สิ่งมีชีวิตในตำนาน

หลังจากซูจิ้งทิ้งใบไม้ เศษกิ่งไม้ และกองผ้าไว้ในถังขยะแต่ละที่ไปแล้วนั้น เขากลับเข้าไปในห้องและเฝ้ารออย่างจดจ่อ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว หลังจากนั้นอีกหลายสิบนาทีก็มีไก่ตัวหนึ่งกระโดดเข้าไปในถังขยะแล้วใช้กรงเล็บเขี่ยเปิดถุงขยะออกมา

 

ถุงขยะหลายใบที่ซูจิ้งโยนสุมเข้าไปตอนทิ้งของสามอย่างนั้นเหมือนถูกโยนออกมากระจายเกลื่อนเต็มพื้นซึ่งเป็นถุงที่ไม่มีของทั้งสาม สำหรับถุงที่มีของทั้งสามตอนนี้ได้มาอยู่ที่ข้างบ้านของซูจิ้งพร้อมถูกคุ้ยกระจายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นพักใหญ่มีมดจำนวนหนึ่งได้ขนใบไม้เปื้อนเลือดในตอนแรกเขาก็นึกว่ามันจะขนกลับไปที่รังมด แต่กลายเป็นว่าพวกมดขนใบไม้ตรงมาที่บ้านของเขา แต่ความพยายามก็ต้องสูญเปล่าเพราะพวกมันหมดแรงและเลิกล้มแทบจะทันที่เมื่อเจอแมลงแห่งความตายเข้า พวกมดทำได้เพียงทิ้งใบไม้ไว้แล้วเดินจากไป ทันใดนั้นก็มีสายลมสายหนึ่งพัดมาพร้อมทั้งมีกองผ้าเก่าๆ ผืนนั้นพัดมากองอยู่ที่พื้นซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาประมาณสิบเมตร แล้วก็ยังมีนกตัวหนึ่งที่ในอุ้งเท้ามีเศษกิ่งไม้อยู่ในอุ้งเท้าบินตรงมาที่บ้านของซูจิ้งแต่ก็ต้องถอยกลับไปเพราะมาเจออินทรีทองดักไว้ในกลางอากาศ มันทำได้แต่เพียงปล่อยเศษกิ่งไม้ลงพื้นในบ้านของเขาแล้วบินหนีไป

ภายใต้การจับตามองของซูจิ้งนั้นก็ยังเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายๆ กันเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และเป้าหมายของทุกเหตุการณ์ก็คือการนำของทั้งสามกลับมายังบ้านของซูจิ้งและค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

 

ซูจิ้งถึงกับโง่งมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ถ้ามันแค่ครั้งสองครั้งก็ไม่น่าเปลกใจแต่นี่กลับเหตุการณ์ซ้ำๆ โดยมีของสามอย่างนั้นเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าซูจิ้งจะเชื่อหรือไม่แต่สุดท้ายแล้วของทั้งสามก็ได้กลับมาปรากฎอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ของกว่าครึ่งหนึ่งได้กลับมาอยู่ในที่เดิมของมันเรียบร้อยแล้ว

 

ซูจิ้งยังได้ลองเอาของทั้งสามไปโยนทิ้งออกจากสะพานชิงหยุนที่อยู่บริเวณทางเข้าเมืองชิงหยุน ผลลัพท์ก็ยังเหมือนเดิมคือจะมีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้นจนทำให้ของทั้งสามกลับมาอยู่ทีเดิมอยู่ดีไม่ว่าเขาจะทำซ้ำๆ กี่ครั้ง กี่หน กี่วิธีก็ตาม

 

“อะไรกันเนี่ย เป็นไปไม่ได้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” ซูจิ้งทำได้แต่ประหลาดใจ เขารู้สึกไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขี้น เขานั้นค่อนข้างกลัวนิดๆ เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มันน่าเหลือเชื่อจนยากที่จะเชื่อได้ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แม้แต่เห็นด้วยตาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี เขาทำได้เพียงตรวจสอบเรื่องนี้จนกระทั่งพอจะสรุปได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเลือดของแมลงปอตัวนั้น

 

ซูจิ้งยังพบใบของต้นอึ่งน้อยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งคราวนี้มันปรากฎข้างโหลแก้วและพวกมันก็ล้วนเปื้อนเลือดทั้งสิ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนมันให้ความรู้สึกเหมือนใบไม้เหล่านี้ ถูกนำมาด้วยเลือดของแมลงปอ

 

“เดี๋ยวนะ ฉันเหมือนจะจำได้นะว่ามันมีตำนาน….”

ทันใดนั้นหัวใจของซูจิ้งก็เต้นระส่ำระสาย เขามองไปที่ลูกแมลงปอด้วยตาที่เบิกโผลง เขาเริ่มหายใจช้าลงเรื่อยๆ ยิ่งมองเท่าไหร่เจ้านี่ก็ยิ่งเหมือนกับสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เขารู้จัก ในตำนานที่กล่าวไว้เรียกสิ่งนั้นว่าแมลงผิวสีเขียวชนิดหนึ่ง ซึ่งคิดๆไปมันก็เหมือนกับแมลงปอเหมือนกัน พวกมันวางไข่ไว้บนใบไม้หรือใบหญ้า ต่อให้แม่และลูกของมันต้องพรากจากกันมันก็จะกลับมาอยู่ด้วยกันอยู่ดี ต่อให้ไข่ถูกเอาไปไม่ว่าจะไกลแค่ไหน พวกมันจะหาทางบินฝ่าฟันกลับมา ต่อให้ต้องแยกกันตั้งแต่ยังไม่ฟักตัวออกมา พวกมันก็ยังรับรู้ด้วยสัญชาตญาณของพวกมัน วิธีการใช้ประโยชน์แมลงในตำนานนี้ที่เขารู้จักก็คือการป้ายเลือดไว้บนเงิน เงินที่ถูกป้ายเลือดนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวแม่หรือตัวลูกพวกมัน ก็จะมีเหตุการณ์ให้นำพาเงินที่เปื้อนเลือดของอีกฝ่าย กลับมายังเลือดของอีกฝ่าย เรียกได้ว่าจ่ายไปเท่าไหร่ก็ได้คืนมาเท่านั้น

 

“ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งมีชีวิตในตำนานตัวนั้นจะเป็นแมลงปอพวกนี้ ต่อให้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง แต่สำหรับในห้วงเวลาและอวกาศจากเรื่องล่าลี้ลับตำนานจีนนั้น เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย” ซูจิ้งประหลาดใจและตื่นเต้นอย่างมาก ไม่คิดว่าแมลงน้อยเหล่านี้จะคือสิ่งมีชีวิตในตำนานตนนั้น

 

ซูจิ้งยังคงทดลองต่อไปในหลายๆรูปแบบ ลองตัดส่วนที่เปื้อนเลือดออกจากส่วนที่ดีและนำไปไว้ในที่ห่างไกลนับร้อยกิโลเมตรชนิดที่แทบจะข้ามไปมณฑลอื่นไปเลย

ผลลัพท์ที่ได้นั้นก็คือ

ส่วนที่ไม่ได้เปื้อนเลือดจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่จะนำพาพวกมันกลับมา แต่อีกฝั่งหนึ่งสำหรับส่วนที่เปื้อนเลือด ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็จะมีเหตุการณ์ที่นำพาพวกมันกลับมาอยู่ดี จนพอจะรู้ได้ว่าน้ำหนัก ระยะทาง เวลาที่ห่าง และปริมาณเลื้อดล้วนส่งผลต่อการกลับมาของพวกมัน

 

อย่างไรก็ตามหลังจากเขาทดลองด้วยวิธีการหลายๆ อย่าง เขาก็พบข้อจำกัดในการใช้เลือด นั่นคือมันไม่สามารถใช้กับของที่มีพลังชีวิตหรือพลังวิญญาณได้ อย่างเช่น พืช สัตว์ กระเป๋ามิติ โดยเลือดจะมีผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น

“ยังมีเลือดอีกเยอะในตัวของแมลงปอตัวแม่ฉันยังพอเอามาใช้ได้ เสียดายที่ทิ้งไว้นานไปหน่อยทำให้มันมีบางส่วนที่เริ่มเน่าไปแล้ว” เขานึกเสียดายถ้าเขารู้สึกตัวเร็วกว่านี้หล่ะก็คงไม่ต้องสูญเสียเลือดอันแสนมีค่าไปมากมายขนาดนี้ โชคดีหน่อยที่แมลงปอตัวนี้ไม่เหมือนแมลงปอทั่วไปทำให้มันคงสภาพไว้นานกว่าปกติไม่งั้นป่านนี้คงเน่าหมดไปแล้ว

 

ซูจิ้งยังได้ทดลองเพิ่มเติมด้วยการนำเลือดของลูกแมลงปอไปป้ายบนของบางอย่าง ผลที่ได้ออกมาทำให้สรุปได้แน่นอนแล้วว่ามันคือแมลงในตำนาน สิ่งของที่ถูกป้ายเลือดได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มันเคลื่อนที่ไปยังแมลงปอตัวแม่ แถมยังเกิดขึ้นเร็วกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย

ซูจิ้งได้เผาของทุกชิ้นที่เปื้อนเลือดแล้วพบว่าไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ทำให้เขาสรุปได้ว่าการใช้เลือดนี้ถูกทำลายได้ถ้าสิ่งของถูกทำลายแบบสิ้นซาก อย่างไรก็ตามถ้าเขาเลี้ยงแมลงปอพวกนี้จนออกลูกออกหลานในอนาคตเขาก็จะมีเลือดไว้ใช้เป็นจำนวนมากอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ซูจิ้งนั้นใช้เวลาในการทดลองหาวิธีการใช้เลือดของแมลงปอนี้อยู่หลายวัน จนกระทั่งเขาได้ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับภาพเขียนจีนแล้วว่า มีการสืบสวนขยายผลจนจับกุมตัวกลุ่มโจรที่ขโมยภาพเขียนจีนไปได้ แต่การยังไม่ได้ภาพเขียนจีนกลับมาอยู่ดี โดยภาพเขียนจีนได้ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่นตั้งแต่วันนี้

 

ซูจิ้งเริ่มเคลื่อนไหวในเรื่องภาพเขียนเทพธิดาแล้ว ในตอนแรกนั้นแผนการของเขาก็คือการไปที่พิพิธภัณฑ์แล้วไปขโมยกลับมา อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขามีความสามารถเพิ่มมากขึ้นจึงได้เปลี่ยนแผน

 

“ฉันไม่ต้องเอาตัวไปเสี่ยงอีกแล้ว แค่ให้เจ้ามัตซึโมโตะไปป้ายเลือดไว้บนกรอบรูปของภาพเขียน มันจะกลับมาหาเขาเองต่อให้มีความเสี่ยงที่จะถูกติดตามกลับมาก็เถอะ” พอคิดได้ดังนั้นซูจิ้งจึงได้โทรไปหามัตซึโมโตะที่ได้มาในคืนนั้นและทำการสะกดจิตผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้วยคำพูดไม่กี่คำผ่านโทรศัพท์ทำให้มัตซึโมโตะ ตกอยู่ในภวังค์อย่างง่ายดาย ซูจิ้งได้ให้มัตซึโมโตะแอบมาหาเขา แล้วให้มัตซึโมโตะ กลับไปญี่ปุ่นพร้อมหลอดทดลองที่มีเลือดอยู่