จวินอู๋เหยายืนตะลึงค้าง ทุกอณูในร่างกายเขากรีดร้องให้เขาดึงนางเข้ามากอด
แต่ครั้งนี้จวินอู๋เหยาสามารถควบคุมแรงกระตุ้นของเขาได้
เพิ่งจะโล่งใจได้ไม่นาน เฉียวฉู่ก็หันมาเจอการแสดงความรักอย่าง “บ้าคลั่ง” เข้าอีก มันทำให้เขาแทบกระอักเลือด เขากุมหน้าอกอย่างเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย แล้วเอนพิงไหล่ของฮัวเหยาพร้อมพูดอย่างคับแค้นใจว่า
“เสี่ยวเสียเปลี่ยนไป นางเปลี่ยนไปจริงๆ นางไม่ใช่คนเดิมที่ข้าเคยรู้จักแล้ว”
[ตอนนั้นนางเป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่ตอนนี้นางกลับเป็นฝ่ายบังคับจูบจวินอู๋เหยา!]
[โลกนี้พังพินาศแล้ว!]
ฮัวเหยาหันไปมองเฉียวฉู่
“เจ้าอิจฉาหรือ?” ฮัวเหยาเลิกคิ้วถาม
เฉียวฉู่จ้องเขาและตอบว่า “มีอะไรให้ข้าอิจฉา? ข้ายังมีพี่ฮัวอยู่ทั้ง……โอ๊ย!”
เฉียวฉู่ยังพูดไม่จบ ฮัวเหยาก็เตะเฉียวฉู่ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
เฟยเหยียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านข้าง ราวกับรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเฉียวฉู่ถูกอัด
จวินอู๋เสียจูบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละตัวออก นางมองจวินอู๋เหยาที่หน้าแดงแล้วอดเอานิ้วจิ้มแก้มเขาไม่ได้
“รู้สึกดีขึ้นรึยัง?”…ไอลีนโนเวล
“………….” จวินอู๋เหยามองสีหน้าเคร่งขรึมของจวินอู๋เสีย แล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปบีบคางจวินอู๋เสียแล้วพูดพร้อมหัวเราะว่า “ดีขึ้นหน่อยแล้ว แต่ยังไม่มากพอ เจ้าก็จูบข้าอีกทีเป็นไง?”
จวินอู๋เสียกระพริบตา
เฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังจะเป็นบ้า เขารู้สึกว่าถ้ายังขืนอยู่ที่นั่นต่อไปล่ะก็ เขาคงจะเป็นตากุ้งยิงแน่ จึงวิ่งคร่ำครวญออกไป พวกฮัวเหยาก็พากันถอยออกไปจากห้องอย่างมีจิตสำนึก ปล่อยให้จวินอู๋เสียและจวินอู๋เหยาอยู่กันตามลำพัง
“เป็นเพราะหน้าข้าเปลี่ยนไป เลยรู้สึกสดใหม่ขึ้นรึเปล่า?” จวินอู๋เสียถามจวินอู๋เหยาด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าจะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่นางก็เคยเห็นหมูวิ่ง ในองค์กรเมื่อชาติก่อนของนาง หัวข้อสนทนาที่พวกผู้ชายพูดคุยกันเป็นครั้งคราวก็คือแฟนสาวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
จวินอู๋เหยาขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของจวินอู๋เสีย และกัดแก้มของนางเบาๆ
มันไม่ได้เจ็บ แต่ก็รู้สึกถึงการลงโทษเบาๆ
“เปลือกนอกยังไงก็ไม่ยืนยง ที่ข้าสนใจก็คือเจ้า” ไม่ต้องพูดถึงว่าจวินอู๋เสียเปลี่ยนไปแล้วมีเสน่ห์มากอย่างนี้เลย ขนาดตอนที่นางปลอมเป็นหนุ่มน้อยหน้าจืด เขานึกอยากจูบก็จูบ!
จวินอู๋เสียถูกเขาแหย่จนหัวเราะออกมาเบาๆ
เสียงหัวเราะของจวินอู๋เสียทำให้ความรู้สึกบีบคั้นในใจของจวินอู๋เหยาหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย ราวกับว่าตราบใดที่ได้เห็นรอยยิ้มของนาง ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเป็นทุกข์และกลุ้มใจได้
ด้วยใบหน้าเมื่อชาติก่อนของนาง จวินอู๋เสียก็ไม่ต้องกังวลว่านางจะถูกจับด้วยภาพเหมือนของตัวเองที่ติดอยู่ทั่วทุกหนแห่ง นางได้ถามจวินอู๋เหยาแล้ว และเขาก็บอกนางว่าใบหน้าปลอมของนางจะมีผลอยู่นานอย่างไม่มีกำหนด ตราบใดที่จวินอู๋เสียต้องการ จวินอู๋เหยาสามารถทำให้วิญญาณของนางคงอยู่ในสภาพนั้นได้
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขาดเพียงลมตะวันออก จวินอู๋เสียได้พูดคุยกับพวกเฉียวฉู่และตกลงกันว่าพวกเขาจะไปที่หอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อลงชื่อเข้าร่วมทีมก่อสร้าง
ในพื้นที่รอบๆหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่มีวิญญาณที่ยังไม่ได้ย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่นั่น โดยที่วิญญาณสัตว์อสูรมีจำนวนมากที่สุด เนื่องจากหอคอยโยวหลิงต้องการเกณฑ์วิญญาณมนุษย์อย่างเร่งด่วน ตอนนี้จึงมีวิญญาณมนุษย์ไปๆมาๆในละแวกหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่เป็นจำนวนมาก
คนที่ทำหน้าที่รับสมัครกำลังถือหนังสือเล่มหนึ่งยืนอยู่บริเวณด้านนอก ตรงหน้าเขามีแถวยาวเหยียด ทั้งหมดล้วนเป็นวิญญาณมนุษย์ที่มาสมัครเข้าทีมก่อสร้าง