“นี่นี่! คนที่คุณส่งออกมามันไม่อ่อนไปหน่อยเหรอ?”
มองดูนักฆ่าเหรียญเงินที่นอนอยู่ตรงหน้า เย่เทียนก็ได้บ่นออกมาเสียงดังว่า “แบบนี้ยังเรียกว่านักฆ่าเหรียญเงิน คุณคงไม่ได้กำลังแกล้งผมอยู่ใช่มั้ย?”
พอเห็นเย่เทียนที่กำลังได้ใจ ฮาชิโมโตะ คันนะที่หลบอยู่หลังจอก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “น้าเล็ก ไอ้หมอนั่นมันจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!”
หญิงสาวกลับไม่ได้ทำหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย ใครก็ตามที่พอมีความสามารถ แล้วจะทำตัวโอ้อวดสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“เอาล่ะ เธอไม่ต้องโมโหแล้ว”
หญิงสาวส่ายหน้า “เงาทมิฬได้รับปากแล้ว เธอก็รอดูไปเถอะ!”
ไม่ทันที่ฮาชิโมโตะ คันนะจะได้ตั้งตัว หญิงสาวก็ได้กดไปที่ปุ่มพูดอีกครั้ง และพูดกับเย่เทียนไปว่า “คุณใช้ได้เลย ไม่ทราบว่าคุณยังจะทำการทดสอบต่อรึเปล่า?”
“ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน สองคนก่อนหน้าถือว่าเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น จากนี้ต่างหากถึงจะเป็นของจริง”
เย่เทียนเบ้ปาก และยังคงไม่ใส่ใจ แล้วตะโกนออกไปด้วยความผยองว่า “อาหารเรียกน้ำย่อยอะไร ของจริงอะไร กับพวกกระจอกแบบนี้ มาเท่าไหร่ผมก็จัดการเรียบนั่นแหละ!”
การที่เขาเลือกที่จะทำตัวโอหังแบบนี้ เขาก็ต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว
ลำพังแค่นักฆ่าเหรียญทอง ไม่รู้ว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้นำได้รึเปล่า แล้วเขาจะเอารายชื่อมาไว้ในมือได้ยังไง?
“ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นฉันจะรอดูการแสดงผลงานที่น่าตื่นตาของคุณแล้วกัน”
มุมปากของหญิงสาวได้เผยรอยยิ้มที่ประหลาดออกมา แล้วตัดบทกับเย่เทียนไป
ในเวลาเดียวกัน ไฟกะพริบสีแดงในลานประลองก็ได้สว่างขึ้นอีกครั้ง ส่งสัญญาณให้เย่เทียนได้รู้ว่าการต่อสู้ครั้งที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น
ประตูเหล็กค่อยๆ ถูกเปิดออก ในอุโมงค์ที่มืดสนิทได้มีรังสีที่ชวนขนลุกแผ่ซ่านออกมา
เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ตั้งใจจ้องมองไปในอุโมงค์
แท็บ!
เสียงเดินเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดร่างของชายที่ผอมบางก็ค่อยๆ เดินออกจากอุโมงค์ เขามีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่สายตาคู่นั้นกลับปล่อยรังสีที่กระหายเลือดออกมา ราวกับหมาป่าที่รอขย่ำเหยื่อ เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
เพียงแค่แวบเดียว สีหน้าของเย่เทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่ออกมาจากร่างของชายคนนี้ คนๆนี้ต้องเป็นคนที่ฆ่าคนเป็นผักปลาอย่างแน่นอน!
“นี่ นี่ ผมขอเปลี่ยนใจตอนนี้ทันมั้ย?”
ไม่ใช่ว่าเย่เทียนกลัวเงาทมิฬหรอก เขาแค่กังวลว่าถ้าสู้กับหมอนี่ไปมันจะทำให้เขาต้องเปิดเผยตัวตนมากเกินไป จนมันอาจส่งผลกับแผนการของเขาก็ได้
“ไม่ได้! การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มันก็ต้องดำเนินต่อไป!”
หญิงสาวที่หลบอยู่หลังจอมอนิเตอร์ถึงกับส่ายหน้า พร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วนั่งจ้ำเบ้าลงพื้นทันที เบ้ปากแล้วพูดไปว่า “งั้นผมขอยอมแพ้คงได้ใช่มั้ย?”
“ไอ้หมอนี่…”
ฮาชิโมโตะ คันนะที่มองดูความกวนประสาทของเย่เทียนผ่านทางหน้าจอก็ถึงกับหมดคำพูดยิ่งกว่าเดิม นี่มันไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยเหรอ?
แม้แต่หญิงสาวคนนั้นยังถึงกับตกใจ แต่เธอก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว กดไมค์แล้วพูดอย่างไม่ชอบใจไปว่า “การที่คุณทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก กฎมันก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อคุณเลือกที่จะสู้ต่อในรอบที่สาม งั้นคุณก็ต้องทำการประลองต่อไป!”
“ผมไม่ได้พูดว่าไม่ประลองสักหน่อย!”
เย่เทียนเบ้ปากแล้วยักไหล่ “เพียงแต่ ตอนที่ผมเข้ามาที่นี่ คนที่อยู่ข้างนอกบอกว่ายอมแพ้ได้ แล้วตอนนี้ผมจะยอมแพ้ไม่ได้รึไง?”
หญิงสาวขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดไปอย่างสวยๆ ว่า “ถ้าคุณจะพูดแบบนั้น งั้นตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนกฎ ต้องให้อีกฝ่ายตายการประลองจึงจะสิ้นสุด!”
เย่เทียนลุกพรวดขึ้นมา แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เชี่ย! ทำไมกิลด์แห่งความลับของพวกคุณถึงเป็นแบบนี้? คิดจะเปลี่ยนกฎก็เปลี่ยนกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้?”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดอย่างสะใจว่า “ฉันเป็นผู้บริหารของกิลด์แห่งความลับ ที่นี่มันเป็นถิ่นของฉัน ฉันบอกว่าเปลี่ยนก็คือเปลี่ยน!”
มุมปากของเย่เทียนกระตุก แล้วพูดโวยวายไปว่า “คุณนี่มันเผด็จการ! ผมขอร้องเรียน! ผมขอประท้วง!”
ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบ ฮาชิโมโตะ คันนะก็ได้แย้งไมค์ไป แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แกไอ้โรคจิต ฉันบอกแล้วว่าเราจะได้เห็นดีกัน แกไม่ต้องมาทำเป็นตีเนียนเลย!”
พอเย่เทียนได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ดูประหลาดขึ้นมาทันที ถึงเสียงที่ดังออกมาจากลำโพงจะยังเป็นเสียงแหบซ่านที่แยกชายหญิงไม่ออก แต่การที่ในที่แบบนี้จะมีใครมาพูดแบบนี้กับเขา เกรงว่าจะมีแค่ ฮาชิโมโตะ คันนะคนเดียวละมั้ง?
“โบราณว่าไว้ไม่มีผิด คนโบราณนั้นซื่อสัตย์ไม่หลอกลวง นอกจากคนโบราณก็เด็กสาวนี่แหละที่เจ้าเล่ห์คบไม่ได้!”
พอคิดได้แบบนั้น ทำไมเย่เทียนจะไม่เข้าใจว่าการประลองในครั้งนี้ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว
จากนั้น เย่เทียนก็ทำหน้าบึ้งตึง แล้วมองไปยังเงาทมิฬที่เดินออกมาจากอุโมงค์ด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
บทสนทนาของเย่เทียนกับหญิงสาวนั้นสนั่นไปทั่วลานประลอง เงาทมิฬก็ต้องได้ยินอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ดวงตาที่กระหายเลือดคู่นั้นกำลังส่องแสงที่เยือกเย็นออกมา
ชายผอมแห้งแรงน้อยที่อยู่ตรงหน้านั่นมันกลับดูถูกตนถึงขนาดนี้ ต่อไปจะให้เขาอยู่ในกิลด์แห่งความลับได้ยังไง?
“นี่ไอ้หนู ตอนนี้แกได้ยั่วยุฉันจนสำเร็จแล้ว คืนนี้แกอย่าคิดว่าจะได้กลับไปอย่างครบสามสิบสองเลย!”
เงาทมิฬจ้องมองเย่เทียนโดยไม่มีความปรานีแต่อย่างใด อ้าปากแล้วพูดคำพูดที่โหดร้ายออกมา
“โอ้โห ปากดีไม่เบาเลยนี่?”
เย่เทียนได้ยิ้มอย่างเหยียดหยามออกมาที่มุมปาก โดยไม่เห็นเงาทมิฬอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แล้วพูดอย่างดูถูกไปว่า “ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณหรอก อย่าว่าแต่จะล้มผมเลย ผมว่าอย่างคุณรับการโจมตีของผมได้ไม่เกินสามกระบวนท่าหรอก!”
“สามหาว!”
ลำแสงที่เย็นเยือกปรากฏขึ้นในแววตาของเงาทมิฬ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแกจะเอาชนะฉันภายในสามกระบวนท่าได้ยังไง!”
มองข้ามศัตรูตอนวางแผน ให้ความสำคัญกับศัตรูในตอนดำเนินแผน!
อย่าคิดว่าเย่เทียนไม่เห็นเงาทมิฬอยู่ในสายตา แต่ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในลานประลอง เย่เทียนก็แอบระวังตัวขึ้นมาแล้ว!
อย่างไรก็ตาม พอเห็นเงาทมิฬที่ค่อยๆ เดินเข้ามา ตัวเขาก็ไม่เผยให้เห็นช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย จนทำให้เย่เทียนถึงกับขมวดคิ้วอย่างแรง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เย่เทียนก็ได้เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“งั้นผมจะทำให้คุณได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าความห่างชั้นที่แท้จริง!”
ทันทีที่พูดจบ เย่เทียนก็ได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเงาทมิฬราวกับภูตผี กำปั้นที่รุนแรงซัดไปราวกับกำลังระเบิดอากาศโดยรอบออก จนเกิดเป็นเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว รังสีได้พุ่งกระแทกไปยังใบหน้าของเงาทมิฬ
เงาทมิฬที่เห็นแบบนั้น รูม่านตาก็ถึงกับหดเล็กลง นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนที่ทำตัวกวนโอ้ยไม่อยากสู้เมื่อกี้ จะสามารถระเบิดพลังในการต่อสู้ที่รุนแรงขนาดนี้ออกมาได้
“ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาจริง!”
เงาทมิฬแอบตกใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หลังการตกใจในช่วงสั้น เขาก็ตั้งสติได้ เขาก็ทำการรับมืออย่างรวดเร็ว
เขาได้ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากันไปที่หน้าอก เพื่อรับการโจมตีของเย่เทียนอย่างตรงๆ
ปั้ง!
เสียงระเบิดที่อึดอัดได้ดังขึ้น กำปั้นของเย่เทียนได้ซัดใส่กลางแขนทั้งสองข้างของเงาทมิฬอย่างจัง
“แกมีดีแค่นี้เองเหรอ? มีดีแค่นี้ก็คิดจะมาจัดการฉัน ช่างฝันเฟื่องซะจริง!”
เงาทมิฬไม่ขยับแม้แต่น้อย และได้ยิ้มอย่างดูถูกออกมาที่มุมปาก
“คุณคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วเหรอ? มันจะดูถูกผมเกินไปหน่อยนะ!”
ทันใดนั้น คัมภีร์หวงในร่างของเย่เทียนก็ได้ไหลเวียนขึ้นมา แล้วถ่ายทอดออกมาที่กำปั้น
เงาทมิฬทำหน้าตกใจ ยังไงเขาก็ผ่านการต่อสู้มามาก อยากถอยออกมาทันที แต่สุดท้ายมันก็ได้ช้าเกินไป…