“ตกลง! จากที่เธอพูดมา ถึงฉันจะไม่อยากชนะสามตาติดก็ต้องสู้สักหน่อยแล้วล่ะ!”
พอเห็นท่าทางที่โมโหของฮาชิโมโตะ คันนะ เย่เทียนก็ได้หัวเราะออกมาทันที “ยัยเด็กน้อย เธอกลับไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดรอฉันได้เลย!”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กำลังคุยกัน ทั้งคู่ก็ได้มาถึงด้านล่างสุดของบันไดแล้ว ทัศนวิสัยก็ดีขึ้นมา มีอุโมงค์หลายอันที่ไม่รู้ว่าทะลุไปไหนได้ ให้ความรู้สึกที่ลึกลับและประหลาด
เย่เทียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่ามันจะออกมาแบบนี้ ในใจก็รู้สึกสนใจ กิลด์แห่งความลับขึ้นมาแล้ว
ฮาชิโมโตะ คันนะนั้นไม่ได้สนใจหรอกว่าเย่เทียนจะคิดยังไง และชิงเดินไปยังทางเชื่อมของอุโมงค์ทั้งหมด
แต่ทว่า ทันทีที่เด็กสาวก้าวเท้าไป ก็มีคนสวมหน้ากากคนหนึ่งออกมาจากในมุมมืด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบซ่านว่า “ใคร?!”
“เขาอยากเข้าร่วม กิลด์แห่งความลับของเรา”
ฮาชิโมโตะ คันนะเหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้ว จึงหันชี้ไปที่เย่เทียน
“สวัสดีครับ ต่อไปเราก็เป็นคนกันเองแล้ว โปรดชี้แนะด้วยครับ”
เย่เทียนแย้มปากจนเผยให้เห็นฟันหลายซี่ เพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่มีพิษมีภัยอะไร
แต่คนสวมหน้ากากนั่นกลับไม่ได้สนใจ เอาแต่จ้องมองเย่เทียนอย่างหวาดระแวงไปหลายครั้ง ถึงพูดออกมาว่า “ตามมา!”
เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ และได้เดินตามคนสวมหน้ากากไป ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิด แต่ละคนเอาแต่ทำตัวเย็นชา ถ้าให้เขาอยู่ต่ออีกหลายวัน จะต้องเครียดจนเป็นบ้าแน่
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของคนสวมหน้ากาก เย่เทียนก็ได้เดินตามเข้าไปในอุโมงค์
อุโมงค์นั้นกว้างแค่พอให้คนสองคนกอดคอกันเดิน ความสูงก็แค่สองเมตรเท่านั้น ถ้าแค่กระโดดหัวก็ต้องชนกับเพดานแน่นอน
ฮาชิโมโตะ คันนะนั้นไม่ได้ตามมาแล้วยืนมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ของเย่เทียนจากทางด้านหลัง ดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นได้มีแววตาที่ขบขันวิ่งผ่าน รอดูเรื่องตลกๆ จากเย่เทียน!
ในใจเธอคิดว่าเย่เทียนไม่มีทางชนะสามครั้งติดแน่นอน รอตอนที่เย่เทียนถูกอัดจนปางตายแล้วยอมแพ้ เธอก็จะมีโอกาสออกมาสั่งสอนซะให้เข็ดแล้วไม่ใช่รึไง?!
พอคิดได้แบบนั้น ฮาชิโมโตะ คันนะก็ได้แยกแยะอุโมงค์ที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปอีกทาง
แล้วเปลี่ยนอุโมงค์ไปอีกสองเส้นอย่างรวดเร็ว รวมๆ ประมาณห้านาที คนสวมหน้ากากที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็ได้หยุดอยู่หน้าสถานที่ที่คล้ายกับลานประลอง
“เข้าไปข้างใน! อีกเดี๋ยวจะมาคนจัดการเรื่องการทดสอบของนายให้!”
คนสวมหน้ากากเดินไปเปิดประตูเหล็กออก “จำไว้ นอกจากจะห้ามใช้อาวุธสงครามแล้ว ก็ไม่มีกฎอย่างอื่นอีก! ขอแค่อีกฝ่ายยอมแพ้หรือล้มลง ถึงจะนับว่าชนะ!”
“สมแล้วที่เป็นกิลด์แห่งความลับ แม้แต่กฎยังเรียบง่ายขนาดนี้ ถูกใจจริงๆ!”
เย่เทียนหัวเราะคิคิ แล้วพุ่งเข้าไปในลานประลองอย่างไม่ลังเล
คนสวมหน้ากากแอบส่ายหัว แสดงแววตาที่เห็นใจ คิดว่าเย่เทียนเป็นคนที่เอาชีวิตมาทิ้งอีกแล้ว
ปั้ง!
พอเปลี่ยนความคิด คนสวมหน้ากากก็ล็อกตายประตูเหล็ก ยื่นมือขวาที่แห้งกรังออกมา แล้วใช้เล็บที่ยาวๆ นั่นจิ้มไปที่ปุ่มสีแดงบนกำแพง!
วี้หว่อ!
ด้านในลานประลองมีไฟกะพริบสีแดงสว่างขึ้นทันที พร้อมกับเสียงเตือนที่แสบแก้วหู
ผ่าง!
ไม่นาน ประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้าเย่เทียนก็ถูกคนเปิดออก และมีเงาเตี้ยๆ ของใครบางคนได้เดินออกมา
สีหน้าที่ขบขันของเย่เทียนได้หายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่จริงจังและระมัดระวัง
ไม่ว่าต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบไหน การดูถูกคู่ต่อสู้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามอันใหญ่หลวง เย่เทียนไม่มีทางทำเรื่องง่ายๆ แบบนี้พลาดอย่างแน่นอน!
วูบ!
จู่ๆ ไฟกะพริบสีแดงก็ได้ดับลง แต่มีไฟสปอตไลท์สองดวงสว่างขึ้น จนทำให้ลานประลองสว่างขึ้นมาทันที
และในตอนนี้ เย่เทียนถึงได้มองเห็นหน้าตาของชายเตี้ยที่เดินออกมาสักที
ชายคนนั้นน่าจะสูงประมาณเมตรหกสิบ แต่ร่างกายของเขากลับอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่ใครเห็นก็ต้องตกใจ และแววตาก็กำลังส่องแสงอันเย็นเยือก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่มีใครที่จะจัดการได้ง่าย
เห็นเขายืนห่างจากเย่เทียนออกไปประมาณห้าเมตร ยื่นตระหง่านอยู่ตรงนั้นโดยไม่เผยให้เห็นจุดอ่อนแม้แต่นิดเดียวเหมือนกับสิงโตที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ ทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรโดยพลการ
สองตาของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “คุณคือคู่ต่อสู้คนแรกของผมใช่มั้ย?”
“ไม่! ถ้าจะพูดให้ถูก….”
ชายตัวเตี้ยส่ายหน้า เลียปากอย่างชั่วร้าย แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “แกเป็นเหยื่อของฉันต่างหาก!”
พอได้ยินอย่างนั้น คิ้วของเย่เทียนก็ขมวดเล็กน้อย สีหน้าแสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ปากดีไปหน่อยเหรอ?
“ไม่มีคนใหม่ๆ มาทำการทดสอบตั้งนานแล้ว ฉันว่างจนแทบบ้าแล้ว”
ชายตัวเตี้ยไม่สนใจหรอกว่าเย่เทียนจะคิดยังไง และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เห็นแก่ที่แกทำให้ฉันได้ออกมายืดเส้นยืดสาย ฉันจะทำให้แกได้ตายอย่างสะใจแล้วกัน!”
ทันทีที่พูดจบ ชายตัวเตี้ยก็ดีดขา แล้วพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเย่เทียนอย่างรวดเร็วราวกับวิญญาณ ระหว่างที่ทำการโจมตีเขาก็ได้หยิบมีดคมๆ เล่มหนึ่งออกมาจากตัว
มีดเล่มนั้นไม่ได้เป็นวัดถุทั่วไปเหมือนกัน ด้านหลังมีเสี้ยนอยู่มากมาย ถ้าถูกแทงใส่สักครั้ง จะต้องถูกกระชากไส้ออกมาเป็นท่อนๆ แน่นอน!
เดิมทีเย่เทียนก็ตั้งตัวรออยู่แล้ว พอเห็นมีดที่แทงเข้ามา ถึงร่างกายจะไม่ได้ขยับ แต่ขาก็ถูกยกขึ้นมาแล้ว และลูกเตะที่รุนแรงก็ถูกเตะออกไป
รูม่านตาของชายเตี้ยได้หดเล็กลง เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะตอบสนองได้เร็วขนาดนี้ แต่เขาได้โจมตีออกไปแล้ว แล้วจะมีเหตุผลอะไรให้ชักมือกลับ
อีกอย่าง ต่อให้ลูกเตะของเย่เทียนจะรุนแรงขนาดไหน ความเสียหายที่ได้มันจะไปมากกว่ามีดที่ตีมาจากโลหะผสมได้ยังไง?
อย่างมากเขาก็แค่ถูกเย่เทียนเตะจนช้ำใน แต่ถ้าครั้งนี้เขาแทงโดน ต่อให้ไม่ตายเย่เทียนก็ต้องเจ็บหนักอย่างแน่นอน!
“ไปตายซะ!”
พอคิดได้แบบนั้น แววตาของชายเตี้ยก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นมา แล้วจู่โจมเย่เทียนด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
มีดได้เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มองด้วยตาก็รู้สึกว่ากำลังจะแทงโดนเย่เทียนแล้ว
เย่เทียนขมวดคิ้วทันที ไม่นึกเลยว่าชายเตี้ยจะบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ พอโจมตีก็จะหวังเอาชีวิตให้ได้
ภายใต้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เย่เทียนก็รีบล้มเลิกการโจมตี กระโจนออกด้วยขาข้างเดียว หลบออกด้านข้างเล็กน้อย
ชายเตี้ยถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะตามความเร็วของเย่เทียนไม่ทัน มีดที่แหลมคมได้สวนกับเย่เทียนไป
วินาทีต่อมา เขาก็ต้องร้อนรน พออยากที่จะตั้งตัว มันกลับไม่ทันการณ์แล้ว!
ตุบ!
เย่เทียนได้ชกใส่หน้าอกของชายเตี้ยอย่างแรง ทำเอาชายเตี้ยกระเด็นไปกลางอากาศแล้วกระแทกลงพื้นอย่างแรง
เอื๊อก!
ชายเตี้ยทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา และสลบคาที่ไปเลย
ตอนแรกยังคิดว่าความสามารถจะพอๆ กันและได้สู้กันอย่างสูสี แต่ไม่นึกเลยว่าชายเตี้ยจะถูกเขาชกที่เดียวก็สลบเหมือดไปเลย!
“ก็ยังอ่อนแอเกินไป!”
เย่เทียนเบ้ปากอย่างรังเกียจ ตอนแรกเขายังคิดว่าชายเตี้ยจะเก่งมากๆ ไม่นึกเลยว่าจะอ่อนแอขนาดนี้
“ตาแรก ผ่าน!”
ได้มีเสียงที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงดังออกมาจากเครื่องขยายเสียง “ผู้มาใหม่ ยินดีด้วย คุณได้เป็นสมาชิกนักฆ่าเหรียญเงินของ กิลด์แห่งความลับแล้ว!”
“ตอนนี้คุณมีสองทางเลือก ข้อแรกคือถอนตัวจากการต่อสู้ ข้อสองคือทำการสู้ต่อ!”
เย่เทียนมาคิดดูดีๆ แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ ถ้าผมสู้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไร?”
“ประโยชน์เหรอ?”
อีกฝ่ายได้ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกคน คุณก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นนักฆ่าเหรียญเงินทันที!”