ทางแยก โดย Ink Stone_Fantasy

เสียงโวยวายภายในโรงแรมเงียบลงทันที แม้แต่แขกที่นั่งอยู่ตรงบาร์ก็ยังวางแก้วเหล้าที่อยู่ในมือลง พร้อมกับหันมามองยังคณะละครเวที

เมย์ตกตะลึง “แต่ตอนที่อยู่เมืองหลวงเก่า ข้ายังได้เคยได้รับ….”

“คำชี้แนะจากท่านเคแกนใช่ไหม? ก็เพราะเหตุนี้แหละ ท่านจึงไม่อยากพบเจ้า” ผู้จัดการพูดเสียงเบาๆ “ท่านเคแกนผิดหวังในตัวเจ้ามาก คุณเมย์”

ถึงแม้คำพูดนี้จะพูดข้างๆ หูเธอ แต่เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ ยังคงได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายอยู่ เมย์รู้สึกได้ว่าเอรินกำลังดึงมือเธออยู่

คำพูดนี้ร้ายแรงกว่าการต่อว่าเสียอีก โดยเฉพาะในตอนที่มันออกมาจากปากของปรมาจารย์แห่งวงการการแสดง สำหรับคนรุ่นหลังแล้ว คำต่อว่าของพวกเขานั้นเป็นได้ทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็เป็นคำพูดให้กำลังใจ แต่คำว่าผิดหวังนั้นเป็นอีกความหมายหนึ่งไปเลย หากเปลี่ยนเป็นเธอเมื่อก่อนนี้ เกรงว่าเธอคงจะทำอะไรไม่ถูกจนร้องไห้ออกมาแล้ว

แต่ตอนนี้สิ่งแรกที่เธอคิดถึงกลับไม่ใช่ตัวเอง

เธอกลายเป็นดวงดาวแห่งดินแดนตะวันตกมาหลายปี เป็นเสาหลักของคณะละครเวทีสตาร์ฟลาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดงหรือว่าความสามารถ เธอก็ล้วนแต่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าแม้แต่เธอยังร้องไห้ฟูมฟายเพราะคำพูดนี้ อย่างนั้นคนอื่นๆ อย่างเอริน ทีน่าจะทำยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวอลโล่วซึ่งมีพรสวรรค์แต่ขาดความมั่นใจในตัวเอง

ด้วยเหตุนี้เมย์จึงพบว่าตัวเองกลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างไม่เร่งร้อนว่า “อย่างนั้นเหรอ? ข้าคิดว่าบางทีเรื่องนี้ิอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดกัน ถ้าได้อธิบายกันต่อหน้าจะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ อย่างนั้นข้าก็คงจะได้แต่พูดว่าขอโทษเท่านั้น”

อีกฝ่ายเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะตอบออกมาแบบนี้ ผู้จัดการพลันขมวดคิ้วขึ้นมา “เจ้า….”

“เอาเป็นว่า ข้าหวังว่าท่านเคแกนจะมีความก้าวหน้าในการแสดง และสามารถสร้างสุดยอดผลงานได้อีกครั้งในงานพระราชพิธี เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนพวกท่านแล้วกัน” เธอก้าวไปสองก้าว ก่อนจะหันหน้ามาพูดว่า “แล้วก็ขออย่าได้เรียกข้าว่าคุณเมย์ ตอนนี้ข้าคือคุณนายแลนนิสแล้ว”

สภาพอากาศตอนขากลับนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เมย์กลับรู้สึกท้องฟ้าอึมครึมมากกว่าเดิม ทุกคนต่างไม่พูดไม่จา ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนตอนขามาแม้แต่น้อย

กระทั่งตอนที่ใกล้ต้องแยกทางกัน เกธจึงได้ถามขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว “ท่านเมย์ ท่านกับอาจารย์เคแกน….”

“เจ้าโง่ พูดอะไรของเจ้าเนี่ย!” โรเซียถลึงตาใส่เขา “ถ้าก่อนหน้านี้พี่เมย์มีปัญหากับเขาจริงๆ แล้วพี่เมย์จะไปเยี่ยมเขาทำไมล่ะ ทำแบบนั้นไม่เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าหรอกเหรอ! ผิดหวังอะไรกัน ข้าว่าเขาอิจฉามากกว่า”

ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ ก่อนจะมองเธอด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“เฮ้ๆ…คนที่เจ้าพูดถึงนั่นคือปรมาจารย์ด้านการแสดงของเกรย์คาสเซิลนะ….”

“ก็แค่อดีตเท่านั้นแหละ” โรเซียพูดอย่างโมโห “เมืองเนเวอร์วินเทอร์กลายเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็กลายเป็นคณะละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในดินแดนตะวันตก พอความนิยมของพวกเขาตกลง เขาก็ย่อมต้องไม่พอใจพวกเรา ข้าติดตามพี่เมย์จากลองซองจนมาถึงเมืองชายแดน หลังจากที่นางกลับมาจากเมืองหลวง นางก็ไม่เคยได้ติดต่อกับคณะละครเคแกรเลย แล้วนางจะไปทำให้เขาผิดหวังได้ยังไง? พูดไปพูดมาก็เพราะดูถูกที่คณะละครของพวกเราเพิ่งตั้งขึ้นมา แล้วก็ไม่มีชื่อเสียงในสายตาของพวกขุนนางมากกว่า”

“อย่างนี้หรอกเหรอ?” เอรินทำหน้าเหมือนเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างขึ้นมา

น่าจะเป็นเพราะการพูดที่ดูจริงจังของโรเซีย ทุกคนถึงได้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมานิดหน่อย

“ข้าว่าที่ผู้จัดการนั่นไม่กล้ามองท่านเมย์ตรงๆ ก็เพราะเขารู้สึกผิดอยู่ในใจนั่นแหละ….”

“อย่างนั้นที่อาจารย์เคแกนไม่อยากเจอพี่เมย์ก็เป็นเพราะเรื่องนี้เหรอ?”

“เหลวไหล!” ในที่สุดเมย์ก็ทนไม่ได้ เธอกรอกตาใส่ทุกคน “ด้วยชื่อเสียงของเขาจำเป็นต้องมาอิจฉาข้าด้วยเหรอ? หากออกไปจากดินแดนตะวันตกก็แทบจะไม่มีใครรู้แล้วว่าข้าเป็นใคร แต่ทั่วทั้งเกรย์คาสเซิลไปจนถึงอาณาจักรดอว์น ไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินชื่อของเคแกน เฟส พวกเจ้ายิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่แล้ว!”

ทุกคนหดหัวลงทันที

“เอาเป็นว่า เรื่องนี้พอเท่านี้แหละ เข้าใจไหม?” เมย์ปรบมือ “กลับบ้านกันได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายทำกันต่อ!”

เมื่อกลับมาบ้าน ตอนที่พูดคุยกันระหว่างกินข้าว คาร์เตอร์ก็ถามเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเคแกน

แต่เธอกลับพูดถึงแค่เพียงนิดหน่อย

ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร เมย์ก็ไม่อยากให้สามีของเธอต้องมาพัวพันกับเรื่องนี้

เพราะว่านี่เป็นความขัดแย้งของโลกการแสดง

การถ่ายทำหนังเวทมนตร์ในอีกสองสามวันหลังจากนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนไม่ได้ดูหมดอาลัยตายอยากเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ในทางกลับกัน น่าจะเป็นเพราะทุกคนรู้สึกอัดอั้นตันใจ ฉากการต่อสู้สุดท้ายในวังทุกคนจึงแสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แม้แต่เกธเองก็ยังแสดงออกมาได้ดีกว่าทุกที บรรยากาศแบบนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ ทำเอาคนใหม่ๆ ที่เพิ่งมาอยู่ในคณะไม่นานพากันตกตะลึง

ในขณะเดียวกันก็มีคนคาดเดาว่านี่เป็นเพราะคำชี้แนะของท่านอาจารย์เคแกนหรือเปล่าถึงได้ทำให้เหล่านักแสดงพากันพยายามมากขึ้น

ซึ่งนี่ก็ทำให้เมย์รู้สึกโล่งใจเช่นเดียวกัน

ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมวิสเซิลจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคณะนักแสดงมากนัก

แต่ในขณะที่เธอนึกว่าเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเคแกนจะจบลงไปแบบนี้ เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

ผู้จัดการของคณะละครเคแกนได้เป็นฝ่ายมาหาเธอในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ

“เจ้านายของข้าอยากจะคุยกับเจ้าหน่อย คุณ…ไม่สิ คุณนายแลนนิส” เหมือนเขาจะรออยู่นอกเขตปราสาทนานแล้ว แม้แต่หมวกของเขาก็ยังมีหิมะเกาะเป็นชั้นๆ

เจ้านายที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นย่อมต้องเป็นเคแกน เฟส ปรมาจารย์ด้านการแสดงของเกรย์คาสเซิลและเป็นผู้ก่อตั้งคณะละครเคแกนอย่างไม่ต้องสงสัย

พริบตานั้นเอง ภายในใจเธอพลันมีความสงสัยนับไม่ถ้วนเอ่อล้นขึ้นมา ถึงขนาดอยากจะใช้คำว่า ‘ผิดหวัง’ ที่เคยออกมาจากปากของอีกฝ่ายมาปฏิเสธ แต่เธอก็พบว่าตัวเองนั้นอยากจะเจอเคแกนซักครั้งจริงๆ….ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะเธออยากจะคลายความสงสัย

“ข้าพาเพื่อนไปได้ไหม?” เมย์ถาม

“ไม่ได้ ท่านเคแกนอนุญาตให้เจ้าไปคนเดียว” ผู้จัดการส่ายหัว

“พี่เมย์…” เอรินพูดอย่างกังวล

เธอหันหน้ามามองเอรินเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร จากนั้นเธอจึงสูดหายใจ “เข้าใจแล้ว เชิญนำทางได้เลย”

….

สถานที่ยังคงเป็นโรงแรมวิสเซิล

เมย์เดินตามผู้จัดการขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะเข้าไปยังห้องหนังสือขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือคนรู้จักที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดีกำลังยืนหันหลังให้กับตู้หนังสือ ทั้ง ‘ปริ้นเซส’ เรินต์เกน, ‘มินสเทรล’ อีเกรโป, ‘ฟลายอิ้งคลาวด์’ เบอร์นิส…คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นนักแสดงระดับสุดยอดที่ถูกรวบรวมมาจากที่ต่างๆ ในละครเรื่อง ‘เจ้าชายตามรัก’ เธอก็เคยทำงานร่วมกับพวกเขา การที่ได้มาเจอหน้ากันในอีกหลายปีหลังจากนั้นมันควรจะเต็มไปด้วยความสุขถึงจะถูก แต่จากสีหน้าอันเย็นชาของอีกฝ่าย เมย์กลับมองเห็นถึงได้ดูถูกและความเป็นศัตรู

นี่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอย่างมาก

ถึงแม้เมย์จะไม่ได้หวังว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในการที่ได้มาเจอกันอีกครั้งเท่าไรนัก แต่เท่าที่เธอจำได้ ต่อให้ระหว่างเธอกับอีกฝ่ายจะมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดที่จะแสดงออกมาทางสีหน้าแบบนี้ สำหรับนักแสดงคนหนึ่งแล้ว การเก็บซ่อนอารมณ์ทางสีหน้านั้นเป็นทักษะพื้นฐานอย่างหนึ่ง ต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ มันก็มีน้อยคนมากที่จะเปิดเผยอารมณ์ออกมาทางสีหน้าจนหมดแบบนี้ นี่ไม่เหมือนพวกที่ชอบหาเรื่องในโรงละครลองซองเลย เพราะที่นั่นถ้ายิ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียง ก็จะยิ่งระมัดระวังท่าทีของตน แต่ในเวลานี้แม้แต่การเก็บอารมณ์ทางสีหน้า พวกเขาก็ไม่ยอมทำด้วยซ้ำ

เมย์มองไปทางชายแก่ผมหงอกครึ่งหัวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เคแกนเหมือนจะแก่ลงไปไม่น้อย แต่นักแสดงที่ยังแสดงอยู่บนเวที ไม่มีใครที่จะกล้ามองข้ามเขา ที่นักแสดงเหล่านี้ไม่ยอมเอ่ยปากออกมาซักที เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอให้ชายแก่เป็นคนเริ่มอยู่

เคแกนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ เขาปิดบทละครในมือลง ก่อนจะยืนขึ้นมา

แต่ประโยคแรกที่เขาพูดออกมากลับทำให้เมย์ต้องยืนตะลึงไปกับที่

“คุณนายแลนนิส ข้าขอให้ท่านกับคณะละครของท่านหยุดการแสดงที่กำลังจะมีขึ้นได้หรือไม่?”