ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****186: นักบวชเซือหมัว

สำหรับสมุนไพรหนึ่งหมื่นปีที่นักบวชเซือหมัวได้สัญญาไว้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างมากมีชื่อเรียกว่าฟู๋หงจาง มันเป็นสมุนไพรที่ดีมากในการรักษาอาการบาดเจ็บ ยาอายุวัฒนะชั้นดีล้วนแต่ปรับแต่งมาจากมัน และมันไม่ได้ใช้รักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น ถ้าหากผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าใช้มันจะสามารถฟื้นฟูพลังของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องของการฝึกฝนอีกด้วย ในตอนนี้ศิษย์ของนักบวชฮัวอวิ๋นต้องการมัน ความจริงคือดาบเทวะไร้ผู้ต้านยังคงต้องทุกข์ทรมานจากคำสาปแช่งอยู่ ถ้าหากเขาได้รับฟู๋หงจางเพื่อรักษาตนเอง แน่นอนว่าเขาจะต้องฟื้นขึ้นมาและดีกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ต้องทุกข์ทรมานมายาวนานนับสองปี แต่สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้เข้มแข็งอย่างมาก หลังจากความเย่อหยิ่งของเขาได้หมดลงไปในสองปีที่ผ่านมา ทำให้เขาสามารถที่จะเลื่อนระดับของการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว เช่นนี้กลุ่มของนักบวชฮัวอวิ๋นจึงต้องการที่จะมีอัจฉริยะสองคน!

สำหรับนักบวชฮัวอวิ๋นมันคงเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากเขายังสามารถรักษามรดกของตนเองไว้ได้ให้กับลูกหลานของตน ตราบใดที่เขาสามารถเรียกศิษย์อัจฉริยะคืนมาได้สองคน เขาสามารถมีอำนาจเหนือเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะขึ้นมาหลังจากที่หงหยิงจากไป

ถ้าหากไม่มีสองคนที่สนับสนุนเขา แน่นอนว่าจะต้องมีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเข้ามาและให้กำเนิดอัจฉริยะอีกครั้ง และสำนักเสวียนเทียนจะตกอยู่ในความควบคุมของผู้อื่นในอนาคต แล้วนักบวชฮัวอวิ๋นจะสามารถยอมรับสิ่งนั้นได้อย่างไร? ดังนั้นข้อเสนอของนักบวชเซือหมัวจึงกระทบเข้ากับจุดอ่อนของนักบวชฮัวอวิ๋นอย่างสมบูรณ์ เงื่อนไขเหล่านี้ต้อนให้นักบวชฮัวอวิ๋นจนมุม ถ้าหากเขาไม่ยอมรับ ฝ่ายของเขาก็จะไร้อัจฉริยะพร้อมด้วยฝ่ายตรงข้ามจะมีอิทธิพลต่อเขาอย่างมากในอนาคต เขาคิดอยากตกลง แต่เขาไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถตัดสินใจได้เพราะจ้าวสำนักยังคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่

ในตอนนี้เขาเพียงแต่ต้องฝากความหวังอันน้อยนิดไว้ที่จ้าวสำนักและภรรยาของเขาเท่านั้น หลังจากที่พูดคุยกันเนิ่นนานตลอดทั้งคืน ในที่สุดทั้งสามคนก็ได้ข้อสรุปเสียที

ไม่กี่วันถัดมา ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิได้นำฟู๋หงจางมายังสำนักเสวียนเทียน หลังจากที่ตรวจสอบทุกอย่างแล้ว ตาเฒ่าเฟิงได้รับอิสระอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะสูญเสียสมบัติทั้งหมดที่มีแต่ระดับหยวนหยินของเขายังคงอยู่

ก่อนที่เขาจะไป ตาเฒ่าเฟิงยืนอยู่ที่หน้าสำนักเสวียนเทียนและยกนิ้วมือของตนเองขึ้น จากนั้นเขาชี้มันขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกล่าวสาบาน “ข้าไม่ขอเป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป ถ้าหากข้าไม่สามารถสังหารซ่งจงได้!” ด้วยปราณจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง เสียงคำรามอันแหบแห้งของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจดังสะท้านไปทั่วรัศมีหลายพันลี้ ทุกคนที่อยู่ภายในสำนักเสวียนเทียนล้วนได้ยินมันเช่นกัน

แม้แต่เจ้าอ้วนที่อยู่ในลานม่านหมอกก็ยังได้ยินคำพูดนั้นและทำให้เขาโกรธจัดจนเกือบจะตายตกไป เจ้าอ้วนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคำรามอยู่ภายในใจ ‘ใครกันที่เป็นผู้เข้ามายั่วยุข้า? ข้าเพียงค้นหาซากศพของครอบครัวเท่านั้น แต่เจ้ากลับเป็นคนเข้ามาสร้างปัญหาให้กับข้าเอง แต่ในตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้าเพียงเพราะเจ้าพ่ายแพ้งั้นหรือ? เจ้านี่มันตัวบัดซบชัด ๆ!’ ในขณะนั้นเขารู้สึกไม่พอใจจ้าวสำนักอย่างมาก ทั้งภรรยาของจ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋น เขายอมแลกชีวิตเพื่อจับกุมตาเฒ่าเฟิง แต่พวกเขากลับปล่อยมันไปโดยไม่ปรึกษาเขา นี่มันเท่ากับการสร้างความลำบากให้กับเขาชัด ๆ ไม่ใช่หรือ?

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เขาจะต้องเสียใจเท่าไหร่ที่ตาเฒ่าเฟิงคิดล้างแค้นเขา ตาเฒ่าเฟิงสามารถสังหารเจ้าอ้วนได้เพียงนั่งกระดิกเท้าอยู่เฉย ๆ เพียงแค่เจ้าอ้วนออกไปด้านนอกสำนัก เขาจะถูกติดตามอย่างแน่นอน กล่าวก็คือเขาไม่สามารถออกนอกสำนักเสวียนเทียนได้!

ตอนนี้เจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ หงหยิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวว่าจ้าวสำนักและภรรยาต้องการที่จะพบเขา แม้ว่าเจ้าอ้วนจะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีให้หงหยิงได้รับรู้ หลังจากที่เขาเข้าพบจ้าวสำนักและภรรยาแล้ว เจ้าอ้วนทำความเคารพอย่างไม่เต็มใจ “เคารพจ้าวสำนัก เคารพนายหญิง!”

มีความไม่พอใจปนอยู่ในเสียงของเขา จ้าวสำนักและภรรยาไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี จ้าวสำนักกล่าวออกมาว่า “อ้วนน้อย เจ้าคงจะสาปแช่งข้าอยู่ภายในใจล่ะสิ ถูกต้องหรือไม่?”

“ศิษย์ไม่กล้า!” เจ้าอ้วนตอบกลับ “อย่างไรก็ตาม ข้าเป็นเพียงไขมันอิ่มตัวในสายตาของท่านเท่านั้น!”

“อา พอได้แล้ว เจ้ามีรสเปรี้ยวกว่านั้น!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าฮ่า!” จ้าวสำนักหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “อ้วนน้อยอย่าคิดว่าเรามองว่าเจ้าไม่สำคัญ นอกจากนี้เรายังมีเหตุผลของเราที่ปล่อยให้ตาเฒ่าเฟิงไปอีกด้วย!”

“ปล่อยเขาไปเพื่อให้สังหารข้า?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ

“ถ้าหากเจ้ากลัวเขา ทำไมเจ้าไม่ไปกับพวกเรา?” จ้าวสำนักกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ภายในสำนักสาขาเสวียนเทียนไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเจ้า ถ้าหากตาเฒ่าเฟิงต้องการทำเช่นนั้น อาวุโสภายในสำนักคงจะฉีกหนังเขาออกเป็นชิ้น!”

“ใช่แล้ว พี่ชายอ้วน ทำไมจึงไม่ไปด้วยกัน!” หงหยิงรีบกล่าวเสริม

เจ้าอ้วนส่ายศีรษะพร้อมกับขมวดคิ้ว เขากล่าวอย่างเขร่งขรึม “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ!”

“เจ้ายังต้องการที่จะแก้แค้นให้กับครอบครัวของเจ้างั้นหรือ?” ภรรยาจ้าวสำนักถามออกมา

“ว่วาอะไร?” เจ้าอ้วนไม่เคยคาดหวังว่าพวกเขาจะคาดเดาได้และตกใจไปชั่วขณะ เมื่อเห็นเช่นนั้นภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “นับตั้งแต่ที่เจ้าออกเดินทางเพื่อไปตามหาซากศพของครอบครัว ข้าก็เข้าใจเหตุผลที่เจ้าต้องการจะอยู่ที่แห่งนี้!”

นับตั้งแต่ที่ภรรยาจ้าวสำนักคาดเดาได้อย่างถูกต้อง เจ้าอ้วนไม่สามารถปฏิเสธพร้อมกล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าเป็นบุตรชาย แน่นอนว่าข้าจะต้องแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของข้า ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีหน้าที่จะอยู่บนโลกนี้!”

“ยอดเยี่ยม!” หลังจากที่จ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาสว่างไสวพร้อมกล่าวว่า “เจ้าช่างเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง! เจ้าไม่ได้มีดีแค่ร่างกายที่ใหญ่โตแต่กลับมีจิตใจที่กล้าหาญดังเช่นพ่อกับแม่ของเจ้า!”

ภรรยาจ้าวสำนักพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “หัวใจของเจ้าควรได้รับการสรรเสริญ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่ชักชวนเจ้าอีกต่อไป เด็กน้อย ข้ามีบางอย่างที่ต้องเตือนเจ้า บุคคลที่สังหารครอบครัวเจ้าน่าจะอยู่ในระดับจินตัน ก่อนที่เจ้าจะเข้าสู่ระดับจินตัน เจ้าไม่ควรดำเนินการโดยความประมาท ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าจะพ่ายแพ้!”

“ถูกต้อง!” จ้าวสำนักกล่าวพร้อมกับพยักหน้า “ในเวลานี้ศิษย์ของฮัวอวิ๋นได้กลับมาแล้ว เงื่อนไขของข้าก็คือให้เขาปฏิบัติกับเจ้าอย่างดีเมื่อข้าออกไปจากสำนักเสวียนเทียน! พร้อมทั้งศิษย์ของเขาก็ตกลง! ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีข้าและภรรยาอยู่ภายในสำนักเสวียนเทียน เจ้าจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากใดภายในสำนักนี้!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “ในตอนที่พวกท่านยังอยู่ที่นี่ เขายังปฏิบัติกับข้าได้ดี! แต่เมื่อท่านออกไปเขาจะมีเหตุผลใดที่จะต้องปฏิบัติตนดีกับข้า?”

“ฮ่าฮ่า!” เมื่อจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะของตนเอง “เจ้าช่างหวาดระแวงเกินไป! อย่างไรก็ตามในคราวนี้เจ้ากังวลมากเกินไป!”

“ใช่แล้ว!” จ้าวสำนักกล่าวเสริม “แม้ว่าฮัวอวิ๋นจะมีจิตใจคับแคบ แต่เขาไม่เคยกลับคำพูดของตนเอง นับตั้งแต่ที่เขาตกลง เขาจะดูแลเจ้าและไม่ทอดทิ้งคำสัญญา!”

“ถูกต้อง!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวเสริม “นอกจากนั้นเขายังมีมิตรอยู่มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราได้ก้าวมาถึงจุดนี้ เขาขอบคุณ และทุกข้อกล่าวหาระหว่างเจ้ากับเขาจะถูกลืมไปทั้งหมด ถ้าหากเขาปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี เขาจะไม่สามารถกลับไปเผชิญหน้ากับเราที่สำนักสาขาเสวียนเทียนได้!”

“ฮัวอวิ๋นไม่ใช่คนโง่เขลา เราสามารถจัดการกับเขาได้แม้ว่าจะอยู่ที่สำนักสาขาเสวียนเทียน ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี!” จ้าวสำนักกล่าว “ข้าได้กล่าวกับเขาไว้อย่างชัดเจน ถ้าหากเขาทำให้เจ้าทุกข์ทรมาน เราทั้งสองจะทำให้เขาทุกข์ทรมานเช่นกันเมื่อกลับไปยังสำนักสาขา!”

หลังจากที่ได้ยินคำยืนยันทั้งหมด เจ้าอ้วนเข้าใจเหตุผลทันทีว่าเหตุใดจ้าวสำนักและภรรยาจึงยอมปล่อยตาเฒ่าเฟิงให้เป็นอิสระอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกรังแกภายในสำนักเสวียนเทียนในอนาคต พวกเขาจึงต้องทำเช่นนี้ สำนักเสวียนเทียนเป็นบ้านเกิดของเขา ตราบใดที่เขาสามารถตั้งหลักได้ในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งเขาไม่ต้องกังวลกับอะไรอีกต่อไป สำหรับภัยคุกคามจากตาเฒ่าเฟิง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับมันมากนักตราบใดที่เขาไม่ได้ออกไปด้านนอก หลังจากที่เขาเติบโตขึ้นในอนาคตเขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตาเฒ่าเฟิงอีกต่อไป เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว ความไม่พอใจทั้งหมดของเจ้าอ้วนสลายไปพร้อมทั้งรู้สึกตื้นตันใจต่อจ้าวสำนักและภรรยาอย่างมาก เขาโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์ของท่านช่างโง่เขลายิ่งนักที่เข้าใจผิดท่านทั้งสอง ข้าสมควรตาย!”

“ฮ่าฮ่า จะอย่างไรเราไม่กล้าให้เจ้าตายแน่นอน ถ้าหากเจ้าตายเพราะเรื่องนี้แน่นอนว่าบุตรสาวของเราคงจะต่อสู้กับเราจนตายตกไปข้างหนึ่ง!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าฮ่า!” ภรรยาจ้าวสำนักหัวเราะร่วมกับเขาด้วย

เจ้าอ้วนและหงหยิงรู้สึกอับอาย เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวสำนักและภรรยากลับยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีก

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จ้าวสำนักบอกให้เจ้าอ้วนไปพบกับฮัวอวิ๋นในวันพรุ่งนี้ วันถัดมาเจ้าอ้วนแต่งตัวถูกต้องตามกฏของสำนักและเตรียมของขวัญราคาแพงมาด้วย หลังจากที่เขาได้พบกับจ้าวสำนัก ภรรยาและหงหยิง ทั้งสี่เข้าพบฮัวอวิ๋นด้วยกัน

เมื่อเห็นว่าจ้าวสำนักและภรรยามีของกำนัลมาด้วย และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะพบหน้ากัน นักบวชฮัวอวิ๋นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาส่งศิษย์หลายคนออกไปก่อนมาต้อนรับพวกเขาทั้งหมด

บรรยากาศเริ่มร้อนขึ้นเมื่อเจ้าอ้วนเสนอตัวเข้าเป็นศิษย์ ในเวลานั้นนักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะอันอบอุ่น ไม่มีอีกแล้วความเย็นชาในอดีต ราวกับว่าเจ้าอ้วนนั้นเป็นศิษย์ของเขาอยู่แล้วพร้อมกับลืมเรื่องราวของดาบแห่งธาตุทั้งห้าไปจนหมดสิ้น

ในตอนเริ่มต้นเจ้าอ้วนรู้สึกอึดอัดและคิดว่าฮัวอวิ๋นนั้นเกรงใจจ้าวสำนักและภรรยา แต่ในตอนนี้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นคำชมหรือการเอาอกเอาใจต่าง ๆ ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถหาข้อกังขาในคำพูดเหล่านั้นได้เลย ในตอนนี้เขาจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นใจ

สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกมึนงงอย่างมาก แต่เขาสามารถเข้าใจบทสนทนาของจ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่จ้าวสำนักจากไป สำนักสาขาจะส่งผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสองคนเพื่อมาประจำการที่นี่ และผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินที่กำลังจะมานั้นมีปัญหาขัดแย้งกับจ้าวสำนักและนักบวชฮัวอวิ๋น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันราวน้ำกับไฟ แต่เงื่อนไขที่ได้รับก็ไม่ดีนัก บางสิ่งบางอย่างมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจกันมากที่สุด