ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่ 187: กล่องดวงใจที่แตกออก

 

ความขัดแย้งภายในไม่่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้นำทั้งสองฝ่ายจะไม่ต่อสู้กันโดยตรง สิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างมากก็คือส่งศิษย์ของตนไปขัดแย้งกันแทน และการต่อสู้เหล่านั้นมักจะมีทรัพย์สินของสำนักเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

หลังจากที่หงหยิงจากไปแล้ว ศิษย์ที่อยู่ในระดับปฐมภูมิเหลือเพียงเจ้าอ้วนเท่านั้น สำหรับฉุ่ยจิ้งนางไม่เข้ามายุ่มย่ามเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้ง ดังนั้นจึงลืมเรื่องความช่วยเหลือจากนางไปได้เลย

ทั้งสองคนยอมร่วมมือกันเพราะมีศัตรูคนเดียวกัน นักบวชฮัวอวิ๋นดึงตัวเจ้าอ้วนไว้อยู่กับเขา สำหรับเหตุผลก็คือแน่นอนว่าเจ้าอ้วนจะเสริมความแข็งแกร่งของฝั่งเขาและยังสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้ถึงสองคน!

หลังจากที่เจ้าอ้วนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากหัวเราะในใจ ‘เจ้านั้นรู้อยู่เต็มอกว่าผู้ที่จะมาใหม่นั้นไม่ใช่มิตร แต่เหตุใดกันเจ้ากลับไม่รักษาความสัมพันธ์อันดีกับจ้าวสำนักไว้? เหตุใดจึงต้องสร้างสถานการณ์ให้มันเลวร้ายจนมาถึงขั้นนี้กันนะ?’

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะกล่าวสิ่งที่อยู่ภายในใจออกไป อีกทั้งเขายังมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดนั้นซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ ดังนั้นการถามออกไปจึงเป็นสิ่งที่โง่เขลาอย่างยิ่ง เจ้าอ้วนจึงทำได้เพียงยืนมองสิ่งเหล่านี้เงียบ ๆ และจัดการเรื่องของตนเองที่จะต้องเข้าฝ่ายกับนักบวชฮัวอวิ๋นต่อไป

นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน บรรยากาศทุกอย่างเป็นไปอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งงานเลี้ยงฉลองยาวนานตลอดค่ำคืนยันรุ่งสาง จากนั้นจ้าวสำนักและภรรยาพาเจ้าอ้วนพร้อมหงหยิงกลับมาที่สำนักชั้นในเพื่อกล่าวบางอย่างกับพวกเขาทั้งสองก่อนที่จะจากไป

เหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน เจ้าอ้วนใช้เวลาทั้งหมดของเขาอยู่กับหงหยิง สำหรับเวลาที่กำลังจะหมดลงทำให้พวกเขาทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ต้องจากกันได้ ในที่สุดจ้าวสำนักก็ออกคำสั่งเริ่มการเดินทางโดยใช้หอคอยลอยฟ้า

หลังจากที่ส่งจ้าวสำนักออกไปแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นก้าวสู่ตำแหน่งจ้าวสำนักอย่างเป็นทางการ ภายในสำนักทำพิธีต้อนรับตำแหน่งของเขาอย่างยิ่งใหญ่ อาวุโสระดับสูงมากมายเข้ามาร่วมแสดงความยินดี

โดยปกติแล้วผู้ฝึกตนชอบธรรมเท่านั้นที่จะมาร่วมงานเลี้ยงของผู้ฝึกตนชอบธรรม แต่ในขณะนี้จ้าวสำนักพันปีศาจได้ส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาเพื่อขอบคุณนักบวชฮัวอวิ๋นเกี่ยวกับเรื่องของตาเฒ่าเฟิง

สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนชอบธรรมไม่พอใจอย่างมากพร้อมกับก่นด่านักบวชฮัวอวิ๋นในใจ ‘เป็นผู้ฝึกตนชอบธรรมเสียเปล่า แต่เจ้ากลับไม่สังหารผู้ฝึกตนปีศาจอีกทั้งยังปล่อยเขาไป เจ้าวางแผนอะไรกันแน่?’ มีผู้ฝึกตนชอบธรรมบางคนแอบสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

สำหรับเรื่องนี้นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นมีท่าทีที่แปลกออกไป ครั้งก่อนหน้าถ้าหากมีผู้ใดกล้าล่วงเกินเขาหรือทำให้เขาไม่พอใจ แน่นอนว่าเขาจะระเบิดความโกรธออกมาทันที แต่ในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่มีความโกรธใดทั้งสิ้น มีแต่ความใจเย็นและเริ่มอธิบายอย่างช้า ๆ

แม้ว่าทุกคนในสำนักเสวียนเทียนจะยอมรับคำอธิบายจากนักบวชฮัวอวิ๋น แต่ภายในหัวใจของพวกเขาก็ไม่ได้ยอมรับมันอย่างแท้จริง งานเลี้ยงในครั้งนี้จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างอึดอัดยิ่งนัก

นักบวชฮัวอวิ๋นไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาเข้าสู่ความโกรธอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เขาจะปฏิเสธของขวัญจากจ้าวสำนักพันปีศาจ เขายังทำการเขียนจดหมายเพื่อถากถางนักบวชเซือหมัวอีกด้วย!

แต่ทว่านักบวชเซือหมัวตอบกลับจดหมายของเขาด้วยความขื่นขมว่าเขาไม่ใช่ผู้ที่ส่งของขวัญไป คนที่ส่งของขวัญไปคือแม่มดเมฆและสายลม ทั้งสองเกลียดชังนักบวชฮัวอวิ๋นและต้องการทำลายพิธีรับตำแหน่งจ้าวสำนัก ดังนั้นนางจึงตั้งใจที่จะสร้างความยากลำบากให้กับเขา ทำให้เขาสูญเสียความเชื่อถือจากผู้ฝึกตนชอบธรรมทั้งหมด

หลังจากที่เขาได้ทราบข่าวเช่นนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นแทบจะตายตกไปเพราะความโกรธ เขาสาบานออกมาอย่างไม่อาจทำอะไรได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาจะต้องแก้แค้นแม่มดเมฆและสายลมนี้อย่างแน่นอน!

ในเวลานี้ผ่านมาแล้วครึ่งปีนับตั้งแต่ที่พิธีสิ้นสุดลง แต่สำนักเสวียนเทียนยังไม่มีเวลาที่จะพักผ่อนได้เพราะต้องต้อนรับเหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งสองคนที่มาถึง

แท้จริงแล้วเจ้าอ้วนไม่ได้สนใจกับพิธีเหล่านี้เลยและไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมใด แต่หลังจากที่เขาพบปะกับนักบวชฮัวอวิ๋นจึงทราบว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าอ้วนได้รับคำสั่งพิเศษให้ออกมาต้อนรับแขกที่จะมาในวันพรุ่งนี้ด้วย นอกจากนั้นมันยังเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้แลกเปลี่ยนกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่สามารถขัดคำสั่งของนักบวชฮัวอวิ๋นได้ จึงทำได้เพียงรู้สึกไม่เต็มใจที่จะออกมาต้อนรับแขกเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือมีแขกมาจากหอเฉวียนจี้ด้วย เพราะว่ากิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นเมื่อครั้งก่อนทำให้หอเฉวียนจี้เป็นหนี้บุญคุณเจ้าอ้วนอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งสองฝ่ายเคารพกันและมีมิตรภาพอันดีต่อกันอย่างล้นหลาม แต่น่าสงสารที่เจ้าอ้วนไม่ได้พบเจอกับหานปิงเอ๋อในครั้งนี้ ทว่าเขาได้ข่าวว่านางประสบความสำเร็จและเข้าสู่ระดับปฐมภูมิแล้วเช่นกัน และในขณะนี้นางกำลังอยู่ในการเก็บตัวฝึกฝนอยู่

เมื่อได้ยินว่าสาวสวยกำลังอยู่ในการเก็บตัวฝึกฝน เจ้าอ้วนจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อีกต่อไป เมื่อเขาจัดการกับแขกทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วเขาจึงเข้าสู่การเก็บตัวฝึกฝนเช่นกัน พร้อมกับพุ่งความสนใจไปที่การปรับแต่งสายฟ้า ดังนั้นการต้อนรับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินจึงไม่ได้อยู่ในสมองของเจ้าอ้วนแม้แต่น้อย

ในขณะที่เขาเข้าสู่มิติลึกลับของตนเอง เจ้าอ้วนลืมทุกสิ่งด้านนอกอย่างรวดเร็ว เขาสนใจการปรับแต่งสายฟ้าร่วมกับหญิงงามทั้งเก้า ด้วยความช่วยเหลือของพวกนาง เขาสามารถปรับแต่งสายฟ้าทั้งห้าสำเร็จหลังจากที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนัก สำหรับเจ้าอ้วนแล้วมันคือรางวัลที่ดีเยี่ยม และในตอนนี้เขาเข้าใจทักษะการปรับแต่งเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

แม้ว่าการปรับแต่งในครั้งนี้จะใช้วัสดุที่เจ้าอ้วนมีแทบทั้งหมด แต่ทุกสิ่งที่เขาทุ่มเทไปนั้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาอย่างมาก

แต่ละเสากว้างกว่าร้อยฟุตและสูงกว่าสามสิบฟุต สีของพวกมันเป็นไปตามธาตุที่กำหนดไว้ แสงสดใสสว่างรุ่งโรจน์ตลอดเวลา เสาเหล่านี้ดูดซับปราณจิตวิญญาณภายในมิติลึกลับของเจ้าอ้วน มันควบแน่นสิ่งเหล่านี้จนออกมาเป็นอสนีขั้วบวกและขั้วลบ แต่ความแข็งแกร่งของมันขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของเจ้าอ้วนเท่านั้น ดังนั้นจึงหมายความว่าเขาไม่สามารถปรับแต่งสายฟ้าได้เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตัน

เนื่องจากความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณภายในมิติลึกลับของเจ้าอ้วน พวกมันใช้เวลาดูดซับเพื่อควบแน่นในเวลาเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น กล่าวก็คือเจ้าอ้วนสามารถได้รับอสนีขั้วบวกและอสนีขั้วลบอย่างละห้าลูกในทุก ๆ สี่ชั่วโมง

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เจ้าอ้วนมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถสะสมพวกมันได้จำนวนมากในระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือใช้ปราณจิตวิญญาณที่มากเกินไป ดังนั้นมิติลึกลับของเจ้าอ้วนจึงไม่สามารถรับมือกับมันได้

นอกจากนี้ภายในมิติลึกลับของเจ้าอ้วนยังมีสิ่งที่ต้องการปราณจิตวิญญาณมากมายเช่นต้นชาวิถีเต๋าหรือดอกบัวแห่งองค์ประกอบทั้งห้า พวกมันทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีค่ากับเขามากและเขาไม่อาจทนได้ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณภายในมิติลึกลับน้อยลง เจ้าอ้วนจึงเปิดใช้งานการปรับแต่งสายฟ้าเพียงวันละครั้งเท่านั้น และหยุดมันหลังจากที่เขาได้รับอสนีทั้งสิบลูก การทำเช่นนี้ทำให้มิติของเจ้าอ้วนไม่สูญเสียสมดุลไป

หลังจากที่เขาใช้เวลาปรับแต่งอสนีขั้วบวกและขั้วลบจากเสานั้นมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว เจ้าอ้วนไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปในเมื่อตอนนี้เขาสะสมสายฟ้าแห่งธาตุทั้งห้าได้นับร้อย

ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าอ้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย หญิงงามทั้งเก้าปรนเปรอเขาอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนยังคงรู้สึกเหงาและเริ่มคิดถึงหญิงสาวคนอื่น ๆ อย่าง หงหยิง ฉุ่ยจิ้ง หานหลิงเฟิง หรือแม้แต่หานปิงเอ๋อ เมื่อเป็นเช่นนี้หลังจากเขาสะสมสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้มากพอแล้ว เจ้าอ้วนออกจากมิติลึกลับและปรากฏตัวขึ้นในลานม่านหมอกของตนเองอีกครั้ง

เพียงแค่ในขณะที่เขาออกมาจากมิติลึกลับ เขาได้ยินเสียงหญิงสาวตะโกนมา “อา เจ้าเข้าไปในนี้ไม่ได้! นี่คือสถานที่ของสหายข้า! อย่าพยายาม!”

“สหาย? ฮ่าฮ่า เขาอาจจะเป็นเพียงคนบ้าเท่านั้น ใช่ไหม?” บุรุษผู้หนึ่งหัวเราะออกมาราวกับปีศาจ “อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อยู่ที่นี่และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเจ้าสักหน่อย ทำไมเราจึงไม่มาเล่นสนุกด้วยกันก่อนล่ะ?”

“เขาอยู่ที่นี่ เขากำลังอยู่ในการเก็บตัวฝึกฝน เจ้าควรระวังว่าเขาจะออกมาและจัดการกับเจ้าดั่งเช่นกระดาษแผ่นหนึ่ง!” หญิงสาวตะโกนพร้อมกับเริ่มร้องไห้

“เหลวไหล! ภายในสำนักเสวียนเทียนไม่มีผู้ใดเอาชนะข้าได้!” บุรุษแต่งตัวประหลาดหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวต่อ “สาวน้อย ข้าไม่อาจจินตนาการเกี่ยวกับเจ้าได้ ถ้าหากเจ้ายิ่งสร้างความยากเย็นให้กับข้ามากเท่าไหร่ ข้ายิ่งอยากจะเอาชนะเจ้ามากเท่านั้น!”

“เจ้าหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร! เจ้าไม่เกรงกลัวงั้นหรือถ้าหากข้ายื่นคำร้องสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำ? กฎของสำนักเข้มงวดมาก มันจะตอบสนองความต้องการของเจ้าได้อย่างแน่นอน!” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างกังวลใจ

“ฮ่าฮ่า กฎของสำนัก? สิ่งนั้นมีไว้เพื่อให้เด็กทารกเกรงกลัวเท่านั้น ถ้าหากเจ้ากล้ายื่นคำร้องเรื่องของข้า ข้าก็คงพูดได้เพียงเจ้าล่อลวงข้าเอง!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “ศิษย์พี่อาวุโสของข้าเป็นหนึ่งในหอคุมกฎ เจ้าคิดดูแล้วกันว่าเขาจะเชื่อใคร?”

“เจ้า… เจ้า!” หญิงสาวโกรธจัดแต่ว่าไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา

“ฮ่าฮ่า สาวน้อยอย่าทำให้เรื่องราวมันยากนักเลย!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง

หลังจากนั้นเกิดเสียงความวุ่นวายขึ้นพร้อมกับเสียงฉีกขาดของเสื้อผ้า ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวพร้อมกับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของชายหนุ่ม

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาแดงก่ำทันทีเพราะเสียงนั้นคือหานหลิงเฟิง! นางเป็นผู้หญิงของเขาและที่นี่คือบ้านของเขา ไอ้สารเลวตัวไหนมันกล้าที่จะทำเรื่องเช่นนี้กัน?

เจ้าอ้วนพุ่งออกไปจากห้องฝึกตนทันทีอย่างไม่ลังเล เขาเข้าสู่ใจกลางลานม่านหมอกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาเห็นเหตุการณ์ เขาโกรธจัดทันที เขามองเห็นชายหนุ่มสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังฉีกเสื้อผ้าของหานหลิงเฟิง ขณะนี้หานหลิงเฟิงอยู่ระดับเซียนเทียนขั้นสิบสาม แม้ว่านางจะกินผลไม้วิญญาณเข้าไปแล้ว แต่ทำไมนางยังไม่เข้าสู่ระดับปฐมภูมิ?

นอกจากนี้ดูเหมือนกับว่าร่างกายของพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนเพาะกายและมันแข็งแกร่งมาก ตรงหน้าของเขาหานหลิงเฟิงอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเป็นลูกแกะที่ไร้หนทางขัดขืนราชสีห์ ในขณะนั้นท่อนบนของนางถูกฉีกออกเป็นชิ้นแล้ว เผยให้เห็นชั้นในสีแดงที่อยู่ด้านใน กระโปรงของนางแทบจะไม่เหลือสิ่งใดอีก ใบหน้าชั่วร้ายของอีกฝ่ายเผยให้เห็นถึงความต้องการ

เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าอ้วนจะถอยกลับได้อย่างไร? เขาเปิดประตูทันทีพร้อมกับกระโดดถีบชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี

ในเวลานั้นชายแปลกหน้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดพลาดและกำลังจะหันมาในทิศทางนั้น แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าอ้วนจะรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ฝึกตนเพาะกายซึ่งร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวกับอุปกรณ์วิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจการโจมตีทางกายภาพของผู้อื่น เขาไม่หลบและเปิดโอกาสให้เจ้าอ้วนเตะเขา นอกจากนี้เขายังมีแผนที่จะโจมตีสวนกลับเมื่อเจ้าอ้วนโจมตีเสร็จสิ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดคิดว่าความแข็งแกร่งของเจ้าอ้วนจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้ ความรู้สึกของเขาราวกับว่าถูกมังกรพุ่งชนทำให้ร่างกายสูญเสียการทรงตัวและกระเด็นออกไป เขากระเด็นออกจากหน้าต่างไปไกลหลายฟุต ผ่านกำแพงและออกไปนอนอยู่ที่ถนนด้านนอก

หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “อ๊าก! น้องชายของข้า!”

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนได้เตะไปที่กล่องดวงใจของอีกฝ่าย ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่สามารถต้านทานทัณฑ์เมฆาได้ ไม่ต้องกล่าวเลยว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะสามารถลุกขึ้นยืนได้หรือไม่ แม้แต่อุปกรณ์วิเศษก็สามารถแตกหักได้จากพลังแห่งความโกรธนี้! แน่นอนว่าตอนนี้ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นแล้ว!

แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะดูแข็งแกร่ง แต่ทว่าเขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายเท่านั้น เสียงกรีดร้องของเขาดังไกลไม่กี่ลี้แต่เพียงพอสำหรับให้ศิษย์ที่อยู่ในสำนักชั้นในได้ยินทั้งหมด

ในขณะที่ได้ยินว่ามีกล่องดวงใจของใครบางคนแตก พวกเขาจะหยุดความอยากรู้อยากเห็นนี้ได้อย่างไร? ดังนั้นภายในสำนักชั้นในเกิดความวุ่นวายทันที ทุกคนรีบบินออกมาตามเสียงเพื่อรับรู้สถานการณ์ที่กำลังเกิด เพียงไม่กี่นาทีผู้คนนับร้อยมาหยุดอยู่ตรงสถานที่นั้นทันที! เดิมทีลานม่านหมอกนั้นเงียบสงบอย่างมากแต่กลับไม่ใช่ในตอนนี้ที่ผู้คนหลั่งไหลมาราวกับน้ำท่วมและไม่มีหนทางระบายน้ำออก

เจ้าอ้วนไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกแม้แต่น้อย เขากอดหานหลิงเฟิงไว้พร้อมกับปลอบนางภายใต้แขนของเขา ในขณะนั้นเขาถามออกไปว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าโง่นั่นเป็นใคร? เหตุใดเขาจึงทำเรื่องเช่นนี้?”

แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เจ้าอ้วนจะโกรธมากถึงเพียงนี้ สำนักเสวียนเทียนเป็นสำนักที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม แม้ว่าพวกเขาจะไม่กีดกันสาวกจากเรื่องเพศ แต่ทุกอย่างย่อมมีขีดจำกัด แน่นอนว่าพวกเขาไม่บ้าคลั่งดั่งเช่นสำนักปีศาจ ในอดีตที่ผ่านมาถ้าหากมีผู้ใดเขาไปข่มเหงศิษย์ที่ระดับต่ำกว่า บุคคลผู้นั้นจะต้องถูกประหารชีวิต!

ในอดีตสำนักเสวียนเทียนสงบอย่างมาก แต่เจ้าอ้วนไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ในยุคของเขา เจ้าอ้วนจึงคิดในใจ ‘แน่นอนว่าทุกคนต้องรู้ว่าที่นี่คือสำนักเสวียนเทียน มีผู้ใดกันที่คิดไปเองว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งของสำนักปีศาจ! ภายในเวลาไม่กี่ปี เหตุใดสถานการณ์จึงเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้?’