ตอนที่ 1787

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,787 : เวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหวระดับสูง

 

ถึงแม้ปากจะกล่าวไปแบบนั้น แต่ในใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกขอบคุณหวางเฟยเซวียนนัก!

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว”

 

หวางเฟยเซวียนยกมือขึ้นมาโบกส่งๆ ขัดคำต้วนหลิงเทียน “ไม่รู้ล่ะตอนนี้เจ้าไม่ได้ติดค้างมันแล้ว…แต่ตอนนี้เจ้าติดค้างข้าแทน! เจ้าต้องช่วยข้า!!”

 

“ไม่มีปัญหา ข้าต้องตอบแทนเจ้าเป็นธรรมดา!”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “อันที่จริง 3 วันที่แล้วข้าก็พึ่งพบพื้นที่มรดกเวทย์พลังมา…ไปกันเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้รับมรดกเวทย์พลังนั่น”

 

“ฮ้าช่างบังเอิญยิ่ง พอดีข้าเองก็พึ่งพบเบาะแสพื้นที่มรดกเวทย์พลังมาเช่นกัน!”

 

หวางเฟยเซวียนพลันยิ้มกล่าวออกมาพร้อมยักคิ้ว

 

“อ้อ?”

 

ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าหลังพบมรดกเวทย์พลังจนช่วยให้หลิวเจี้ยนได้รับสืบทอดไปแล้ว หวางเฟยเซวียนจะยังพบมรดกเวทย์พลังอีกแห่ง

 

“อันที่จริงพูดไปเจ้าหลิวเจี้ยนมันก็ตายในพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่ข้าว่านี่ล่ะ…พื้นที่มรดกเวทย์พลังนั่นอันตรายยิ่งกว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่พวกเราพบเจอแห่งแรกมาก! อย่างไรก็ตามยิ่งอันตรายผลตอบแทนยิ่งสูง…เวทย์พลังที่บันทึกไว้ของที่นั่นย่อมไม่ใช่เวทย์พลังธรรมดาแน่นอน!!”

 

หวางเฟยเซวียนกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นด้วยกับวาจานี้ของหวางเฟยเซวียนอย่างยิ่ง

 

ในฐานะ ‘คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ ต้วนหลิงเทียนย่อมกระจ่างในเรื่องนี้เป็นธรรมดา

 

ก็เหมือนกันกับพื้นที่มรดกเวทย์พลังอย่าง บึงไร้ก้นบึ้ง ที่เขาพบก่อนหน้านี้ นอกจากจะมีบททดสอบมากถึง 9 บททดสอบแล้ว…บางบททดสอบยังยากเย็นนัก!

 

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่ยากได้ ผลตอบแทนก็สูงล้ำเช่นกัน!

 

ปฐมเวทย์กลืนกินนั้นเป็นเวทย์พลังระดับสูงแน่นอน และต้วนหลิงเทียนยังเชื่อว่าต่อให้เป็นในบรรดาเวทย์พลังระดับสูงด้วยกัน ปฐมเวทย์กลืนกินก็ต้องอยู่อันดับต้นๆ!

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลย ว่าเวทย์พลังอย่าง ปฐมเวทย์กลืนกินที่เขาได้รับมา คือการดำรงอยู่ของ เวทย์พลังอันดับ 1 ในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ! ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันจากบรรพชนตำหนักฟ้าลี้ลับ!!

 

“พื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจ้าค้นพบอยู่ไกลจากที่นี่มากหรือไม่? พวกเราไปอันที่ใกล้ก่อนดีไหม?”

 

หวางเฟยเซวียนกล่าวถาม พร้อมเสนอแนะ

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ขัดข้องกับข้อเสนอของหวางเฟยเซวียน

 

หลังจากที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็พบว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังของหวางเฟยเซวียนใกล้กว่า จึงเริ่มจากการไปที่นั่น

 

“ว่าแต่เจ้าช่วยให้หลิวเจี้ยนได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังระดับใดเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

“สมควรเป็นเวทย์พลังระดับกลาง…เพราะบททดสอบสุดท้ายที่ข้าผ่าน ครึ่งนึงต้องขอบคุณโชคของข้า!”

 

หวางเฟยเซวียน

 

“หลิวเจี้ยนนับว่าโชคดีไม่น้อย”

 

ได้ฟังคำของหวางเฟยเซวียนต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ ก่อนที่จะกล่าวออก “งั้นพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจ้ากำลังจะพาข้าไป ต้องมีระดับสูงกว่าที่เจ้าพบกับหลิวเจี้ยนงั้นสิ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามไปอย่างนั้น เขาเองก็รู้คำตอบดีแก่ใจ

 

เพราะสุดท้ายแล้วที่ๆกำลังจะไป หลิวเจี้ยนก็ถึงกับพลาดพลั้งตกตาย!

 

และหลังจากที่หลิวเจี้ยนตายตก หวางเฟยเซวียนก็ไม่ได้รับสืบทอดเวทย์พลังอะไรมา นั่นหมายความว่านางคนเดียวไม่อาจผ่านบททดสอบได้..

 

“อื้อ”

 

หวางเฟยเซวียนพยักหน้ารับ

 

“แล้วจากการประเมิน เจ้าคิดว่าที่นั่นสมควรเป็นมรดกเวทย์พลังระดับใด?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

หวางเฟยเซวียนโค้งคิ้วครุ่นคิดพักหนึ่ง ค่อยกล่าวตอบด้วยใบหน้าจริงจัง “สมควรเป็นเวทย์พลังระดับกลางแน่นอน…กระทั่งยังถือเป็นเวทย์พลังระดับกลางที่ยอดเยี่ยมไม่ธรรมดา”

 

“นับว่าเจ้ามีโชคนักที่ได้พบมรดกเวทย์พลังระดับกลางถึง 2 แห่ง”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ

 

หลังจากนั้นคล้ายมีบางอย่างกวนใจต้วนหลิงเทียนเล้กน้อย เขาจึงกล่าวออกมาอีกครั้ง “มีคำกล่าวที่ว่า พี่น้องสนิทกันบัญชียังต้องโปร่งใส…ในเมื่อพวกเรามีพื้นที่มรดกเวทย์พลังกันคนละที่เช่นนั้นจะแบ่งกันอย่างไร แล้วพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่พวกเราพบในวันหน้าจะแบ่งกันอย่างไร…ผลัดกันดีหรือไม่?”

 

“ส่วนตอนนี้ก็เอาแบบนี้ก่อนเป็นไง พื้นที่มรดกเวทย์พลังที่ข้าพบเมื่อ 3 วันก่อนก็เป็นของข้า ส่วนที่เจ้าพบก็เป็นของเจ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

“แล้วเจ้าได้ลองเข้าไปในพื้นที่มรดกเวทย์พลังของเจ้าแล้วหรือยัง?”

 

หวางเฟยเซวียนไม่รีบตอบคำของต้วนหลิงเทียน หากแต่เลือกที่จะกล่าวถามออกมาแทน

 

“อะไร? เจ้ากลัวว่ามรดกเวทย์พลังที่ข้าพบจะมีระดับสูงกว่าของที่เจ้าพบงั้นหรือ?”

 

ได้ยินหวางเฟยเซวียนถามมาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ได้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกไปเบาๆค่อยถาม “เจ้าอยากแลกไหมล่ะ?”

 

เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนแฉความในใจ หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา “แลกก็แลกสิ! คิดว่าข้ากลัวหรือ!?”

 

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องแลกหรอก บอกเจ้าตามตรงมรดกเวทย์พลังที่ข้าเจอข้ายังไม่ได้ลองเข้าไปสำรวจดูด้วยซ้ำ…ข้าจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านในมันเป็นยังไง เอางี้สิ…เจ้าก็รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังของเจ้าไปก่อน พอไปถึงของข้าหากเจ้าชอบข้าจะยกให้เจ้าเป็นไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “แต่มรดกเวทย์พลังที่พบในภายหลัง 2 แห่งก็ต้องเป็นของข้า ตกลงไหม?”

 

มาตอนนี้หวางเฟยเซวียนจึงตระหนักได้ว่า ต้วนหลิงเทียนไม่รู้จริงๆว่ามรดกเวทย์พลังที่เจอมีระดับใด หาไม่แล้วอีกฝ่ายคงไม่ถามนางออกมาแบบนี้

 

แถมจากวาจาอีกฝ่าย ก็บอกได้ทันทีว่ากำลังคิดเพื่อนาง

 

จังหวะนี้อดไม่ได้ที่แก้มของหวางเฟยเซวียนจะขึ้นสีระเรื่อ “เอาอย่างที่เจ้าว่าตอนแรกแหล่ะ…ที่ข้าพบก็เป็นของข้า ที่เจ้าพบก็เป็นของเจ้า ส่วนหากมีโชคพบมรดกเวทย์พลังที่อื่น พวกเราก็ค่อยผลัดกัน”

 

“ตกลงตามนั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ปล่อยให้หวางเฟยเซวียนนำไปยังพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่หลิวเจี้ยนตกตาย

 

ต้องกล่าวเลยว่าโชคของหวางเฟยเซวียนนั้นดีไม่น้อย เพราะพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้แม้จะไม่ยากเหมือนกับบึ้งไร้ก้นบึ้ง แต่ก็ยากกว่าหอคอยลิ่วเหอรวมถึงพระราชวัง 6 โถงที่ต้วนหลิงเทียนผ่านมาก่อนหน้า

 

“ดูเหมือนจะเป็นดั่งที่เจ้าคาดไว้จริงๆ มรดกเวทย์พลังชิ้นนี้ หากไม่ใช่ระดับสูง ก็ต้องเป็นระดับกลางค่อนไปทางสูง”

 

หลังผ่านบททดสอบไปไม่กี่บททดสอบต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมา

 

หวางเฟยเซวียนที่มากับต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ก็ได้แต่เดินมองต้วนหลิงเทียนตาปริบๆ เพราะนางไม่ทันได้ลงมือทำอะไรสักอย่างเลยตั้งแต่เข้ามา

 

ทุกครั้งที่เจออันตรายหรือบททดสอบ ต้วนหลิงเทียนจะจัดการในพริบตา โดยที่นางไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ

 

“อย่างไรเสียหากมันเป็นเวทย์พลังระดับสูง ข้าก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเวทย์พลังระดับสูงที่อยู่ระดับล่างๆในบรรดาเวทย์พลังระดับสูงด้วยกัน”

 

หวางเฟยเซวียนกล่าว

 

“หืม? เจ้าเปลี่ยนใจแล้วรึไง? อยากแลกกันไหมเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา ค่อยกล่าวแซว

 

“ฮึ่ม! หากเจ้าอยากแลกข้าก็ไม่ขัดข้องนะ”

 

หวางเฟยเซวียนเองก็กล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

“ช่างเถอะ ข้าไม่แย่งเจ้าหรอก…หากพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่ข้าพบเป็นระดับต่ำขึ้นมา ข้ากลัวว่าตอนนั้นเจ้าอยากร้องก็ร้องไม่ออก…”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

 

หลังจากที่ค้นพบพื้นที่มรดกเวทย์พลัง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทันได้เข้าไปสำรวจ เพราะเขาคิดตามหาหลิวเจี้ยนกับหวางเฟยเซวียนให้เจอก่อน เขาจึงไม่รู้ว่ามันจะมีระดับใด

 

“หลิวเจี้ยนถูกฆ่าในบททดสอบถัดไป…ตอนนั้นข้าไม่มีเวลามากพอจะช่วยมัน”

 

หวางเฟยเซวียนกล่าว

 

“อ่า”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ในเมื่อเขารู้แล้วว่าหวางเฟยเซวียนได้ช่วยเขาตอบแทนบุญคุณหลิวเจี้ยน ตอนนี้ที่เขาต้องทำก็แค่ช่วยหวางเฟยเซวียนเป็นการตอบแทนนางกลับ…

 

ไม่นานก็มาถึงบททดสอบถัดไป

 

บททดสอบที่ยากที่สุดสำหรับหวางเฟยเซวียนนั้น เป็นอะไรที่ง่ายดายสำหรับต้วนหลิงเทียนนัก ใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจเขาก็สามารถกวาดล้างอุปสรรคในบททดสอบนี้ได้

 

เช่นเคย หวางเฟยเซวียนได้แต่ยืนอึ้งตาปริบๆ

 

‘พลังฝีมือของเจ้าทึ่ม…น่ากลัวว่าต่อให้เป็นขอบเขตเซียนขัดเกลาชั้นสูงสุดก็ยังเป็นชนชั้นยอดฝีมือ’

 

หวางเฟยเซวียนครุ่นคิดอย่างจริงจังขณะมองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนไม่วางตา

 

และไม่นานก็มาถึงบททดสอบสุดท้าย

 

และบททดสอบสุดท้ายก็มีผู้พิทักษ์สตรี ที่มาในชุดวาบหวามที่ควรเปิดก็เปิดที่ควรปิดก็ปิด แลดูเร่าร้อนยั่วยวนนัก การเคลื่อนไหวของนางแต่ละท่วงท่าล้วนมากเสน่ห์มัดใจ

 

เมื่อเห็นการลงมือของผู้พิทักษ์สตรีคนนี้ สีหน้าหวางเฟยเซวียนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เพราะพลังฝึกปรือของผู้พิทักษ์สตรีนางนี้กลับบรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

 

ซ้ำร้ายพออีกฝ่ายเริ่มใช้ออกด้วยเวทย์พลัง ความเร็วก็พุ่งสูงขึ้นไปแตะขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นทันที ใบหน้าของหวางเฟยเซวียนพลันเผยความขื่นขมยากกล้ำกลืนออกมาทันใด ‘อย่าบอกนะ ว่าข้าหวางเฟยเซวียนสิ้นไร้วาสนากับมรดกเวทย์พลังแห่งนี้จริงๆ?’

 

ถึงแม้ตอนนี้จะมีต้วนหลิงเทียนช่วยเหลือ หากแต่หวางเฟยเซวียนก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย

 

บางทีความแข็งแกร่งในแง่ของพลัง ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย ทว่าพออีกฝ่ายใช้เวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหวออกมา ความเร็วก็บรรลุถึงอริยะเซียนขั้นต้นทันที!

 

“เร็วจริงๆ!”

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อพบว่าหลังใช้เวทย์พลัง ความเร็วของผู้พิทักษ์สตรีนางนี้กลับเทียบได้กับความเร็วของผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียน!

 

ต้องทราบด้วยว่าความเร็วสูงสุดของเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นเช่นกัน

 

“หลิงเทียนถ้ามิไหวพวกเราก็รีบหนีเถอะ…”

 

หวางเฟยเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจแค่ไหน แต่นางก็จำต้องตัดใจกล่าวออก เพราะนางกลัวว่าหากฝืนรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปเดี๋ยวจะไม่มีแม้แต่โอกาสหลบหนี!

 

อย่างไรก็ตามพอกล่าวจบหวางเฟยเซวียนก็พบว่าต้วนหลิงเทียนไม่ตอบสนองอะไร คล้ายจะไม่สนใจคำพูดของนาง

 

ทันใดนั้นนางก็คิดหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกรอบ แต่นางก็พบว่านางไม่อาจมองเห็นร่างต้วนหลิงเทียนได้เลย อีกฝ่ายกลับอันตรธานหายไปไหนแล้วไม่รู้

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

เสียงแหวกฝ่าสายลมด้วยความเร็วสูงดังขึ้นในอากาศ ไม่นานก็บังเกิดเสียงระเบิดดังปงปังจากการปะทะดังขึ้นในอากาศไม่หยุด!

 

“เจ้าทึ่ม…”

 

ตอนนี้ต่อให้ไม่เห็นหวางเฟยเซวียนก็ตระหนักได้ ว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้เสียเปรียบอะไรผู้พิทักษ์สตรี! เขาสามารถตามการเคลื่อนไหวของนางได้ทัน!!

 

ร่างผู้พิทักษ์สตรีที่ปะทะกับต้วนหลิงเทียนนับว่าเคลื่อนไหวด้วยกลวิธีประหลาดนัก เบื้องหน้าในสายตาหวางเฟยเซวียนเต็มไปด้วยเงาติดตา! ทำให้เสมือนมีร่างผู้พิทักษ์สตรีอยู่เป็นพันคน!!

 

การที่มีภาพติดตาของนางอยู่นับพันเช่นนี้ ก็บ่งบอกให้รู้ว่านางกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเพียงใด!

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้หวางเฟยเซวียนประหลาดใจก็คือ แม้ผู้พิทักษ์สตรีจะใช้การเคลื่อนไหวอันน่าตื่นตระหนก และสำแดงออกด้วยความเร็วของขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะรับมือได้อย่างไม่เสียเปรียบ!!

 

“เร็วจริงๆ…”

 

ตอนนี้ทางต้วนหลิงเทียนเองก็แปลกใจไม่น้อย เพราะเขาพบว่าผู้พิทักษ์สตรีที่มีด่านพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดนางนี้ กลับสามารถแสดงความเร็วของอริยะเซียนขั้นต้นได้ถึงจุดสูงสุด!

 

ในแง่ของความเร็ว นางไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเขาอีกต่อไป…

 

‘ปราณแรกกำเนิดของนางยังคงเป็นปราณแรกำเนิดของเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแน่นอน…เหตุผลที่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางสูงแบบนี้ สมควรเป็นผลของเวทย์พลังที่นางใช้ออกล้วนๆ…เช่นนั้นเวทย์พลังที่เป็นมรดกตกทอดของพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้ สมควรเป็นเวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหวที่นางใช้ออกไม่ผิดแน่!’

 

ต้วนหลิงเทียนที่สามารถตามความเร็วของสตรีผู้พิทักษ์ที่กลายเป็นเงามายานับพันได้ รู้สึกทึ่งในใจอยู่บ้าง