DND.
“แผ่นหินสีมรกตในตัวเจ้าแปลกนักมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตัวเจ้าสินะ?”
ซือหยูจ้องมองลงไปที่จินมู่เพราะร่างแท้จริงของจินมู่นั้นว่างเปล่า มีเพียงแผ่นหินในร่างกายเขาที่แปลกประหลาดที่สุด มันสามารถทำให้กายหยาบภายนอกแข็งแกร่งกว่าจ้าวเทวะได้ บอกได้เลยว่ามันเหนือธรรมชาติเป็นอย่างมาก
และซือหยูยังเห็นว่าแผ่นหินมรกตนี้ใช้แก้วดวงเดียวมาตลอดเวลาส่วนแก้วดวงที่สองยังคงเปล่งประกายดังเดิม ถ้าหากใช้แก้วสองดวงพร้อมกัน เขาเชื่อว่าจินมู่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกอย่างมาก และซือหยูก็คงจะรับมือไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆเจ้าจะรู้ไปทำไม?”
จินมู่หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ เพราะว่าเจ้าไม่รู้แน่ว่าเจ้ากำลังต่อต้านใครอยู่!”
ซือหยูจะไม่รู้หรือ?พลังเซียนอันคุ้นเคยนี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ราชาเขตกลาง? เขาคือราชาเขตที่น่ากลัวที่สุดและมีพลังสูงสุด
“ข้าจะต่อต้านใครก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้าขอข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้าซ่อนอะไรเอาไว้”
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณเหลือบมองในร่างจินมู่อีกครั้งแผ่นหินถูกกดทับเอาไว้ ส่วนเล็ก ๆ กำลังจะหายไปจากพื้นที่ในร่าง ซือหยูหรีาตามองรอยแยกมิติขนาดเล็กและหัวเราะ
“ถ้าข้าเดาไม่ผิดดวงวิญญาณของเจ้าอยู่ในนั้นสินะ?”
จินมู่ฉลาดมากเขาดูไม่เหมือนกับหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณและสติปัญญา คำอธิบายเดียวก็คือเขาซ่อนดวงวิญญาณเอาไว้โดยที่ซือหยูไม่รู้ตัวมาก่อน
จินมู่เบิกตากว้างเขากระวนกระวาย เขาแอบใช้กำลังกายเคลื่อนตัวให้หลุดจากมุกบาดาลแต่มันก็ไม่ขยับ แผ่นหินภายในร่างของเขายังสั่นเบา ๆ พลังวิญญาณอันบริสุทธิ์พยายามอย่างมากที่จะซึมไปยังแผ่นหิน
ผิวกายของจินมู่เปลี่ยนแปลงอีกครั้งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“ฮื่ม!”
แม้จะอยู่ในเวลานี้จินมู่ก็ยังไม่ยอมแพ้
แสงสีแดงส่องประกายที่ตาขวาของซือหยูพลังมิติบุกเข้าไปยังภายในร่างจินมู่
“อ๊ะะะ!ทำอะไรของเจ้า?!”
จินมู่ชักสีหน้าเขาพยายามจะปิดพื้นที่ในตัว แต่เขาก็ไม่สามารถปิดแผ่นหินได้ทัน พลังมิติของซือหยูบุกเข้าไปและตรงสู่มัน เขาจึงทุกอย่างข้างในออกมา
แสงสีแดงเปล่งประกายที่อกของซือหยูวิญญาณที่คล้ายกับต้นอ่อนสีม่วงถูกพลังมิติโอบล้อมเอาไว้
“มีวิญญาณอยู่จริงๆ ด้วย…”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชาเขาหรี่ตาเล็กน้อยและนำมันไปยังมิติวิญญาณ เขาคิดจะสืบสวนจินมู่ที่นี่และทำให้จินมู่เปิดเผยความจริง
แต่จินมู่กรีดร้องออกมาราวกับได้เจอสิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า
“หยุดนะ!หยุดเดี๋ยวนี้! พาข้ากลับไปในแผ่นหิน ไม่งั้นข้าจะ…”
ฟู่ว!
คำพูดของเขาขาดไปเพลิงร้อนแรงเผาไม้วิญญาณทันที วิญญาณต้นอ่อนหายไปตามเสียงกรีดร้อง
ซือหยูถอยหนี
“มีคนวางผนึกไว้ในร่างกายมันรึ?พอออกจากมิติในแผ่นหิน หนึกจึงทำงานเองแล้วทำลายวิญญาณไป?”
ราชาเขตกลางอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือ?ซือหยูทำได้แค่คาดเดา เขามิอาจมั่นใจได้เลย ดินแดนมีดสวรรค์นั้นเป็นของเขตกลาง ซึ่งมีเซียนแค่คนเดียว
ซือหยูแค้นใจเมื่อเพลิงสลายไปจินมู่รู้เรื่องคนที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้และวิชาหลากหลาย หากจินมู่ตอบคำถามของเขา จินมู่ก็จะได้ประโยชน์กลับไปมากมาย
ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองดูร่างเนื้อของจินมู่ที่ถูกมุกบาดาลทับเมื่อวิญญาณสลายไป แผ่นหินภายในร่างก็หยุดทำงานเช่นกัน แก้วทั้งสองดวงหยุดปล่อยพลัง ซือหยูดีใจมาก ถ้าเขาได้วิญญาณที่เชื่อใจได้มา การส่งแผ่นหินนี้ให้ก็ย่อมเป็นเรื่องนี้ พลังของเขาอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่าก็ได้!
แต่ใช้แก้วดวงเดียวก็มีพลังมากพอแล้วหากใช้แก้วสองดวงพร้อมกัน ซือหยูเชื่อว่าแม้แต่อสูรเนรมิตรยังจะต้องพ่ายแพ้
ซือหยูเก็บร่างไร้วิญญาณของจินมู่และแผ่นหินโดยไม่ต้องคิดเขามองไปยังตำหนักโลหิตและบินไปหากงซุนหวูซื่อทันที เขามองปิงหวูชิงที่หมดสติ
“นางบาดเจ็บขนาดนั้นเลยรึ?”
“จะว่างั้นก็ได้ถ้านับฝีมือข้าเข้าไปด้วย” novel-lucky
กงซุนหวูซื่อหัวเราะเบาๆ
ซือหยูรู้สึกขอบคุณมากกงซุนหวูซื่อพยายามอย่างมากที่จะเก็บความลับของเขา
“นี่นางสลบไปแล้ว ไม่คิดจะแสดงความรักบ้างหรือ? โอกาสน่ะล้ำค่านะ”
กงวุนหวูซื่อถามและแตะก้นอวบของปิงหวูชิง
ซือหยูส่ายหัว
“ข้าดูเป็นคนแบบนั้นรึไง?”
“แย่นักพี่หวูชิงเอาแต่อยู่ในวิถีกระบี่และไม่เคยเกิดความรู้สึกกับผู้ใด ถ้าหากไม่ทำให้มันเกิดตอนนี้ พี่ก็ไม่มีโอกาสในยามที่นางตื่นอีกแล้ว”
กงซุนหวูซื่อยักไหล่
ซือหยูพูดไม่ออกแววตาเขาเย็นชา
“รีบไปได้แล้วตำหนักโลหิตรู้แล้วว่าเกิดการต่อสู้ขึ้น เราต้องรีบไป”
กงซุนหวูซื่อไม่อยากจะเผยความลับที่นางเกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้เช่นกันนางพยักหน้าและตามซือหยูกลับตำหนัก
ไม่นานหลังจากนั้นรอยแยกมิติเปิดออก ม่อเทียนฉวนก้าวออกมาและยืนเหนือหลุมเพลิง นางเหลือบมองซากหลังการต่อสู้
“พลังมหาศาลเช่นนี้นั่นมันพลังเซียนไม่ใช่รึ?”
แววตานางสับสนการมีพลังเซียนอยู่ในพื้นที่ตำหนักโลหิตไม่ใช่เรื่องเล็ก
ไม่นานผู้เฒ่าตำหนักในหลายคนก็มาถึง เจ้าตำหนักนอกเองก็มาด้วย
“ตรวจสิบพื้นที่หาเบาะแสที่หลงเหลือ”
ม่อเทียนฉวนสั่งนางจ้องมองหลุมลึกด้วยความสงสัย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเหล่าผู้เฒ่ามารวมตัวกันอีกครั้ง
“พวกเจ้าเจออะไรหรือไม่?”
ม่อเทียนฉวนถาม
คนแรกที่ตอบคือเจ้าตำหนักนอกเขาจ้องมองหลุมลึกเบื้องล่าง
“จากที่ข้าประเมินมันจะต้องเป็นสมบัติลูกแก้วที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ยังมีกลิ่นอายของภูติผีเหลืออยู่ด้วย มันน่าจะเป็นมุกบาดาล”
ม่อเทียนฉวนพยักหน้านางรู้เรื่องนี้เช่นกัน มุกบาดาลเม็ดเดียวในทวีปจิวโจวถูกถือครองโดยบุรุษวิถีอสูรที่สังหารจักรพรรดิโลหิต เขาอยู่ที่นี่!
“มีสิ่งใดอีกหรือไม่?”
ม่อเทียนฉวนถามต่อ
อาจารย์พรายจากตำหนักในถือหยดเลือดที่แห้งกรังและของเหลวสีมรกตในมือ
“มันคือส่วนผสมของแก่นโลหิตที่แข็งแกร่งกับวารีวิญญาณของเผ่าไม้ที่ถูกเพลิงเผาไหม้ดูจากกลิ่นอายไม้นี้ มันเหมือนกับชาวเผ่าไม้ที่รองเจ้าดินแดนเสี่ยวพามา”
เขาตาลุกวาว
“ท่านเจ้าตำหนักข้าคิดว่านอกจากการท้าแข่ง พวกมันน่าจะมีความตั้งใจอื่น”
ผู้เฒ่าทุกคนเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้พวกเขายังเห็นเศษชิ้นส่วนร่างกายรองเจ้าดินแดนเสี่ยวอีกด้วย เรื่องที่ซับซ้อนก็คือทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่และต่อสู้กับบุรุษวิถีอสูรคนนั้น ดูจากซากหลังต่อสู้ พวกเขาน่าจะแตกดับไปด้วยน้ำมือคนผู้นั้น
ม่อเทียนฉวนครุ่นคิดภาพซือหยูอยู่ในใจตลอดเวลา นางต้องคิดหนัก เพราะไม่ว่าบุรุษวิถีอสูรอยู่ที่ใด ที่นั่นจะต้องมีร่องรอยของซือหยูเซี่ยนในไม่ช้าก็เร็ว และตอนนี้บุรุษวิถีอสูรปรากฏตัวในอาณาเขตตำหนักโลหิต และจินมู่กับรองเจ้าดินแดนเสี่ยวก็อาฆาตต่อซือหยูเซี่ยน ม่อเทียนฉวนไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“เจ้ารอดพ้นการค้นวิญญาณของข้าไปได้ยังไง?”
ม่อเทียนฉวนพูดกับตัวเองเบาๆ ความระแวงสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ