ตอนที่ 966 - เก็บแผ่นหิน

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “แผ่นหินสีมรกตในตัวเจ้าแปลกนักมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตัวเจ้าสินะ?”
  ซือหยูจ้องมองลงไปที่จินมู่เพราะร่างแท้จริงของจินมู่นั้นว่างเปล่า มีเพียงแผ่นหินในร่างกายเขาที่แปลกประหลาดที่สุด มันสามารถทำให้กายหยาบภายนอกแข็งแกร่งกว่าจ้าวเทวะได้ บอกได้เลยว่ามันเหนือธรรมชาติเป็นอย่างมาก
  และซือหยูยังเห็นว่าแผ่นหินมรกตนี้ใช้แก้วดวงเดียวมาตลอดเวลาส่วนแก้วดวงที่สองยังคงเปล่งประกายดังเดิม ถ้าหากใช้แก้วสองดวงพร้อมกัน เขาเชื่อว่าจินมู่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกอย่างมาก และซือหยูก็คงจะรับมือไม่ได้
  “ฮ่าๆๆๆเจ้าจะรู้ไปทำไม?”
  จินมู่หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
  “ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ เพราะว่าเจ้าไม่รู้แน่ว่าเจ้ากำลังต่อต้านใครอยู่!”
  ซือหยูจะไม่รู้หรือ?พลังเซียนอันคุ้นเคยนี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ราชาเขตกลาง? เขาคือราชาเขตที่น่ากลัวที่สุดและมีพลังสูงสุด
  “ข้าจะต่อต้านใครก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าขอข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้าซ่อนอะไรเอาไว้”
  ซือหยูใช้เนตรวิญญาณเหลือบมองในร่างจินมู่อีกครั้งแผ่นหินถูกกดทับเอาไว้ ส่วนเล็ก ๆ กำลังจะหายไปจากพื้นที่ในร่าง ซือหยูหรีาตามองรอยแยกมิติขนาดเล็กและหัวเราะ
  “ถ้าข้าเดาไม่ผิดดวงวิญญาณของเจ้าอยู่ในนั้นสินะ?”
  จินมู่ฉลาดมากเขาดูไม่เหมือนกับหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณและสติปัญญา คำอธิบายเดียวก็คือเขาซ่อนดวงวิญญาณเอาไว้โดยที่ซือหยูไม่รู้ตัวมาก่อน
  จินมู่เบิกตากว้างเขากระวนกระวาย เขาแอบใช้กำลังกายเคลื่อนตัวให้หลุดจากมุกบาดาลแต่มันก็ไม่ขยับ แผ่นหินภายในร่างของเขายังสั่นเบา ๆ พลังวิญญาณอันบริสุทธิ์พยายามอย่างมากที่จะซึมไปยังแผ่นหิน
  ผิวกายของจินมู่เปลี่ยนแปลงอีกครั้งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
  “ฮื่ม!”
  แม้จะอยู่ในเวลานี้จินมู่ก็ยังไม่ยอมแพ้
  แสงสีแดงส่องประกายที่ตาขวาของซือหยูพลังมิติบุกเข้าไปยังภายในร่างจินมู่
  “อ๊ะะะ!ทำอะไรของเจ้า?!”
  จินมู่ชักสีหน้าเขาพยายามจะปิดพื้นที่ในตัว แต่เขาก็ไม่สามารถปิดแผ่นหินได้ทัน พลังมิติของซือหยูบุกเข้าไปและตรงสู่มัน เขาจึงทุกอย่างข้างในออกมา
  แสงสีแดงเปล่งประกายที่อกของซือหยูวิญญาณที่คล้ายกับต้นอ่อนสีม่วงถูกพลังมิติโอบล้อมเอาไว้
  “มีวิญญาณอยู่จริงๆ ด้วย…”
  ซือหยูพูดอย่างเย็นชาเขาหรี่ตาเล็กน้อยและนำมันไปยังมิติวิญญาณ เขาคิดจะสืบสวนจินมู่ที่นี่และทำให้จินมู่เปิดเผยความจริง
  แต่จินมู่กรีดร้องออกมาราวกับได้เจอสิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า
  “หยุดนะ!หยุดเดี๋ยวนี้! พาข้ากลับไปในแผ่นหิน ไม่งั้นข้าจะ…”
  ฟู่ว!
  คำพูดของเขาขาดไปเพลิงร้อนแรงเผาไม้วิญญาณทันที วิญญาณต้นอ่อนหายไปตามเสียงกรีดร้อง
  ซือหยูถอยหนี
  “มีคนวางผนึกไว้ในร่างกายมันรึ?พอออกจากมิติในแผ่นหิน หนึกจึงทำงานเองแล้วทำลายวิญญาณไป?”
  ราชาเขตกลางอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือ?ซือหยูทำได้แค่คาดเดา เขามิอาจมั่นใจได้เลย ดินแดนมีดสวรรค์นั้นเป็นของเขตกลาง ซึ่งมีเซียนแค่คนเดียว
  ซือหยูแค้นใจเมื่อเพลิงสลายไปจินมู่รู้เรื่องคนที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้และวิชาหลากหลาย หากจินมู่ตอบคำถามของเขา จินมู่ก็จะได้ประโยชน์กลับไปมากมาย
  ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองดูร่างเนื้อของจินมู่ที่ถูกมุกบาดาลทับเมื่อวิญญาณสลายไป แผ่นหินภายในร่างก็หยุดทำงานเช่นกัน แก้วทั้งสองดวงหยุดปล่อยพลัง ซือหยูดีใจมาก ถ้าเขาได้วิญญาณที่เชื่อใจได้มา การส่งแผ่นหินนี้ให้ก็ย่อมเป็นเรื่องนี้ พลังของเขาอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่าก็ได้!
  แต่ใช้แก้วดวงเดียวก็มีพลังมากพอแล้วหากใช้แก้วสองดวงพร้อมกัน ซือหยูเชื่อว่าแม้แต่อสูรเนรมิตรยังจะต้องพ่ายแพ้
  ซือหยูเก็บร่างไร้วิญญาณของจินมู่และแผ่นหินโดยไม่ต้องคิดเขามองไปยังตำหนักโลหิตและบินไปหากงซุนหวูซื่อทันที เขามองปิงหวูชิงที่หมดสติ
  “นางบาดเจ็บขนาดนั้นเลยรึ?”
  “จะว่างั้นก็ได้ถ้านับฝีมือข้าเข้าไปด้วย” novel-lucky
  กงซุนหวูซื่อหัวเราะเบาๆ
  ซือหยูรู้สึกขอบคุณมากกงซุนหวูซื่อพยายามอย่างมากที่จะเก็บความลับของเขา
  “นี่นางสลบไปแล้ว ไม่คิดจะแสดงความรักบ้างหรือ? โอกาสน่ะล้ำค่านะ”
  กงวุนหวูซื่อถามและแตะก้นอวบของปิงหวูชิง
  ซือหยูส่ายหัว
  “ข้าดูเป็นคนแบบนั้นรึไง?”
  “แย่นักพี่หวูชิงเอาแต่อยู่ในวิถีกระบี่และไม่เคยเกิดความรู้สึกกับผู้ใด ถ้าหากไม่ทำให้มันเกิดตอนนี้ พี่ก็ไม่มีโอกาสในยามที่นางตื่นอีกแล้ว”
  กงซุนหวูซื่อยักไหล่
  ซือหยูพูดไม่ออกแววตาเขาเย็นชา
  “รีบไปได้แล้วตำหนักโลหิตรู้แล้วว่าเกิดการต่อสู้ขึ้น เราต้องรีบไป”
  กงซุนหวูซื่อไม่อยากจะเผยความลับที่นางเกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้เช่นกันนางพยักหน้าและตามซือหยูกลับตำหนัก
  ไม่นานหลังจากนั้นรอยแยกมิติเปิดออก ม่อเทียนฉวนก้าวออกมาและยืนเหนือหลุมเพลิง นางเหลือบมองซากหลังการต่อสู้
  “พลังมหาศาลเช่นนี้นั่นมันพลังเซียนไม่ใช่รึ?”
  แววตานางสับสนการมีพลังเซียนอยู่ในพื้นที่ตำหนักโลหิตไม่ใช่เรื่องเล็ก
  ไม่นานผู้เฒ่าตำหนักในหลายคนก็มาถึง เจ้าตำหนักนอกเองก็มาด้วย
  “ตรวจสิบพื้นที่หาเบาะแสที่หลงเหลือ”
  ม่อเทียนฉวนสั่งนางจ้องมองหลุมลึกด้วยความสงสัย
  ครึ่งชั่วโมงต่อมาเหล่าผู้เฒ่ามารวมตัวกันอีกครั้ง
  “พวกเจ้าเจออะไรหรือไม่?”
  ม่อเทียนฉวนถาม
  คนแรกที่ตอบคือเจ้าตำหนักนอกเขาจ้องมองหลุมลึกเบื้องล่าง
  “จากที่ข้าประเมินมันจะต้องเป็นสมบัติลูกแก้วที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ยังมีกลิ่นอายของภูติผีเหลืออยู่ด้วย มันน่าจะเป็นมุกบาดาล”
  ม่อเทียนฉวนพยักหน้านางรู้เรื่องนี้เช่นกัน มุกบาดาลเม็ดเดียวในทวีปจิวโจวถูกถือครองโดยบุรุษวิถีอสูรที่สังหารจักรพรรดิโลหิต เขาอยู่ที่นี่!
  “มีสิ่งใดอีกหรือไม่?”
  ม่อเทียนฉวนถามต่อ
  อาจารย์พรายจากตำหนักในถือหยดเลือดที่แห้งกรังและของเหลวสีมรกตในมือ
  “มันคือส่วนผสมของแก่นโลหิตที่แข็งแกร่งกับวารีวิญญาณของเผ่าไม้ที่ถูกเพลิงเผาไหม้ดูจากกลิ่นอายไม้นี้ มันเหมือนกับชาวเผ่าไม้ที่รองเจ้าดินแดนเสี่ยวพามา”
  เขาตาลุกวาว
  “ท่านเจ้าตำหนักข้าคิดว่านอกจากการท้าแข่ง พวกมันน่าจะมีความตั้งใจอื่น”
  ผู้เฒ่าทุกคนเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้พวกเขายังเห็นเศษชิ้นส่วนร่างกายรองเจ้าดินแดนเสี่ยวอีกด้วย เรื่องที่ซับซ้อนก็คือทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่และต่อสู้กับบุรุษวิถีอสูรคนนั้น ดูจากซากหลังต่อสู้ พวกเขาน่าจะแตกดับไปด้วยน้ำมือคนผู้นั้น
  ม่อเทียนฉวนครุ่นคิดภาพซือหยูอยู่ในใจตลอดเวลา นางต้องคิดหนัก เพราะไม่ว่าบุรุษวิถีอสูรอยู่ที่ใด ที่นั่นจะต้องมีร่องรอยของซือหยูเซี่ยนในไม่ช้าก็เร็ว และตอนนี้บุรุษวิถีอสูรปรากฏตัวในอาณาเขตตำหนักโลหิต และจินมู่กับรองเจ้าดินแดนเสี่ยวก็อาฆาตต่อซือหยูเซี่ยน ม่อเทียนฉวนไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
  “เจ้ารอดพ้นการค้นวิญญาณของข้าไปได้ยังไง?”
  ม่อเทียนฉวนพูดกับตัวเองเบาๆ ความระแวงสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ