้ายออกแบบกลายๆ ไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ต้องการกำลังคนในการสกัดกั้นนะ”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพวกนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ แล้วนี่นายได้รับการติดต่อกับใครที่นายรู้จักที่เป็นคนบาร์บาร่าบ้างไหม”
ด้วยความที่สถานการณ์ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา การคาดเดาจึงเป็นไปต่างๆ นานา
ผมถอนหายใจออกมาสั้นๆ หลังหลุดออกมาจากความคิด ก่อนจะก้มลงไปมองลูกแก้วสื่อสารที่กำลังเปล่งแสงสดใสออกมา
[จู่ๆ ทำไมถึงถอนหายใจล่ะ ซูฮยอน ฟังอยู่หรือเปล่า]
“อืม ฟังอยู่”
[ก็ดี อย่างว่าล่ะนะ พวกเราเองก็กำลังวิเคราะห์กันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่จะติดต่อมาอีกครั้งแล้วกันนะถ้าพี่รู้แล้วน่ะ]
ในลูกแก้ว พี่ยื่นศีรษะเข้ามาใกล้ทั้งที่ยังลืมตาโตอยู่ นั่นไม่ได้ทำให้ผมเห็นอะไรมากขึ้นเลยสักนิด
ผมหยุดถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ากลับไป
“รู้แล้ว ว่าแต่พี่ การปรับปรุงของทางตะวันออกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง กำลังดำเนินการไปได้ดีหรือเปล่า”
[ก็เรื่อยๆ นะ การจัดระเบียบภายในก็เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และการจัดตารางเวลาของเหล่าผู้เล่นก็เป็นไปอย่างเรียบร้อยเหมือนกัน คิดว่าน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่าที่คิดเอาไว้เพราะอีฮโยอึลก็กำลังวิ่งวุ่นเลย แล้วทางใต้ล่ะ]
“โมนิก้าเองก็คล้ายๆ กัน แต่คิดว่าน่าจะมีผู้เล่นบางส่วนที่ดูมีทีท่าต่อต้านการเกณฑ์กำลังทหารอยู่นะ…ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน อย่างนั้นก็เถอะนะ สงครามจะยังมาไม่ถึงจนกว่าจะอาทิตย์ถัดไป แต่เงาของสงครามก็เริ่มคืบคลานเข้าไปในเมืองแล้ว”
[ให้ตาย ได้เวลาต้องรับรู้ถึงมันแล้วล่ะ ส่วนเรื่องการเกณฑ์คน ยังไงก็ต้องมีปัญหาตามมาอยู่แล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ นายก็อย่าไปกังวลกับมันมากเกินไปเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเผ่าตัวแทนในแต่ละเมืองจัดการเถอะ]
อย่ากังวล, อย่าไปสนใจ เป็นสองคำที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดระหว่างสื่อสารกับพี่
ในเวลาเดียวกับที่ผมกำลังจะบอกว่าผมไม่เป็นไรเพราะเห็นว่าเขาเป็นห่วงผมนั้น ผมก็เห็นว่าเขากำลังจะพูดขึ้นอีกครั้ง
[แต่จะว่าก็ว่านะ ซูฮยอน]
“หืม?”
[พี่อาจจะออกจากที่นี่ประมาณอาทิตย์หน้านะ…พี่บอกนายไปครั้งที่แล้วแล้วนี่ นายล่ะตัดสินใจหรือยัง]
น้ำเสียงนิ่งๆ ของพี่ทำให้ผมเงียบไปสักพัก