ตอนที่ 357 พยายามขโมยไก่ แต่กลับต้องเสียข้าวเปลือกล่อ

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ

” โอ้พระเจ้า น้องข้า !  เจ้าต้องพูดเร็วๆ … หากเจ้าพูดเช่นนั้นข้าฟังไม่เข้าใจ ….”

ซิกงอันยี่ครวญคราง เขาได้ต่อสู้กับอสูรเชวียนทรงพลังจำนวนหนึ่งก่อนหน้านี้  อย่าไรก็ตาม วิธีการพูดของ ตวนมู่โฉวเฟิน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ

 

พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาอุกอาจนั้น  แต่ ผู้ที่มีความรู้เช่น จวินวูอี้ นั้นเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

ผู้ที่มากความสามาถ ช่วยเราโดยเตรียมการแสดงนี้ไว้  แต่ ผู้ที่ควบคุมการแสดงนี้อยู่ที่ใดกัน ?

 

ท้ายที่สุด ตวนมู่โฉวเฟิน กลับมาควงกระบี่ของเขาอีกครั้ง  กระบี่ของเขาเปล่งประกายแสงสีเงิน  ในที่สุดเขาก็เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น  จากนั้น เขาแสดงท่วงท่าที่สง่างาม  ความจริง ท่วงท่าของเขาได้แสดงถึง วรยุทธชั้นยอด  จากนั้นเขาพุ่งตัวไปข้างหน้า และพยายามโจมตีใส่ พยัคฆ์ทอง  ผู้นำตวนมู่ต้องการคว้า พยัคฆ์ตัวนั้นที่หาง แต่มันไม่เคยปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น  และแล้ว ศึกระหว่าง มุนษย์และอสูรเชวียนก็ดำเนินต่อไป

 

ไป๋ลี่หลัวหยุนอยู่ไปไม่ไกลนัก  และ การแสดงของเขานั้นเป็นตัวอย่างที่ดี  ความจริง  ดูเหมือนเขาคู่ควรกับคำว่าอัจฉริยะ เนื่องจากเขาเป็นเพียง หยกเชวียน  เขามิได้ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ แม้นว่าเขากำลังโจมตีและป้องกันตัวเองจาก ศัตรูระดับเก้า  เขาคำรามลั่น และต่อสู้อย่างสุดกำลัง ขณะที่ฝุ่นควันกระจากอยู่รอบตัว  ความจริง เขาได้เปรียบด้วยซ้ำ

 

แต่ ลุงสวรรค์เชวียนทั้งสองของเขานั้นโชคร้าย  พวกเขากำลังจะถูกทำให้กลายเป็นก้อนเนื้อด้วยอสูรเชวียนขั้นแปด…

 

เหตุการณ์เหล่านั้นค่อนข้างน่าขัน  สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนมั่นใจว่าพวกเขาสามารใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพื่อหลบหนีไปได้  พวกเขาเพียงแค่ต้องมั่นใจว่า ไป๋ลี่หลัวหยุนตายจริงๆก่อนที่จะไป  เขาอาจเป็นเลิศ แต่เด็กหนุ่มนั้นเป็นเพียงยอดฝีมือหยกเชวียน  ดังนั้น ความตายของเขาจึงต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า เขาไม่มีโอกาสเลย  และ ทั้งสองเพียงเฝ้ารอให้เขาตาย

 

แต่ พวกเขาไม่คาดว่าเขาจักหยิบกระบี่ขึ้น และไม่ตาย ในตอนที่เขาควรตายนับพับครั้ง  บุรุษทั้งสองตกตะลึงกับสิ่งนี้  และจากนั้น พวกเขาก็พบว่าตัวเองโดนล้อมไปด้วย อสูรเชวียนระดับสูงจำนวนมาก  ไป๋ลี่หลัวหยุน ยอดฝีมือหยกเชวียน ผู้ที่ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่ง  และตอนนี้ สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียนก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้แล้ว  ไม่นานพวกเขาจะถูกกินเข้าไปทั้งที่ยังมีชีวิต …

 

ทั้งสองจะตายโดยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น !

 

มันเป็นอุบายที่ยอดเยี่ยม …

 

เสียงกรีดร้องดังให้ได้ยินจากทุกส่วนของสนามรบ  ทั้งสองจึงตัดสินใจฝ่าวงล้อม และล่าถอย มณฑลฉือฮั่น นครพายุหิมะสีเงิน และคนที่เหลือของสกุลทรงอำนาจ ไม่นานก็ตกอยู่ในวงล้อมที่บ้าคลั่งนี้   เลือดสาดกระจายไปทั่ว และแขนขาล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า  มีคนตายทุกวินาที …

 

หมีใหญ่วิ่งฝ่าข้ามสนามรบ  เขามีหนังที่หนาและกระดูกที่แข็งแกร่ง ราชันพยัคฆ์ และ ราชันสิงโต ก็เช่นเดียวกัน  พวกเขาไม่สนใจต่อการโจมตีที่เกิดขึ้น และพุ่งเข้าใส่ ขุนศึกของ มณฑลฉือฮั่น จากนั้นพวกเขา พวกเขาหันมาและเคลื่อนที่ไปรอบๆ กระบวนทัพของ มณฑลฉือฮั่น  ทั้งสามโจมตีอย่างทรงพลังอย่างต่อเนื่อง และพุ่งเข้าใส่ทุกคนที่อยู่รอบๆ  ในที่สุดสามราชันอสูรเชวียนก็ตัดฝ่ากระบวนทัพของ มณฑลฉือฮั่นได้

 

ทัพของ มณฑลฉือฮั่นตกอยู่ในความสับสน ตอนแรกพวกเขาถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม  จากนั้น พวกเขาก็ถูกแบ่งเป็นสี่กลุ่ม และในที่สุดก็ต้องแยกกันต่อสู้  จากนั้น อสูรเชวียนจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่กระบวนทั้พที่แตกออกและล้อมพวกเขาไว้  ส่งให้เกิดเสียงกรีดร้องที่สิ้นหวังสะเทือนไปทั่วท้องนภา …

 

แผนการเดิมคือ จวินวูอี้ และคนของเขาต้องตาย …  แต่ คนของพวกเขาจักต้องไม่สูญเสียมากมาย ความจริง คนของ นครพายุหิมะสีเงิน และ มณฑลฉือฮั่น ไม่คาดว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บ …

 

ดวงตาของ ยอดปรมาจารย์ และ ยอดฝีมือเทพเชวียนเกือบจะหลุดออกจากเบ้าขณะที่พวกเขาเพ่งมองออกมาจากยอดเขาอย่างเหลือเชื่อ….

 

เกิดอันใดขึ้น !

 

ไร้เหตุผลยิ่งนัก

 

” เป็นเช่นนั้นเอง !  ในที่สุดข้าก็เข้าใจ ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตกตะลึง และม้วนผมเป็นเกรียว

 

” เจ้าเข้าใจ ? “

ปู้กวงเฟิงสับสน

” เจ้าเข้าใจอันใด ?  รีบอธิบายให้อาวุโสผู้นี้ฟัง ! ”

 

” อาจารย์ปู้ ท่านไม่เห็นหรือ ? “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวชี้นิ้วออกไปอย่างมีชัย

” ยอดปรมาจารย์ลี่ได้วางแผนกวาดล้าง มณฑลฉือฮั่น ของเขา !  และ เขายังดึง นครพายุหิมะสีเงิน เข้าไปเกี่ยวด้วย !  แผนการเดิมของ ลีจื้อเทียน คือ ข้าไม่รู้สึกดีกับใครบางคน  และ เจ้าก็ไม่รู้สึกดีกับคนของเจ้าจำนวนหนึ่ง  แต่ ข้ามีวิธีที่ทำให้เราทั้งสองรู้สึกดีแม้นว่าตอนนี้เราจักต้องโศกเศร้า  และ หายนะของพวกเขาจะทำให้ข้ารู้สึกมีความสุข ท่ามองไม่เห็นหรือ ปรมาจารย์ ปู้ ?  มันชัดเจน …. ”

 

เล่ยเปายู่ และ ปู้กวงเฟิง ถยน้ำลายออกมาเมื่อได้ยินวาจาเหล่านั้น

โง่เขลา !  เจ้าไม่เห็นหรือว่าลี่จื้อเทียนตกตะลึงเพียงใด ? เหตุใดเขาจึงต้องกวาดล้าง มณฑลฉือฮั่น ของเขา ?  มณฑลฉือฮั่นคืองานทั้งชีวิตของเขา !  มันมีคุณค่าเป็นเพียงรองลูกชายของ ลี่เติ้งหยวน !  ลีจื้อเทียนไม่ได้โง่เขลา  เช่นนั้น เหตุใดเขาจึงต้องขุดหลุมฝังตัวเอง ?

 

แต่ไม่เช่นนั้นแล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้น ?

 

ลี่เติ้งหยวนอ้าปากค้าง  ใบหน้าของเขาซีดเผือก และรีมฝีปากสั่นระเรื่อ เขาดูเหมือนไร้ชีวิต  เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันที  ความจริง เขารู้สึกว่าขาของเขาขาดไปครึ่งหนึ่งแล้ว …

 

มือของ ลีจื้อเทียนกำแน่น  เขารู้สึกโมโหอย่างมาก

 

เขาคงจะโง่เขลาหากยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่  แต่เขาไม่อาจเข้าใจว่าผู้ใดที่มีฝีมือชั้นเลิศจนสามารถสั่งให้ราชันอสูรเชวียนเล่นบทเช่นนั้นได้ ?

 

” อั๊ก ! ” เสียงกระอักเลือดดังขึ้น  ยอดฝีมือเทพเชวียนจาก มณฑลฉือฮั่น ถูกฝ้ามือและขาของหมีใหญ่เข้าปะทะ  ทำให้เลือดทะลักออกมาจากร่างของเขา  แต่ หมีใหญ่กำลังยิ้มชั่วร้าย และยังคงโจมตีต่อไป  เขาต่อยหมัดลงไปอย่างรวดเร็ว  จากนั้น หมีใหญ่ปล่อยลูกเตะ และเอาขาอีกข้างไขว้กับขาที่เตะออกไปตอนแรกใส่  ยอดฝีมือ เทพเชวียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว  ความแข็งแกร่งของเขานั้นไร้ค่าเมื่อเทียบกับหมีใหญ่  และ หมีใหญ่ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นหลังจากที่เขาหักขาของฝ่ายตรงข้ามแล้ว  จากนั้น เขาก็เตะเข้าไปที่ด้านหลังส่วนล่างของเขา

 

ขาที่หักลอยขึ้นสูงไปในท้องฟ้า และพ่นเลือดจำนวนมากออกมารอบๆ  ยิ่งไปกว่านั้น ร่างที่เหลือของ ยอดฝีมือเทพเชวียนก็ถูกเตะขึ้นสูงไปในอากาศ … ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่  เลือกไหลออาจากทวารทั้งเจ็ดบนหัวของเขา  หมีใหญ่กระโดดขึ้นไปยังร่างที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น  จากนั้นเขา ปล่อยหมัดทั้งสองออกไปอย่างรวดเร็ว

” ปั่ง !  ปั้ง ! ”

หมัดปะทะเข้ากับยอดฝีมือผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง และเสียงแตกหักที่ต่อเนื่องกันดังให้ได้ยิน  ความจริง เสียงแตกหักนั้นชัดเจนมา …

 

หมีใหญ่คำรามลั่น และ จับต้อขาของเหยื่อ จากนั้น กล้ามเนื้อหน้าอกของเขาเป่งขึ้น และส่งเสียงขณะที่มือของเขาดึงร่างของเหยื่อให้ยืดออก  จากนั้นยอดฝีมือเทพเชวียนก็ถูกฉีกครึ่งกลางอากาศ  อวัยวะภายในของเขาหลุดออกมาจากร่างและร่วงลงไปบนพื้น

 

เสียงกรีดร้องที่ตื่นตระหนก และตกตะลึงก้องกังวาลท่ามกลางสนามรบ  แต่ หมีใหญ่เพียงแต่หัวเราะขณะที่ร่างโชกเลือดร่างนั้นร่วงลงพื้น  ดูราวกับเสือที่ได้ขย่ำลูกแกะ

 

ลีจื้อเทียนตัวสั่น และอดที่จักก้าวขึ้นหน้าไม่ได้  ปากของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อยขณะที่ความเจ็บปวดแวปขึ้นบนใบหน้าของเขา  แต่ ราชันแห่งเทียนฟากำลังมองเขาอยู่  ความจริง พวกเขาเงยหน้าขึ้นขณะที่กำลังมองเขา   ชัดเจนว่าพวกเขาจักก้าวเข้ามาหากลี่จื้อเทียนเข้าไปแทรกแซง !

 

ลีจื้อเทียนได้เห็นเลือดและเนื้อคนของเขาล่องลอยไป และได้ยินเสียงพวกเขากรีดร้อง  เขารู้สึกว่าอยากจะอ้าปากยอมรับว่าพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง  แต่ เขาก็ใช้กำลังทั้งหมดของเขาเพื่อควบคุมตัวเอง และไม่ได้ทำตามการตัดสินใจนี้  สีหน้าของเขายังคงนิ่งและสงบ  ราวกับผู้คนที่ถูกเชือดอยู่ข้างล่างมิได้รับการฝึกฝนจากเขา … ราวกับพวกเขาเป็นเพียงขยะในสายตาของเขา

 

กองทัพของมนุษย์ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้ตั้งแต่การต่อสู้ยังไม่เริ่ม  ความแข็งแกร่งที่ต่างกันของทั้งสองฝ่ายนั้นมากมายนัก  ถ้าจักให้ยกตัวอย่าง …. เหล่าอสูรเชวียนนั้นเปรียบได้กับกองกำลังของยอดฝีมือระดับสูง  แต่ พันธมิตรของมนุษย์นั้นเป็นเหมือนการรวมของคนที่ไร้ประสบการณ์ และไร้การเตรียมการ

 

แต่กระนั้น เทียนฟาอาจต้องสูญเสียเป็นจำนวนมากสำหรับชัยชนะหากกองกำลังของมนุษย์ทำตามกลยุทธ์ของลี่จื้อเทียน  แต่ท้ายที่สุด ก็มีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่จำนวนมาก และ พวกเขาสามารถชดเชยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันนั้นได้หากมีกลยุทธ์ที่ดี

 

แต่กระนั้น มีการแตกแยกมากมายในหมู่พันธมิตร  เช่นนั้น พวกเขาจึงไม่เชื่อฟังคำสั่ง และพุ่งออกไป  และ ตั้งแต่นั้น ความพ่ายแพ้ของมนุษย์ก็ก่อตัวขึ้นอย่างแท้จริง  พวกเขาไม่มีโชค ! !  และ ไร้ความหวังที่จักเปลี่ยนแปลงเส้นทางนี้ !

 

กับดักยังคงอยู่ในสนามรบ แต่ไม่มีผู้ใดร่วมมือ  อสูรเชวียนตกลงไป แต่พวกเขากระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  และ ชัดเจนว่าพวกเขาจักดุร้ายอย่างมากหลังจากนั้น

 

ลีจื้อเทียนกลายเป็นผู้แพ้ที่เจ็บปวด  เขาไม่สามารถยอมแพ้เพื่อช่วยกองกำลังของเขาได้  เขามีชื่อเป็นยอดปรมาจารย์อันดับสองในดินแดนนี้  เช่นนั้น เขาจักต้องเสียหน้าหากเขายอมรับความพ่ายแพ้  ยิ่งกว่านั้น ราชันแห่งเทียนฟาก็อยู่ไม่ไกล และยอดฝีมือสะเทือนโลกเหล่านั้นก็กำลังเฝ้าดูเขาอยู่ ดังนั้น ลีจื้อเทียนจัดต้องยินยอม … แม้นว่าเขาต้องการความถูกต้อง

 

อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะยอมรับหลังจากสิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ มันเป็นไปไม่ได้ !

 

ดังนั้น ลีจื้อเทียนจึงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ….

เหตุใดพวกเขาจึงไม่หนีออกมาหากพวกเขาไม่เหมาะสมกับศัตรู ? อสูรเชีวยนจะไม่ไล่ล่าพวกเขาไปจนสุดขอบโลกใช่หรือไม่ ?  พวกเขาเพียงแค่ต้องการชัยชนะเท่านั้น !

 

แต่กระนั้นพวกเขาก็มิได้พยายามที่จะหนีตั้งแต่แรก  และมันสายเกินไปแล้วหากพวกเขาต้องการในตอนนี้

 

เขาต้องการทำให้จวินวูอี้ติดกับ แต่ นี่เป็นเหมือนกับสิ่งที่เรียกว่า พยายามขโมยไก่ …แต่กลับต้องเสียข้าวเปลือกล่อ ความจริง ราวกับเขาต้องเสียข้าวเปลือกทั้งถัง !

 

สามารชันอสูรเชวียนมองมนุษย์ราวกับนักล่ามองไปที่เหยื่อ  พวกเขาแบ่งอสูรเชวียนสามพันเจ็ดร้อยออกเป็นกลุ่มเพื่อทำการโจมตีอย่างชั่วร้าย  คนเจ็ดร้อยของ มณฑลฉือฮั่น ลดลงเหลือเพียงสองร้อย  นครพายุหิมะสีเงินยังไม่ประสบความสูญเสีย เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นสูงกว่า แต่ พวกเขาเริ่มอ่อนแอและเหนื่อยอ่อนลง …​

 

ผู้อาวุโสสาม หก และเก้า สร้างกระบวนวงแหวนกับ กระบี่ทั้งเจ็ดของนครสีเงิน  คนเหล่านี้ ร่วมมือกันและสร้างความแข็งแกร่งที่สูงกว่ายอดฝีมือเทพเชวียน  เซี่ยวฮั่น และ มูซื้อทง ได้รับการปกป้องอยู่ภายใน  อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าทั้งสองเป็นยอดฝีมือสามัญ  เช่นนั้น อสูรเชวียนจึงมิอาจทำร้ายเข้าได้เลย

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพียงปกป้องตัวเองเมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นของอสูรเชวียน

 

แต่กระนั้น ดวงตาของเซี่ยวฮั่นก็แดงก่ำอยู่ภายในวงล้อม  เขาเริ่มโกรธเคือง และสามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อราวคนบ้า  เขากระทืบเท้าและตะโกน

“ทำไม ?  ทำไมอสูรเชวียนมากมายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีตัวใดไปโจมตีจวินวูอี้ ?  เหตุใดเจ้าคนพิการผู้นั้นยังไม่ตาย ?  ข้าต้องการให้เขาตาย !  เหตุใดเขายังยังไม่ตาย ?!  จวินวูอี้ !  เหตุใดเจ้ายังไม่ตาย ?!  หึ่ม… ! ”

 

สถานการณ์ของจวินวูอี้นั้นค่อนข้างประหลาดในการต่อสู้ที่ทุกข์ทรมาณและสับสนนี้  เดิมทีเซี่ยวฮั่นมีความสุขในความโชคร้ายของเขา แต่เขากลับต้องตกตะลึง  ความจริง เขาสามารถที่จักฝ่าวงล้อมของอสูรเชวียนได้ในขณะที่เฝ้าดูอยู่ในระยะไกล  เซี่ยวฮั่นถูกบีบให้อยู่กับความกดดันที่หนักหนา เช่นนั้น สมองของเขาจึงไม่อาจทนต่อความปวดร้าวได้อีกแล้ว  และ เขาตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ …

 

เขาเตรียมตัวเพื่อมาเฝ้าดูความตายของจวินวูอี้  ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดว่ามันถึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาในตอนนี้

 

จวินวูอี้ต้องการสังหาร เซี่ยวฮั่น ด้วยกระบี่ของเขา …​และเป็นเช่นนั้นมานับสิบปี !

 

เช่นนั้น เซี่ยวฮั่นจะไม่ต้องการสังหารจวินวูอี้เช่นเดียวกันหรอกหรือ ?  เขาก็ต้องการเช่นนั้นมานับสิบปี  ความจริง เขาต้องการให้มันเกิดขึ้นก่อนที่จวินวูอี้จักต้องการ …

 

ยอดฝีมือที่สกุลอื่นๆส่งไปได้ตายหมดแล้ว …. ยกเว้นผู้ที่เป็นเทพเชวียน และสวรรค์เชวียนที่แข็งแกร่ง  พวกเขายังคงช่วยเหลือกันอยู่  แต่กระนั้น กองทหารที่เหลือก็ถูกกำจัดไป

 

พวกเขาอาจพ่ายแพ้ และจวินวูอี้อาจจะตายหากพวกเขาทำตามแผนการของจวินวูอี้  แต่ ยอดฝีมือเทพเชวียนเหล่านี้จักเหลือรอด และกลับไปอย่างปลอดภัยแม้นกองทัพจักพ่ายแพ้ ความจริง ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนครึ่งหนึ่งสามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย !

 

พวกเขาจักพ่ายแพ้ แต่ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่จะไม่เสียไป  และ จวินวูอี้ก็เชื่อมั่นในความสำเร็จนั้น !

 

แต่ คนเหล่านี้หวาดกลัวลี่จื้อเทียน และเจ้าเหนือหัวพวกเขา  เช่นนั้น พวกเขาจึงเลือกข้างลี่จื้อเทียนแทน  พวกเขาตาม มณฑลฉือฮั่นออกไป แต่พวกเขาไม่คาดว่า การยินดีต่อความโชคร้ายของผู้อื่น และเหยียบคนที่ล้มลงไป จักกลายเป็นการจัดงานศพของตัวเอง

 

ยิ่งพวกเขามีความเลวทรามเพียงใด … ความตายของเขาก็เข้ามาเร็วมากขึ้นในการต่อสู้ที่โหดร้ายนี้

 

นั่นมิใช่การเตือนหรือ ?!

 

การสังหารหมู่นั้นค่อยๆจบลง  ไม่มีผู้ใดสังเกตุ แต่เสียงกรีดร้องเริ่มเบาลง  เสียงคำรามก็ลดลงเช่นกัน  มีเพียงกลุ่มของจวินวูอี้เท่านั้นที่มีพลังเท่าเดิม ..​และคู่ต่อสู้ก็เช่นกัน  และพวกเขากำลังโจมตีอย่างหนัก การต่อสู้ของพวกเขาเริ่มเข้มข้นขึ้น

 

ในที่สุด คุณชายน้อยจวินก็ปรากฏตัวขึ้น  เขาเดินขึ้นไปยังยอดเขาซึ่ง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังยืนอยู่  ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการที่เขาได้วางไว้  ความจริง สิ่งต่างๆเป็นไปอย่างราบรื่น

 

แม่เจ้า !  พวกเขากว่าครึ่งตาย !  และ ผู้ที่ยังไม่ตาย…ก็ไม่ควรจะอยู่

 

ข้าเคยบอกพวกเจ้าว่าเตรียมตัวไปงานศพตัวเองได้เลยหากเจ้าพยายามวางกับดักเรา !

เสียงของจวินโม่เซี่ยโบกสะบัดขณะที่เขาเดินขึ้นไปบนยอดเขา  ใบหน้างดงามของเขาสงบเยือกเย็น

 

ผู้ใดจักคิดว่า เด็กหนุ่มที่ดูอ่อนแอเช่นนี้จักสามารถจัดฉากสิ่งต่างๆได้เช่นนี้ ?

 

แม่ทัพสูงสดจวินวูอี้ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสลดก่อนการต่อสู้เริ่มขึ้น  และ เขาก็ไร้หนทางที่จักจัดการกับมันได้  และจากนั้น สถานการณ์กลับกลายเป็นเรื่องขบขันเมื่อมันกลับตลับปัด คนจำนวนมากมีความสุขกับความโชคร้ายและอุบายที่เขาตกลงไป  อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้กลับตกอยู่ในความโกลาหลที่น่าสลดนี้เอง

 

จวินโม่เซี่ยคล้ายกับยอดฝีมือที่ไม่เป็นที่รู้จัก  เขาวางแผนการที่ละเอียดอ่อนนี้อย่างเป็นความลับ  เขาไม่เพียงวางแผนการนี้เพื่อตัวเอง แต่เขาได้วางแผนจัดการกับศัตรูไว้ล่วงหน้าด้วย  เขาไม่อาจมองข้ามสิ่งใดในเรื่องนี้ได้

 

เขาเป็นยอดฝีมือหยกเชวียน  แต่ เป็นเรื่องยากอันใดหากแผนการของเขาสามารถเกี่ยวพันกับยอดฝีมือเทพเชวียน และยอดฝีมือสวรรค์เชวียนได้ ?  โศกอนาฏกรรมของเขาจักไม่กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน !

 

และ การกระทำเช่นนี้อาจเรียกได้ว่า หงายมือคว้าเมฆ แล้วคว่ำมือปล่อยมันออกมาเป็นสายฝน

 

ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม !

 

เหตุใดตอนนี้เขาจึงไม่ปรากฏตัวเพื่อเก็บเกี่ยวสิ่งที่เขาทำละ ?  ผู้กำกับละครที่ดีจักไม่ยอมรับเสียงปรบมือได้อย่างไร ?  เขาจักไม่รื่นเริงไปกับมันได้อย่างไร ?

 

คนจักหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อเขาผิดหวัง และ ควรทำให้มากกว่านั้นเมื่อพวกเขาพึงพอใจ

 

.เสียงหัวเราะจักอิ่มอกอิ่มใจ และ จักร้องเพลงให้ดังขึ้นเมื่อพวกเขาพอใจ !  ทำไมต้องวิตกมากมาย !?  ชีวิตนั้นยากและแสนสั้น  เช่นนั้น จงมีความสุขเมื่อทำได้  และ ร้องเพลงอย่างเบิกบานใจ

 

ใจเย็นและสุขุมหากเจ้าภูมิใจ เหตุใดต้องหยิ่งยะโสหากมีใครคุยกับเจ้า ?  ข้าไม่ชอบผู้ที่ทำตัวอวดดี  เหตุใดผู้ที่มีความภูมิใจต้องมีความกังวล ?  ข้าไม่ชอบที่จักจริงจังมากเกินไป  ข้าภูมิใจในตัวเอง และข้านั้นยอดเยี่ยม !  ผู้ใดกล้ามองข้าว่าเป็นคนบ้าและหัวเราะ ?  ถามตัวเจ้าเอง … เจ้าได้ทำสิ่งใดสำเร็จเช่นคนบ้าผู้นี้หรือไม่ ??  หุบปากไปเสียหากเจ้าไม่อาจทำได้ !  สิบแปดชั่วอายุคนของเขาจักขายหน้า และถุงเท้าของเจ้าก็เป็นรูเหม็นฉึ่ง !  ข้าไม่แม้แต่จักฉี่ใส่ขวดน้ำของเจ้า !

 

เหตุใดข้าต้องกังวลกับคำสาปแช่งเหล่านั้น ?  มันเป็นเรื่องของข้าหรือไร ?

 

นี่คือหลักคิดของจวินโม่เซี่ย

 

ร้องเพลงเมื่อเจ้าภูมิใจ  และ หยุดเมื่อใดที่เจ้าล้มเหลว  ความกังวลและเสียใจนั้นยังอยู่อีกนาน มีชีวิตอยู่ในทุกช่วงเวลา กังวลเรื่องของวันพรุ่งนี้ในวันพรุ่งนี้

 

ผู้ใดไม่แสดงฝีมือจักล้มเหลว และ ผู้ที่ล้มเหลวจักล้มเหลวในที่สุด  และ ข้าจักสังหารพวกเขาเมื่อพวกมเขาล้มเหลว  เป็นสิ่งสำคัญที่จักหัวเราะใส่ก้อนเมฆหากต้องการอาละวาดไปทั่วดินแดน  สิ่งสำคัญคือต้องใช้วิธีของตัวเอง  และ มันสำคัญที่ จะไป … !